" อันตรายจริงๆ ถ้าไม่ระวัง " ถ้าให้พูดถึงความรุนแรงของโรคมะเร็งนั้นก็เรียกได้ว่าเป็น 1 ในโรคที่น่ากลัวและไม่อยากเข้าไปใกล้ด้วยเช่นกัน เพราะโรคนี้จะเรียกว่าสามารถรักษาได้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็สามารถคร่าชีวิตของคนไปได้เหมือนกัน ซึ่งกรณีหรือปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถส่งผลไปสู่โรคนี้นั้นก็มีหลายสาเหตุ และหนึ่งในนั้นก็ยังมีกรดไหลย้อนด้วย ซึ่งการเป็นกรดไหลย้อนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ระบบย่อยอาหารมีปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลและตื่นกลัวเกินไป ดังนั้นต้องมาทำความเข้าใจว่า กรดไหลย้อนเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ จริงไหม? เหตุใดกรดไหลย้อนถึงสามารถเป็นมะเร็งได้?
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
กรดไหลย้อน คืออะไร ?
กรดไหลย้อน (gastroesophageal Reflux Disease : GERD)เป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ซึ่งเกิดจากการเป็นกรดในกระเพาะอาหาร จนทำให้เกิดอาการที่รบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น การอักเสบของหลอดอาหารโรคกรดไหลย้อนเป็นภัยเงียบที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยสาเหตุหลักๆ ของโรคนี้ก็มาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรานั่นเอง โดยจะทำให้มีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ ลามขึ้นมาบริเวณหน้าอกหรือลำคอ หลังจากทานอาหารมื้อหนัก และมีอาการเรอแล้วมีกลิ่นเปรี้ยว
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน
- หลอดอาหารส่วนปลายคลายตัวโดยที่ยังไม่กลืนอาหาร- ความดันจากหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายลดลงต่ำกว่าปกติ หรือเกิดการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร- ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร หรือหลอดอาหาร ทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ- เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม- พฤติกรรมในการดำเนินชีวิต เช่น การรับประทานเสร็จแล้วนอนทันที การรับประทานของมันๆ มากเกินไป- ภาวะความเครียด โดยผู้ที่มีความเครียดมักมีภาวะหลอดอาหารที่มีความไวเกิดต่อสิ่งกระตุ้น หลอดอาหารอ่อนไหวต่อกรด เมื่อมีกรดไหลย้อนขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อย จะมีอาการแสดงทันที- ปัจจัยอื่นๆ เช่น โรคอ้วน การตั้งครรภ์ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม การรับประทานยาบางชนิด เป็นต้น
พฤติกรรมกินแล้วนอน ควรหยุด!
หนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อน สาเหตุหลักก็มาจากพฤติกรรมของการ 'กินแล้วนอน' ซึ่งการนอนจะทำให้หูรูดมีการทำงานไม่ดี เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นไปได้ รวมไปถึงท่านอนราบยังทำให้กรดไหลย้อนขึ้นไปง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้แล้ว การรับประทานอาหารและนอนทันที ยังเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเกิดเป็นโรคกรดไหลย้อนได้มากถึง 2 เท่า เพราะไม่ได้รอให้อาหารเคลื่อนตัวไปยังกระเพาะ ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวล่ประมาณ 3 ชั่วโมงและยังมีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม อย่างเช่น การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การทานของเปรี้ยว เผ็ด ดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และสูบบุหรี่ เป็นต้น
กรดไหลย้อนสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
อย่างที่ทราบกันดีว่า โรคกรดไหลย้อน มักพบในผู้ที่ทำงานในออฟฟิศ เนื่องจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร แต่ไม่เพียงแค่นั้น โรคกรดไหลย้อนสามารถพบได้ในกลุ่มอายุ เป็นโรคใกล้ตัวที่ใครๆ ก็เป็นได้ โดยผู้ที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ มีความเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนได้ ดังนี้- รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รับประทานอาหารแล้วนอนทันที- ชอบรับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเป็นประจำ- ดื่มสุรา น้ำอัดลม- สูบบุหรี่- ผู้หญิงตั้งครรภ์- มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือโรคอ้วน- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน- ผู้ป่วยโรคผิวหนังแข็ง- รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตสูงบางชนิด ยาแก้โรคซึมเศร้า เป็นต้น
อาการแบบไหนที่เรียกว่ากรดไหลย้อน ?
- แสบร้อนบริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นมากหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก
- มีอาการเรอเปรี้ยว มีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนมาในปาก
- ท้องอืด แน่นท้อง คล้ายอาหารไม่ย่อย
- คลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
- เจ็บหน้าอก จุก คล้ายเหมือนมีก้อนติดอยู่ในลำคอ
- หืดหอบ ไอแห้งๆ เสียงแหบ
- เจ็บคอเรื้อรัง
กรดไหลย้อนเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ จริงเหรอ?
อ. พญ. นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิก วิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายไว้ว่ากรดไหลย้อนนั้น จะทำให้เกิดความอักเสบเรื้อรังบริเวณหลอดอาหารและบริเวณกล่องเสียง ซึ่งถ้าหากมีการอักเสบเรื้อรังไปนานๆ จะทำให้เซลล์บริเวณเยื่อหุ้มผิวมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ แต่ว่ามีโอกาสไม่เยอะมาก แค่ประมาณ 1-6% เท่านั้น
การรักษากรดไหลย้อน
ต้องควบคุมอาหาร พวกอาหารเปรี้ยว เผ็ด ชา กาแฟ น้ำอัดลม ของมัน และของทอดควรงดน้อยลง ต่อมาคือเวลาทานอาหารแล้ว อย่าพึ่ง! ล้มตัวลงนอนต้องเว้นไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง ให้อาหารเคลื่อนตัวไปยังกระเพาะให้เรียบร้อยก่อนแต่สำหรับใครที่เป็นกรดไหลย้อนและกลายเป็นมะเร็งแล้ว (มักจะเกิดที่หลอดอาหาร) นอกจากจะควบคุมอาหารแล้ว ก็จะใช้วิธีการรักษาาโดยการผ่าตัด แต่หากเป็นมะเร็งระยะหลังๆ อาจจะต้องใช้วิธีฉายแสงและใช้สารเคมีบำบัดร่วมด้วย
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
ส่วนมากนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเรา โดยเฉพาะการกินแล้วนอนนั้น เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน เมื่อเกิดแล้วนั้นก็เรียกได้ว่าทรมานสุดๆ เพราะเอนตัวนอนไม่ได้เพราะรู้สึกจุกเสียดตลอดเวลา ฉะนั้นแล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนๆ ส่วนใครที่กังวลเรื่อง กรดไหลย้อนเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ นั้น ต้องคอยสังเกตอาการตัวเองว่าเข้าข่ายส่วนไหนหรือเป็นแบบนี้มาได้กี่ช่วงสัปดาห์แล้ว ถ้าพบถึงความผิดปกติของตัวเองต้องรีบเข้าไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที ก่อนจะเกิดอันตรายตามมา
บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด
รู้แล้วรีบเลี่ยงให้ไว! รวม 7 เมนูที่คนเป็น ' กรดไหลย้อน ' ไม่ควรกิน ถ้าไม่อยากแสบร้อนท้องจนทรมาน | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/82907
5 วิธี แก้อาการ "กรดไหลย้อน" โดยไม่ต้องพึ่งหมอ #มีสูตรแบบนี้ก็ดีสิ! | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/43194
5 เมนูที่คนเป็น " กรดไหลย้อน " ไม่ควรทาน ! | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/83194
"โรคกรดไหลย้อน" ปล่อยไว้เป็นมะเร็งได้จริงหรือ? - รามา แชนแนล
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89/
เช็กอาการแบบไหนใช่ “กรดไหลย้อน” - โรงพยาบาลศิครินทร์
https://www.sikarin.com/health/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99