1. SistaCafe
  2. ทริคลดหวานไม่หักดิบ แชร์วิธีเลิกติดหวานยังไงให้ยั่งยืนแบบไม่ทรมาน

ฮัลโหล~ ทักทายค่าชาวซิส แบบว่าช่วงนี้เห็นเทรนด์ว่าคนกำลังอินเรื่องลดน้ำตาล ลดหวานกันเยอะไปหมดเลย แล้วก็มีเสียงบ่นระงมว่ามันทำยากมาก คืออยากทำแต่พอเริ่มแล้วทำไม่ได้ทุกที อาจจะเป็นเพราะเราหักดิบมากเกินไปค่ะ แบบอยากงดก็งดเลยซึ่งร่างกายและความรู้สึกเรามันก็มีต่อต้านเป็นธรรมดา งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า! เรามาส่อง ทริคลดหวานไม่หักดิบ กัน รับรองว่าช่วยได้แน่นอนเพราะไม่ใช่การลดแบบงด ห้ามกิน หยุดกินทันที แต่จะเป็นการค่อย ๆ ลดนั่นนิดนี่หน่อยแทน ฟังดูน่าสนใจละซี่~ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็มาดูกันเล้ยยยย


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


เช็กลิสต์! พฤติกรรมเสี่ยงบ่งบอกอาการติดหวาน เราเป็นคนติดหวานไหม?


สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังสงสัยว่าเราเป็นคนติดหวาน หรือแค่กินหวานเพราะน้ำตาลตก เพื่อน ๆ สามารถเริ่มสำรวจตัวเองได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของตัวเองได้ง่าย ๆ ตามเช็กลิสต์คนติดหวานที่เราได้หยิบมาแชร์ต่อไปนี้

  • เวลาปรุงอาหาร ต้องเติมน้ำตาลในอาหารคาวเกือบทุกจาน
  • หลังอาหารทุกมื้อต้องตามด้วยของหวาน
  • รู้สึกอยากกินแต่ขนมหวาน หรือผลไม้รสหวาน
  • รู้สึกหิวบ่อย และอยากกินแต่ขนมหวาน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งกินอิ่ม
  • เมื่อไม่ได้กินของหวานแล้วรู้สึกไม่ดี เหนื่อย หงุดหงิด
  • ดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน มากกว่า 1 แก้วต่อวัน
  • ต้องมีของหวานติดตู้เย็น หรือมีขนมวางใกล้มือตลอด

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เช็กแล้วมีพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่เกิน 1 – 4 ข้อ ถือยังไม่น่าเป็นห่วงนะคะ อาจมีอาการติดหวานบ้าง แต่สามารถปรับลดอาการติดหวานลงได้ไม่ยาก แต่ถ้าเกิดมีพฤติกรรมเหล่านี้ตั้งแต่ 4 ข้อขึ้นไป จัดว่ามีพฤติกรรมการกินติดรสชาติหวานแล้วค่ะ ควรปรับร่างกายลดหวานลงบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องหักดิบ เราสามารถลดหวานแบบค่อยเป็นค่อยไปได้จากวิธีที่เราหยิบมาแชร์ต่อไปนี้กันได้ค่ะ


อยากหน้าใสต้องงดบ้าง ด้วย 10 วิธีลดหวานไม่หักดิบ แบบไม่ทรมาน


วิธีลดหวานไม่หักดิบ ที่ 1 ลดน้ำหวานให้เหลือวันละแก้ว


เริ่มจากข้อแรกกันเลยค่า มีใครติดกินน้ำหวานวันละ 2 แก้วขึ้นไปไหมคะ ถ้าใครที่มีพฤติกรรมนี้อยู่ขอให้รีบปรับโดยด่วนเลยน้า เพราะยิ่งเรากินน้ำหวานเยอะเท่าไหร่ปริมาณน้ำตาลก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น วิธีที่ง่ายที่สุดคือการลดการกินลงให้เหลือแค่วันละ 1 แก้วเท่านั้นค่ะ คือถ้าเราไม่กินไปเลยมันอาจจะหักดิบไปหน่อยให้เริ่มลดทีละนิดอย่างการกินน้ำหวานให้เหลือวันละ 1 แก้วก่อนนะคะ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าอยู่ตัวเมื่อไหร่อาจจะลดการดื่มเป็นสัปดาห์ละ 5 วัน 3 วัน 1 วันไปเรื่อย ๆจนสุดท้ายไม่ดื่มเลยก็จะทำให้เราลดหวานได้ในที่สุดนั่นเองจ้า


ลดหวานแบบไม่หักดิบ ที่ 2 ลดระดับความหวานลง


มาต่อกันด้วยวิธีที่ 2 เลยจ้า วิธีนี้จะต่อเนื่องกับวิธีด้านบนคือนอกจากการลดจำนวนแก้วที่กินลงไปแล้ว ก็ต้องมาลดระดับความหวานกันต่อด้วย เช่นปกติกินชาไทยหวาน 100 ก็ให้ลดระดับลงเป็น 75 ก่อนก็ได้นะคะ แล้วหลังจากนั้นค่อย ๆ ปรับเป็น 25 - 50 แทนปริมาณน้ำตาลจะได้ลดลงไปด้วย รวมไปถึงของหวานและอาหารต่าง ๆ ด้วยค่ะ ใครติดกินเค้ก กินลูกอมอะไรพวกนี้ก็ต้องเลี่ยงไปกินของหวานที่น้ำตาลน้อยลงแทนนะคะ จะได้ช่วยให้เราลดระดับความหวานและปริมาณน้ำตาลลงเรื่อย ๆ ด้วย :-)


ทริคลดหวานไม่หักดิบ ที่ 3 แบ่งกินทีละนิดละหน่อย


ข้อที่ 3 กันแล้วค่า สำหรับข้อนี้ขอเน้นไปที่ขนมหวานเลยนะคะ ใครที่ชอบกินขนมหวาน เบเกอร์รีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเค้ก ชูครีม คุกกี้ โดนัท ฯลฯ แนะนำว่า ให้กินที่ละนิดแทน ค่ะ เช่น ซื้อเค้กมา 1 ชิ้น ก็ตัดแบ่งไว้สัก 2 - 3 ส่วนกินวันละส่วน ๆ ปริมาณน้ำตาลในแต่ละวันก็จะลดลงแถมยังเป็นการกินที่ไม่หักดิบเกินไปด้วยนั่นเองจ้า แต่ถ้าอดใจไม่ไหวจริง ๆ อยากกินทั้งชิ้น แนะนำว่าให้นับเป็น 1 มื้ออาหารไปเลยนะคะ เพราะถ้ากินเค้กด้วย กินข้าวด้วยอาจจะทำให้ได้คาร์โบไฮเดรตเยอะเกินไป รู้แบบนี้แล้วก็ลองบาลานซ์กันดูน้า ♥


วิธีลดน้ำตาล ที่ 4 ซื้อขนาดหรือปริมาณที่เล็กลง


ข้อที่ 4 เกินครึ่งทางมาแล้วจ้า ข้อนี้ก็คือให้สั่งในขนาดที่เล็กลงค่ะ เช่น ปกติกินชาไทยแก้วใหญ่ ก็ให้ลดเหลือแค่แก้วปกติหรือแก้วเล็กก็พอส่วนขนมถ้าปกติกินชิ้นใหญ่ก็ให้ลดเหลือชิ้นเล็ก ๆ แทนเช่น คุกกี้ก็จะมีทั้งแบบชิ้นใหญ่และชิ้นเล็ก ถ้าไม่อยากกินเยอะก็ให้กินชิ้นเล็ก ๆ ให้หายอยากแทน แบบนี้ก็ได้เหมือนกันค่ะ ที่แนะนำให้ทำแบบนี้เพราะว่าสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลและปริมาณอื่น ๆ แบบคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันลงได้อีกด้วย ก็คือลด 1 ได้ถึง 2 และ 3 อะไรแบบนั้นเลยนะคะ คุ้มสุด ๆ


ติดหวาน แก้ยังไง วิธีที่ 5 ทานผลไม้แทนขนมหวาน


ข้อที่ 5 ให้ทานผลไม้แทนการกินขนมหวาน... ฟังดูเหมือนจะชิล ๆ แต่ไม่ชิลนะจ๊ะ เพราะจริง ๆ ผลไม้หลาย ๆ ชนิดก็มีน้ำตาลเยอะเหมือนกัน เช่น ขนุน ทุเรียน มะม่วงสุก ลำไย เงาะ ฯลฯ ดังนั้นเนี่ยเราจะต้องเลี่ยงผลไม้พวกนี้ด้วย ไม่ใช่ว่ากินได้ทุกชนิดน้า และถ้าจะให้แนะนำก็ขอแนะนำเป็นฝรั่ง ส้ม กีวี่ เสาวรส แอปเปิล ลูกแพร อะโวคาโด ลูกพลัม ฯลฯอะไรพวกนี้แทนจะดีกว่าเพราะมีปริมาณน้ำตาลที่น้อยแล้วก็ไม่มีไขมันสูงด้วย นอกจากการกินผลไม้จะช่วยลดหวานให้เราได้แล้ว ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นแถมยังได้วิตามิน + แร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพด้วยนะคะ :-D


วิธีลดความโหยน้ำตาล ที่ 6 ทานไฟเบอร์ให้เยอะขึ้นกว่าเดิม


ตามมาด้วยข้อที่ 6 นอกจากการทานผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยแล้ว ควรเสริมไฟเบอร์เข้าไปด้วย เพราะการทานอาหารที่มีไฟเบอร์จะช่วยให้ร่างกายเราไม่โหยน้ำตาลมากเกินไป เนื่องจากใยอาหารที่สูง มีแคลอรี่ต่ำ มีส่วนช่วยในการลดน้ำตาลทำให้ร่างกายดูดซับน้ำตาลได้ช้าลง ไม่ให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วเกินไป ร่างกายเลยสามารถดึงน้ำตาลไปใช้ได้ในระดับที่พอดี และแนะนำว่าให้เลือกทานไฟเบอร์หลากหลายในแต่ละวัน เช่น กินผักใบเขียว การทานผักหลายสีใน 1 มื้ออาหาร ทั้งได้สารอาหารที่ครบถ้วน ใยอาหารยังช่วยให้ร่างกายอิ่มนาน ลดอาหารหิวโหยระหว่างวันได้ด้วย


ทริคลดหวานแบบไม่ทรมาน ที่ 7 ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น


หลายคนพอเหนื่อยหน่อยหรือร้อนหน่อยก็จะซื้อแต่น้ำหวานมากินซะละ แบบนี้ก็คงไม่ได้ลดปริมาณน้ำตาลกันพอดี งั้นเราขอเสนอวิธีที่ 7 อย่างการดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นเลยจ้า ดื่มให้มากขึ้นไม่ได้หมายความว่าต้องดื่มเป็นลิตร ๆ หรือเป็นขวดใหญ่อะไรแบบนั้นนะคะ แต่ให้จิบเรื่อย ๆ แทน หิวน้ำหรือปากแห้งก็จิบสัก 1 ครั้งพอเราจิบบ่อย ๆ จะทำให้เราไม่ค่อยหิวแล้วก็จะทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกอยากกินพวกของหวานหรือน้ำหวานด้วย แต่ก็อย่าดื่มหรือจิบเยอะไปนะคะเพราะน้ำเปล่าถ้าดื่มมากไปก็อันตรายต่อร่างกายเหมือนกัน ( ซึ่งจะต้องดื่มเกิน 3 ลิตรถึงจะอันตรายนะจ๊ะ )


วิธีลดอาการติดหวานที่ 8 ออกกำลังกายบ้าง


มาต่อกันที่วิธีที่ 8 อย่าเพิ่งงงนะคะว่าการออกกำลังกายเกี่ยวอะไรกับการลดหวาน คือการออกกำลังกายเนี่ยนอกจากจะทำให้สุขภาพเราแข็งแรงมากขึ้น ได้ขับเหงื่อ ได้ลดไขมันต่าง ๆ ลงไปแล้วยังช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้นด้วยนะคะ ใครเครียด ๆ เนี่ยยิ่งควรออกกำลังเลยล่ะ และเมื่อเราออกกำลังวันละนิดก็จะทำให้ความเครียดมีน้อยลง ความอยากของหวานและน้ำตาลมันก็จะลดลงไปด้วยนั่นเองรู้แบบนี้แล้วก็หมั่นออกกำลังกายกันนะคะ วันละ 5 - 10 นาทีก่อนก็ได้ แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็น 15 ไปจนถึงประมาณ 30 นาทีต่อวันจะดีมาก ๆ เลยละค่ะ!


วิธีเลี่ยงนึกถึงของหวาน ที่ 9 ใช้เวลากับงานอดิเรกที่ชอบ


ตามมาด้วยวิธีที่ 9 อย่างการใช้เวลากับงานอดิเรกที่ชอบ เป็นอีกหนึ่งในการทำกิจกรรมนอกจากออกกำลังกาย ที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจออกจากของหวานได้ ในช่วงที่กำลังนึกถึงของหวาน อยากเติมน้ำตาลเข้าเส้นเลือด ลองเลี่ยงไปหากิจกรรมทำดูค่ะ เช่น ปลูกต้นไม้ ทำงานบ้าน หาหนังสนุก ๆ ดู ฯลฯ เพื่อให้ตัวเราโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ชอบตรงหน้า อาจจะช่วยลดความอยากหวานลงไปได้บ้าง นอกจากนั้นการที่เราได้จดจ่อกับงานอดิเรกที่ชอบ ยังช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลายความเครียดที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการอยากของหวานลงไปได้ด้วยน้า


ทริคลดหวานง่าย ๆ ที่ 10 จดบันทึกพฤติกรรมการกิน


ต่อมาข้อสุดท้ายปรับพฤติกรรมการกิน พร้อมกับออกกำลังกาย ทำกิจกรรมเลี่ยงอาการอยากหวานกันไปแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ อยากลดหวานแบบไม่หักดิบ และยั่งยืนทำได้ยาว ๆ ลองจดบันทึกพฤติกรรมการกินของตัวเองในแต่ละวันไปด้วย การจดบันทึกจะช่วยให้เราได้เห็นรูปแบบการกินของเราได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นว่าเรากินอาหาร เครื่องดื่ม หรือของหวานน้ำตาลสูงอะไรบ้าง และสามารถเริ่มลดได้จากของกินเหล่านั้นได้ วิธีนี้นอกจากจะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินหวานลงไปได้แล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเราให้ Healthy ยิ่งขึ้นด้วย


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

สรุปทริคลดหวานไม่หักดิบ

เป็นยังไงกันบ้างเอ่ยกับ 10 ทริคลดหวานไม่หักดิบ ที่เราแนะนำไป ใครยังไม่เคยลองอยากให้ลองดูนะคะเพราะมันช่วยได้จริง ๆ แล้วไม่เป็นการฝืนใจจนเกินไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นวิธีการลดหวานและปริมาณน้ำตาลในแต่ละวันลงได้แบบประนีประนอมที่สุดแล้วนะคะ รู้แบบนี้แล้วก็อยากให้ทุกคนทำน้า เราเองก็จะทำด้วยเหมือนกัน สู้ไปด้วยกันค่ะ! เพื่องานผิวที่ดีขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยถ้าใครกลัวเหงา ๆ ทำคนเดียวก็ชวนคนรอบตัวแบบคุณพ่อ คุณแม่ พี่ น้อง เพื่อนหรือแฟนมาทำด้วยกันก็ได้นะคะ จะได้มีคนคอยห้ามกันบ้างเผื่อจะเผลอใจกินหวาน เอาล่ะ! งั้นเราต้องลาทุกคนไปก่อนนะค้า ไว้กลับมาพบกันใหม่ในบทความหน้าค่า บ๊ายบาย ♥


ขอบคุณรูปภาพจาก istock, adobe stock

ข้อมูลอ้างอิงจาก


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้