สวัสดีค่ะสาว ๆ
SistaCafe
ทุกคน ในชีวิตประจำวันของสาว ๆ โดยทั่วไป นอกจากการแต่งหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองแล้ว กลับบ้านมาเราก็ต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด และสิ่งที่จะมาทำให้ผิวหน้าของเราสะอาดขึ้นอีกขั้นหนึ่งก่อนที่จะไปบำรุงผิว ก็คือสิ่งที่เรียกว่า
" โทนเนอร์ "
นั่นเองค่ะ แต่...ก็มีสาว ๆ หลายคนที่ประสบปัญหาจากการใช้โทนเนอร์อยู่เหมือนกัน มีการเช็ดแล้วแสบหน้าบ้างล่ะ แพ้แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอมจากโทนเนอร์ ทำให้สิวขึ้นบ้างล่ะ...แล้วจะมีโทนเนอร์ตัวไหนนะ ที่เช็ดแล้วมันไม่แสบ ไม่แพ้ และสะอาดหมดจดจริง ๆ ?
มิ้วบอกตรงนี้เลยว่ามีแน่นอนค่ะ และวันนี้มิ้วก็จะมาทำการ Battle โทนเนอร์ทุกตัวที่มิ้วใช้เอง ตัวไหนปัง ตัวไหนแป้ก ตัวไหนเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน เดี๋ยวรู้เลย ถ้าพร้อมแล้วมาชมไปพร้อม ๆ กันเลยค่า ^^
โทนเนอร์ทั้งหมดที่มิ้วนำมา Battle มีดังนี้ค่ะ
1. Klean & Kare normal saline หรือน้ำเกลือ Klean & Kare
2. The Face Shop Clean Face Mild Toner
3. Neutrogena Alcohol Free Toner
4. Etude Hose Wonder Pore Freshener
ก่อนจะไปทดลองประสิทธิภาพของโทนเนอร์ทุกตัวได้อย่างเต็มขั้น เราต้องทำการแต่งหน้าแบบจัดเต็มกันก่อนนะคะ และนี่ก็คือหน้าที่มิ้วแต่งมาเต็มแล้ว ทั้งรองพื้น แป้ง อายแชโดว์ มาสคาร่า บลัชออน และลิปสติก งานนี้ต้องหน้าแน่นเข้าไว้นะคะ
โชว์หน้าเต็มกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้มิ้วขอไปลบหน้าออกครึ่งนึงก่อนนะคะ
และนี่ก็คือหน้าสด หน้าจริง ไม่อิงนิยาย ลบด้วยรีมูฟเวอร์ ตามด้วยการล้างหน้าด้วยโฟมต่อเป็นที่เรียบร้อย
เดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าแต่ละตัวเช็ดแล้วเป็นยังไงบ้าง?
1. Klean & Kare normal saline
เริ่มตัวแรกที่น้ำเกลือของ
Klean & Kare
เลยค่ะ แปลกใจล่ะสิว่าทำไมถึงมีน้ำเกลือมารวมอยู่ในนี้ด้วย ใครได้ดูรีวิวสกินแคร์บ่อย ๆ จะทราบกันดีค่ะว่าเดี๋ยวนี้หลายคนหันมาใช้น้ำเกลือแทนโทนเนอร์กันเยอะแยะ เพราะเอามาเช็ดหน้าได้สะอาดจริง ๆ เหมาะกับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย และคนที่มีปัญหาสิว ซึ่ง
มิ้วก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ น้ำเกลือที่มิ้วใช้เป็นขวดขนาดกลาง ปริมาณ 500 ml. ปกติจะซื้อที่ร้าน Watson ไม่ก็ Boots ราคา 58 บาท ราคาถูกแถมได้เยอะอีกต่างหาก
อย่างที่บอกไปว่ามิ้วชอบเป็นสิวบ่อย ๆ หลายครั้งมิ้วก็ใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าเพื่อทำความสะอาดผิวหลังจากล้างหน้าด้วยโฟม ผลที่ได้นอกจากจะไม่แสบผิวแล้ว ยังรู้สึกได้ว่ามันสะอาดมาก ที่ดียิ่งกว่านั้นคือสิวหายเร็ว และรอยสิวดูเล็กด้วย เป็นอะไรที่ปลื้มมาก เมื่อใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าแล้วสิวบนใบหน้าหายเร็ว แน่นอนว่าสิวที่หลังก็หายห่วงค่ะ มิ้วจะใช้เจ้าน้ำเกลือของ Klean & Kare เช็ดที่หลังเพื่อรักษาสิวเช่นเดียวกัน
เห็นขวดใหญ่ขนาดนี้ ใช้กับใบหน้าอย่างเดียวอาจจะไม่หมด เพราะว่าอายุการใช้งานหลังเปิดใช้น้ำเกลือตัวนี้มีแค่ 30 วันเท่านั้นเอง แต่มิ้วคิดว่าควรใช้ให้หมดภายใน 30 วันเลยดีกว่าค่ะ จะได้รับประสิทธิภาพได้สูงสุดและปลอดภัยด้วย ตัวแรกผ่านไปขอบอกว่าดีงามมากค่ะ ทั้งราคา คุณภาพ ผลที่ได้รับ ทุกวันนี้มิ้วใช้เป็นประจำทั้งตอนเช้าและก่อนนอน ก่อนจะทามอยเจอร์ไรเซอร์ ต้องมีติดบ้านเอาไว้เลยทีเดียว
2. The Face Shop Clean Face Mild Toner
ตัวที่ 2 เป็นโทนเนอร์สัญชาติเกาหลีจาก
The Face Shop
ค่ะ
Clean Face Mild Toner
เป็น
โทนเนอร์สูตรรักษาสิว ราคากลางๆ ไม่ได้แพงอะไร มิ้วซื้อมาในราคา 329 บาทจากช็อปของ The Face Shop โดยตรงเลยค่ะ ที่ซื้อตัวนี้เพราะมีช่วงนึงเป็นสิวหนักมาก ( ก็แต่งหน้าตลอดแทบจะทุกวัน สิวก็ขึ้นไม่หยุดหย่อนแบบนี้ล่ะนะ )
เวลาใช้โทนเนอร์ตัวนี้ สิ่งแรกที่รู้สึกคือกลิ่นหอมละมุนมาก ไม่ฉุน มีความสดชื่น เหมือนได้กลิ่นพืชนิด ๆ แต่ก็แอบรู้สึกเหมือนกันว่าเขาผสมแอลกอฮอล์มาด้วย เช็ดแล้วรู้สึกว่าสะอาดดี ไม่มีการระคายเคืองใด ๆ แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องสิวมากนัก ทั้ง ๆ ที่เคลมไว้ว่าเป็นสูตรรักษาสิว รูขุมขนเล็กลงนิดหน่อย ( แต่มิ้วเป็นคนผิวผสมและมีรูขุมขนค่อนข้างกว้างอยู่แล้ว ตรงนี้น่าจะเป็นสิ่งที่แก้ไขค่อนข้างยาก ) แต่ก็โอเคที่เช็ดแล้วไม่แสบหน้าอะไรเลย และสิวไม่ขึ้นไปมากกว่าเดิมค่ะ
ถ้าให้พูดถึงความประทับใจ ชอบที่สุดก็เรื่องกลิ่นหอมละมุน ๆ นี่แหละไม่ฉุนจนเกินไป แล้วก็ตรงที่เช็ดแล้วไม่แสบหน้า นอกนั้นก็ยังรู้สึกว่าเฉย ๆ ไม่ต่างจากโทนเนอร์ตัวอื่น ๆ มากนัก
3. Neutrogena Alcohol Free Toner
ตัวถัดมา แบรนด์
Neutrogena
กับโทนเนอร์ขวดสีฟ้าที่สาว ๆ หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี มิ้วซื้อที่ร้าน Watson ใกล้บ้าน ราคา 186 บาทค่ะ ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายสุด ๆ ค่ะ
จากการใช้โทนเนอร์ตัวนี้ สิ่งแรกที่มิ้วรู้สึกคือมันให้ความชุ่มชื้นดีมาก เช็ดแล้วไม่รู้สึกแห้งตึง ไม่มีอาการแสบหน้าหรือระคายเคืองใด ๆ สะอาดดี มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แต่ไม่ช่วยเรื่องสิวและการกระชับรูขุมขนสักเท่าไหร่ เหมือนเอามาเช็ดเพื่อเน้นความสะอาด เตรียมผิวในขั้นตอนต่อไปมากกว่า ไม่รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากนัก
ความรู้สึกสำหรับโทนเนอร์ตัวนี้ บอกเลยว่ารู้สึกเฉย ๆ ใช้แล้วไม่ได้เกิดอาการแพ้ใด ๆ แต่ก็ไม่เห็นการเปลียนแปลงใด ๆ ด้วยเช่นกัน แอบรู้สึกว่ามันยังไม่ตอบโจทย์ตรงที่มันมีส่วนผสมของน้ำหอม ซึ่งไม่น่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะเสี่ยงที่จะแพ้น้ำหอมได้เหมือนกัน
4. Etude House Wonder Pore Freshner
กลับมาที่ฝั่งเกาหลีอีกรอบ กับ
Wonder Pore Freshner
จาก Etude House ตัวนี้มิ้วซื้อในช็อปของ Etude House โดยตรงเลยค่ะ ขวดใหญ่และหนักขนาดนี้ แน่นอนว่าราคาก็หนักขึ้นด้วย ขวดละ 700 บาทค่ะ ( เล่นเอากระเป๋าแห้งอยู่เหมือนกันนะ +_+ ) เป็นโทนเนอร์สูตรกระชับรูขุมขน และช่วยทำความสะอาดรูขุมขนไปในตัวค่ะ
สิ่งแรกที่สัมผัสได้จากการใช้โทนเนอร์ตัวนี้คือ มีกลิ่นน้ำหอมที่ค่อนข้างแรง แอลกอฮอล์ไม่ต้องพูดถึง กลิ่นมาเต็มค่ะ ตอนเช็ดแล้วก็รู้สึกว่ามันสดชื่นดี เพราะมีกลิ่นหอม ๆ เหมือนกัน แต่ก็แอบแสบหน้าในบริเวณที่ผิวแห้งอย่างตรงโหนกแก้ม แต่เห็นผลได้ชัดเจนว่ารูขุมขนดูกระชับเล็กลงจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องสิวนะจ๊ะ
ความรู้สึกสำหรับโทนเนอร์ตัวนี้ อย่างแรกคือมิ้วคิดว่ามันไม่น่าจะเหมาะกับคนผิวหน้าแห้งหรือผิวแพ้ง่ายเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกไปว่ามิ้วเช็ดโดนตรงที่ผิวแห้งแล้วมันแสบหน้า แถมมันยังมีแอลกอฮอล์และน้ำหอมอยู่ด้วย ไม่ควรเสี่ยงนะจ๊ะ แต่คนที่ประสบปัญหารูขุมขนกว้างน่าจะชอบเจ้าโทนเนอร์ตัวนี้กัน เพราะนางช่วยกระชับรูขุนขนได้ดีเลยทีเดียว ติดที่ราคาอาจจะสูงไปสักหน่อย
เปรียบเทียบสำลีให้ดูกันว่าโทนเนอร์กับน้ำเกลือนั้น เมื่อเช็ดหน้าออกมาแล้วอะไรสะอาดกว่ากัน
มิ้วใช้น้ำเกลือและโทนเนอร์เหยาะลงบนสำลี เช็ดลงบนใบหน้าในส่วนที่ต่างกัน สิ่งที่ทำให้มิ้วตกใจมากก็คือสำลีที่เช็ดด้วยโทนเนอร์นั้น พอนำมาเปรียบเทียบกับสำลีที่เช็ดด้วยน้ำเกลือ มันมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!
ถ้ามองเดี่ยว ๆ ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าโทนเนอร์แต่ละตัวก็เช็ดได้สะอาดดีทุกตัว แต่เมื่อนำมาเทียบกับสำลีที่เช็ดด้วยน้ำเกลือ
Klean & Kare
ชัดเลยค่ะกว่าน้ำเกลือให้ความสะอาดกว่าเยอะ! แทบไม่มีคราบเปื้อนติดสำลีออกมาเลย ในขณะที่สำลีแผ่นอื่น ๆ ที่เช็ดด้วยโทนเนอร์ยังมีคราบติดอยู่ บ่งบอกได้เลยว่าใบหน้าส่วนที่เช็ดด้วยโทนเนอร์ยังสะอาดไม่เพียงพอ
เมื่อเป็นดังนี้ ดูจากผลลัพธ์ที่นำมาเปรียบเทียบ และผลที่เกิดกับใบหน้าของมิ้วเอง สรุปได้คร่าว ๆ ว่า น้ำเกลือ
Klean & Kare
ให้ความสะอาดหมดจดจริง ๆ
ที่สำคัญไม่มีแอลกอฮอล์ด้วย แถมราคาก็ถูกกว่าโทนเนอร์ตัวอื่น ๆ ตั้งเยอะ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับคนที่ผิวหน้าแห้ง การใช้น้ำเกลือมันดีกว่าใช้ออยล์เช็ดหน้าอีก ไม่ใช่ว่าพวกออยล์ไม่ดีนะคะ แต่มันอาจจะให้เกิดการอุดตันและเป็นสิวได้อีกในเวลาต่อมา!!! ( T-Zone มันย่องแบบมิ้วก็ใช้ออยล์ไม่ได้เหมือนกันค่ะ ใช้ทีไรได้เรื่องทุกที )
ติดดาว / ให้คะแนนเปรียบเทียบ น้ำเกลือ Klean & Kare VS โทนเนอร์
คะแนนเต็มมี 5 ดาวนะคะ
Klean & Kare Normal Saline
: ★★★★★
- ด้วยราคาที่ไม่แพง คุณภาพดี ไม่แพ้ ทำให้สิวและรอยสิวหายเร็ว และมิ้วคิดว่าไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้เฉพาะกับคนที่มีปัญหาสิวหรอก ผิวแบบไหนก็น่าจะใช้ได้ เพราะมันใช้แล้วสะอาดจริง ๆ สำหรับน้ำเกลือ Klean & Kare แทบไม่มีอะไรที่มิ้วจะติเลยค่ะ เอาไปเลย 5 ดาวเต็ม ๆ
The Face Shop Clean Face Mild Toner
: ★★★★☆
- ให้ 4 ดาวค่ะ นางดีตรงที่เช็ดแล้วไม่แสบผิว รูขุมขนกระชับเล็กลงนิดหน่อย ราคากลาง ๆ ไม่แพงเกินไป แต่ที่ตัดคะแนนเพราะเคลมไว้ว่าเป็นโทนเนอร์สูตรรักษาสิว แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องสิวเลยแม้แต่น้อย
Neutrogena Alcohol Free Toner
: ★★★☆☆
- ผลลัพธ์ที่ได้รู้สึกเฉย ๆ เช็ดแล้วไม่ระคายเคืองผิวหน้า ให้ความชุ่มชื่นดี แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผิวหน้าเลย เคลมไว้ว่าไม่มีแอลกอฮอล์ แต่ดันมีน้ำหอม ดูไม่น่าจะเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายสักเท่าไหร่ ให้ 3 ดาวพอค่ะ
Etude House Wonder Pore Freshner
: ★★★☆☆
- ชอบอย่างเดียวคือผลลัพธ์ที่ทำให้รูขุมขนกระชับเล็กลง แต่เวลาเช็ดแล้วแอบรู้สึกแสบผิวหน้า กลิ่นน้ำหอมและแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรง ไม่น่าจะเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย แถมราคาก็แอบแพง เอาไปแค่ 3 ดาวพอ
จบการ Battle กันไปแล้ว สำหรับมิ้ว บอกได้คำเดียวค่ะว่าคิดไม่ผิดที่ใช้น้ำเกลือตัวนี้เป็นประจำ เพราะมันปลอดภัยกับผิวหน้าของมิ้วจริง ๆ ยิ่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของมิ้วเป็นคนที่แต่งหน้าบ่อย ไหนจะเจอมลภาวะอีกเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน การทำความสะอาดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ตอนนี้ถ้าใครมาบอกว่าใช้สกินแคร์ตัวไหนแล้วผิวดีขึ้น อย่าเพิ่งเชื่อค่ะ ให้ทดลองใช้เองก่อน บางทีเราอาจจะพบไอเทมดี ๆ เหมาะกับเรา ในราคาสบายกระเป๋ามากกว่าการใช้ของดีแต่แพงก็ได้นะ :)
สุดท้ายนี้การรีวิวนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของมิ้วเอง ซึ่งเพื่อนๆ อาจจะใช้แล้วรู้สึกต่างกันก็ได้ค่ะ และก็หวังว่าการทำรีวิวเปรียบเทียบในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาอ่านทุกคน มามีผิวสวยใสไร้สิวไปด้วยกันนะคะ บ๊ายบาย