Guten Tag! ( ฮัลโหล ) ค่าา สาวๆSistaCafeคนน่ารักทั้งหลายยเอาละ ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงกันมากเนอะ! ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ทั้งเศรษฐกิจที่ดิ่งลงทุกวี่วัน โควิดก็ยังไม่คลาย ก็ไม่แปลกที่สาวๆ วัยเรียน วัยทำงานอย่างเราจะอยากแพ็กกระเป๋า โบยบินสู่โลกกว้างเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ต้องมองแค่ปีสองปีนี้หรอกถ้าดูทิศทางของบ้านเมืองในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการศึกษา ก็ต้องยอมรับว่าไทยยังค่อนข้างเป็นรองในหลายๆ ประเทศแบบจริงจัง ( จะว่าเทียบใครไม่ติด ก็คงไม่เกินจริงเท่าไหร่ )หนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ที่หลายคนเล็งไว้ก็คงเป็น' เยอรมัน 'ตัดเรื่องอื่นๆ ออกไป ( เพราะเดี๋ยวบทความจะไม่ปลอดภัย ฮ่า )ประเทศนี้ก็มีข้อดีในหลายๆ เรื่อง ทั้งวิวทิวทัศน์ สถานท่องเที่ยวที่สวยงาม การเดินทางคมนาคมก็สะดวก ใครชอบดื่ม เบียร์ที่นี่ก็ขึ้นชื่อระดับโลก ติดต่องานใดๆ ก็เป็นไปตามระบบ และที่สำคัญ ' การศึกษา ' ก็ไม่เป็นสองรองใคร!ดังนั้นใครที่วางแผนอยากไปเรียนต่อที่เยอรมัน เราอยากให้อ่านบทความนี้ไว้ก่อน ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จะได้มีชีวิตวัยเรียนที่นั่นอย่างราบรื่นนะคะ ^^

1. ที่ได้ยินว่าประเทศนี้ 'เรียนฟรี' บอกเลยว่าไม่เสมอไป!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/Q8Dz34548.jpg

เรียกว่าเป็นเหตุผลที่คนงบน้อยอยากไปเรียนต่อที่เยอรมันแน่ๆ เพราะได้ยินมาหนาหูว่า ' เรียนฟรี ไม่ต้องเสียค่าเทอม ' เพราะสำหรับคนเรียนเมืองนอก ค่าเทอมคือภาระที่หนักหน่วงแน่นอน ( ถ้าไม่ได้รวยเงินถุงเงินถังมาจากไหนน่ะนะ )

ซึ่งก็ต้องบอกตรงนี้เลยว่า เกือบจริง! เยอรมันป๊อบปูลาร์ในหมู่นักเรียนต่างชาติเพราะการศึกษาดีอันดับต้นๆ ของโลก แต่ค่าเทอมจะฟรีไม่ฟรี อยู่ที่เลือกเรียน ที่ไหน เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่า ' ไม่ได้ฟรีทุกมหาลัย ' ค่ะซิส

ในเยอรมันเนี่ย เธอจะเรียนฟรีได้ก็ต่อเมื่อ เธอลงเรียนคณะ สายการเรียนบางคณะที่เขาล็อกไว้แล้วใน ' มหาวิทยาลัยรัฐ ' เท่านั้น ซึ่งจะจ่ายแค่ค่าธรรมเนียมไม่กี่ร้อยยูโร แต่ถ้าอยากไปเรียนของเอกชน หรือหลักสูตรอินเตอร์ ต้องจ่ายค่าเทอมที่ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว!

อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดจะไปทั้งทีเราก็เชียร์ให้เลือกเรียนของรัฐบาล เพราะมีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพด้านการศึกษามากกว่า ไหนๆ จะมาผจญภัยในต่างแดนทั้งที ก็เลือกที่ดีที่สุด แถมเซฟเงินในกระเป๋าด้วยดีกว่าค่า

2. เป็นประเทศแห่ง 'เอกสาร' จะติดต่อที่ไหน ทำธุรกรรมอะไร ต้องใช้กระดาษ!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/2A3x34547.jpg

ข้อนี้อาจจะไม่ culture shock มาก เพราะที่ไทยจะทำอะไรทีก็เอกสารเยอะเหมือนกัน -_- แต่ก็ขอบอกให้เตรียมตัวไว้ก่อนว่า ประเทศเยอรมันคือขั้นกว่า เป็นประเทศแห่งเอกสารโดยแท้จริง! จะทำธุรกรรมสำคัญใดๆ แจ้งอะไร เปลี่ยนที่อยู่ แจ้งขอรับสิทธิ์ จดทะเบียนอะไรก็ตามแต่ ต้องมีเอกสารยืนยันที่เกี่ยวข้องไปยื่นทั้งหมด

ห้ามตกหล่นบกพร่องแม้แต่ชิ้นเดียว จะมาหยวนๆ อันนี้ไม่มีไม่เป็นไรเหมือนไทย ไม่ได้! ไม่มีก็ต้องไปหามาให้ได้ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็ไม่คืบหน้าหรือถูกตีกลับค่ะ

ใครเป็นคนขี้ลืม ไม่มีระเบียบ ไม่ชอบเก็บเอกสาร ต้องทิ้งนิสัยนี้ไปก่อนมาเริ่มต้นใหม่ที่เยอรมันนะคะ ที่นี่เธอต้องเก็บเอกสารสำคัญทุกชิ้น ทุกอย่าง เพราะมันจะส่งผลถึงการใช้ชีวิตให้ราบรื่นของเธอในอนาคต เช่น ต่ออายุวีซ่า, เปลี่ยนประเภทวีซ่า, เปิดบัญชีธนาคาร, สัญญาเช่าห้องพักและอื่นๆ


ทั้งหมดนี้เอกสารต้องครบ ต้องเป๊ะ แรกๆ อาจรู้สึกรำคาญหรือหัวหมุนบ้าง แต่อยู่ไปนานๆ ก็ชินค่ะ ไม่ใช่แค่ต่างชาติ คนเยอรมันเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งประเทศแหละเธอ!

3. ควรต้องได้ 'ภาษาเยอรมัน' ชีวิตจะง่ายขึ้นมาก

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/03FN34546.jpg

อย่างที่รู้กันว่า หลักสูตรการเรียนมหาวิทยาลัยในเยอรมัน จะมีทั้งหลักสูตรอินเตอร์ ( เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ) และหลักสูตรทั่วไปที่เรียนเป็นภาษาเยอรมัน แต่ไม่ว่าจะเรียนแบบไหน ถ้ารู้ ' ภาษาเยอรมัน ' ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบอยู่ดี

แม้ว่าประเทศเยอรมันจะโด่งดังด้านหลักสูตรที่มีเด็กต่างชาติมาเรียนเยอะ คนในเมืองใหญ่ๆ เด็กและวัยรุ่นจะพอพูดอังกฤษได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่พูดได้ หรือพูดได้ดี ยิ่งถ้าไปเรียนมหาลัยนอกเมือง ก็ควรได้เยอรมันขั้นพื้นฐานไว้บ้าง ชีวิตจะได้ไม่ยากจนเกินไปค่ะ

แนะนำว่า ถ้าอยากจะเรียนภาษาเยอรมันจริงๆ ก็ควรศึกษาไวยากรณ์ คำศัพท์ ประโยคใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานตั้งแต่อยู่ไทยเลย จะเข้าสถาบันสอนภาษา หรือเรียนออนไลน์ทางยูทูปก็ดี พอไปถึงเยอรมันจะได้ฝึกพูด ฝึกใช้ ต่อยอดได้ทันทีอย่าคิดว่าจะไปเริ่มจาก 0 เอาที่นั่น เพราะเธออาจจะยุ่งกับการเรียนจนไม่มีเวลาฝึกภาษา ข้อดีของการพูดเยอรมันได้ อย่างน้อยๆ เลยคือพูดกับคนท้องถิ่นได้ กลมกลืนกับเขาได้มากกว่า หรือถ้าหัวดี ไปไว ได้ภาษาขั้นแอดวานซ์ จะได้คุยกับคนเยอรมันในหัวข้อซีเรียส จริงจังได้แบบไม่มีกำแพงภาษามากั้นค่ะ ^^

4. การหาที่พักในเยอรมนี ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ท้าทายจนบางทีก็ปวดหัว!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/JYaS34544.jpg

การหาที่พักในต่างประเทศ เอาจริงๆ ก็เป็นปัญหาโลกแตกกันหมด ส่วนใหญ่ค่อนข้างหายากจนเข้าขั้นปวดหัว ประเทศเยอรมันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น! อย่างแรกคือ มหาวิทยาลัยในเยอรมันไม่ได้มี ' หอใน ' ให้ทุกแห่ง

ถ้าที่ดีๆ หน่อยจะมีหอพักในเครือหรือบ้านพักนักศึกษา ( student housing ) ที่จัดเตรียมให้ ในเคสที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และสถาบันที่เรามาจากไทยเป็นพาร์ทเนอร์กับมหาลัยนี้  บางม. ก็มีที่พักสำหรับคนเดียว แต่ต้องไปติดต่อทำเรื่องเอาเอง เป็นต้นค่ะ

โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียน นักศึกษาต่างชาติในเยอรมันจะอยู่ร่วมกันในที่พักแบบแชร์ร่วมหรือ shared flat แต่ใครไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น ต้องการ privacy ความเป็นส่วนตัว ก็สามารถหาอะพาร์ตเมนต์ข้างนอกอยู่ได้ ไม่เก่งเยอรมันไม่ใช่ปัญหา มีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษมากมายให้เช็กข้อมูล

แนะนำให้ดูที่ระยะทางเป็นหลัก ใกล้มหาลัยไว้ก่อนจะดีมาก ถ้าห้องพักราคาถูก แต่อยู่ห่างจากมหาลัยเป็นสิบยี่สิบกิโล รวมค่าเดินทางแล้ว อยู่ห้องที่แพงหน่อยแต่ใกล้แบบเดินไปเรียนได้ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่านะคะซิส

5. คนเยอรมัน 'ตรงต่อเวลา' ขั้นสูงสุด ติดนิสัยมาเลท มาสาย ระวังจะสู่ขิต

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/1Hze34545.jpg

ข้อนี้คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่น่าจะได้กิตติศัพท์กันมาเยอะแล้ว กับนิสัย ' ตรงเป็นไม้บรรทัด ' ของคนเยอรมัน โดยเฉพาะการตรงต่อเวลา เวลาไหนต้องเวลานั้น จะมาเลท 5 นาที 10 นาที หยวนๆ เอาแบบคนไทยไม่ได้ เป็นสิ่งที่หยาบคาย ยอมรับไม่ได้ ( ที่จริงเลทแค่ 1 นาทีก็อาจจะโดนด่าแล้ว! )


เพราะประเทศนี้ทุกอย่างมีระเบียบ คนก็มีตารางเวลาเรื่องอื่นๆ ของเขาที่ต้องรักษา ถ้าเธอมาสาย เวลาที่เหลือของเขาก็จะรวนไปหมดเหมือนโดมิโน่ ซึ่งทำให้คนเยอรมันโกรธมากๆ ค่ะ

ไม่ใช่แค่นัดทางการ เช่น นัดต่อวีซ่า นัดหาหมอฟัน นัดครูอาจารย์ที่ควรจะตรงต่อเวลาเป็น common sense อยู่แล้ว แต่นัดแบบไม่เป็นทางการ เช่น นัดเพื่อนดูหนัง กินไอติม กินข้าวชิลล์ๆ ก็ต้องยึดมั่นกับกฎนี้เช่นกัน


คนเยอรมันขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด การวางแผน จัดการทุกสิ่งอย่างเป็นระบบ ซึ่งการตรงต่อเวลาถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่พวกเขายึดถือและรักษา ถ้าอยากมีความสัมพันธ์อันดีกับคนชาตินี้ นัดอะไรต้องไปให้ทันเวลา หรือก่อนเวลานิดๆ จะดีมาก

6. ยารักษาโรคทุกชนิด จะขายใน 'ร้านขายยา' โดยเฉพาะเท่านั้น

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/usEI34542.jpg

ข้อนี้น่าจะเป็น culture shock หนักๆ ของคนไทย เพราะบ้านเรายารักษาโรคพื้นฐาน อย่างยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย จะหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต


ถ้ายาควบคุมหน่อยก็จะมีเภสัชเฝ้าหน้าร้าน แต่ก็ซื้อได้ง่ายอยู่ดี เภสัชบ้านเราไม่ค่อยซักมาก ไม่ต้องมีเอกสารวุ่นวาย แต่เยอรมันไม่ง่ายแบบนั้นจ้า โนววว! แม้เธอจะแค่อยากซื้อพาราหรือน้ำเชื่อมแก้ไอ ก็ต้องไปร้านขายยาโดยเฉพาะ ( ภาษาเยอรมันเรียกว่า Apotheke ) เท่านั้น!

กฎหมายในเยอรมันระบุไว้ว่า ร้านขายยาหรือ Apotheke ต้องมีเจ้าของและจัดการโดยเภสัชกร ซึ่งร้านขายยาจะแยกกับดรักสโตร์ ดรักสโตร์จะเป็นร้านที่มีสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องใช้ในห้องน้ำ หรือสินค้าอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์วางขายตามเคาน์เตอร์ แต่ร้านขายยา จะขายแค่ยาโดยเฉพาะค่ะ

ยารักษาโรคทั้งหมดจะอยู่บนเชลฟ์หลังเคาน์เตอร์ที่มีเภสัชคุมอยู่อีกที ยาบางชนิดที่ฤทธิ์แรงๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ ก็ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ ( prescription ) มายื่นด้วย อ้อ บอกไว้ก่อนว่า ใบสั่งยาจากหมอไทย เขาไม่รับนะคะ ต้องไปตรวจกับหมอเยอรมันเท่านั้นเด้อ!!

7. ร้านทั่วไป ( local shop ) มักปิดทำการใน 'วันอาทิตย์' #ต้องวางแผนดีๆ

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/t1o834543.jpg

เธออาจจะเคยชินกับห้างในเมืองไทย ที่มักจะเปิด 24/7 ไม่มีวันหยุด บางร้านเปิด 24 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ เวลาหิวหรืออยากได้อะไร จะเดินเข้าไปซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ เปิดตลอด แต่ถ้าจะมาเรียนต่อที่เยอรมัน เธอจะใช้ชีวิตตามใจฉันไม่ได้แล้ว


เพราะร้านที่นี่ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะร้านท้องถิ่น ' ปิดวันอาทิตย์ ' บ้านเมืองในวันนั้นจะเงียบสงบมาก ปิดในที่นี้คือปิดจริง ถึงอยากซื้อแค่ไหนเขาก็ไม่ขายให้ ต้องวางแผนชีวิตกันดีๆ ไม่อย่างนั้นมีปัญหาแน่นอนค่ะ

แม้ว่าปั๊มแก๊ส สถานีรถไฟ และสนามบินจะยังเปิดให้บริการตามปกติในวันอาทิตย์ แต่นอกเหนือจากนั้น เช่น ห้างร้าน บริษัท ร้านค้าท้องถิ่น ก็มักจะยึดวันนี้เป็นวันหยุดทำการในสัปดาห์ เธออาจจะไปร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ หรือสถานีขนส่งบางแห่งได้ แต่เธอก็คงไม่ได้ไปทุกสัปดาห์อยู่ดี ชีวิตส่วนใหญ่ของนักเรียนก็มักจะอยู่กับร้านท้องถิ่นมากกว่า


แอบกระซิบว่า ร้านขายยาก็ปิดวันอาทิตย์นะคะ! ถ้ารู้ตัวว่าใกล้ป่วยก็ไปหาหมอ รับยามาตั้งแต่เนิ่นๆ หรือซื้อยาทั่วไปมาติดห้องไว้บ้างจะดีมาก หรือจะให้ดี พยายามอย่าป่วยวันอาทิตย์ เพราะชีวิตลำบากแน่ๆ ค่ะ

-----------------------------------------

สาวๆ คนไหนที่กำลังเตรียมหาลู่ทางจะไปตั้งรกรากด้วยการเรียนเป็นสเต็ปแรกแล้วล่ะก็ อ่านจบถึงตรงนี้เราก็เบาใจได้ว่า เธอได้รับทราบกฎระเบียบและวัฒนธรรมของเยอรมันไปบางส่วนแล้ว! ต้องดึงสติทุกคนก่อนว่า ทุกประเทศมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่มีที่ไหนมีแต่ข้อดี 100% ซึ่งเยอรมันก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะมีระบบการศึกษาที่ดี การเดินทางดี อากาศดี แต่ก็แลกมากับการจ่ายภาษีสูงลิบลิ่ว ( วัยเรียนอาจไม่รู้สึกมาก แต่ถ้าจะมาทำงานที่นี่ รู้เรื่อง! ), กำแพงภาษาถ้าพูดเยอรมันได้ไม่คล่อง, ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบ ต้องเป๊ะ, ความวุ่นวายของการติดต่อราชการที่เต็มไปด้วยเอกสาร เป็นต้น

เราเข้าใจว่าพวกเธอหลายคนกำลังไฟแรง เลือดมันร้อน อย่าห้ามพี่ไอ้น้อง! แต่การจะไปใช้ชีวิตที่อื่นยาวๆ เราก็ต้องมีสติและเก็บข้อมูลให้มากที่สุด จะได้ไม่เกิด culture shock และปรับตัวกับคนที่นั่นได้ไวค่ะ ^-^ สุดท้ายนี้ใครที่เป็น #ทีมเยอรมัน ขอให้สเตทเมนต์ผ่าน สอบผ่านได้ตามที่ตั้งใจไว้น้า  เราจะมีอนาคตที่ดีไปด้วยกัน สู้!!!