สวัสดีค่ะ สาวซิสต้าทุกคนเอาล่ะ วันนี้เรามาทำเยลลี่ ( หรือเรียกว่าแยมก็ได้ ) กันดีกว่าค่ะ อายะพีมีสูตรดีๆ มาบอกสาวๆ ชาวซิสต้าด้วยแหละ นี่ไงคะ เป็นเยลลี่ดอกลาเวนเดอร์แท้ๆเชียวนะ อ่าวๆ แต่อย่าเพิ่งกังวลไป ทำไม่ยากอย่างที่คิดหรอก ง่ายนิดเดียวเอง รสชาติหอมๆ หวานๆ มีแอบอมเปรี้ยวนิดๆ หม่ำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หมด เชื่อสิ 555ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่าาา

ส่วนผสม
1. น้ำเปล่า 5 ถ้วย
2. ดอกลาเวนเดอร์แห้ง 1/2 ถ้วย
3. ผิวเลมอนขูด 1 ผล
4. น้ำเลมอน 1 ผล ( ประมาณ 1/4 ถ้วย )
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
6. เพคติน ( ชนิดน้ำตาลน้อย) 3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาล 3 ถ้วย

ขั้นตอนการทำ
1. ต้มน้ำในหม้อจนเดือด ปิดไฟแล้วใส่ดอกลาเวนเดอร์แห้งลงไป แช่ทิ้งไว้ซัก 20 นาที ( ช่วง 5 นาทีสุดท้าย เติมผิวเลมอนขูดด้วยนะคะ )

2. นำมากรองผ่านกระชอน ( ควรได้ปริมาณประมาณ 4 ถ้วย ถ้าไม่ถึงก็เติมน้ำนะคะ )

3. เทน้ำดอกลาเวนเดอร์ลงในหม้อและเอาไปตั้งไฟ ใส่น้ำเลมอน เกลือกับเพคตินตามลงไป เคี่ยวทิ้งไว้ให้เดือดปุดๆ ประมาณ 5 นาที

4. เติมน้ำตาลพร้อมเร่งไฟขึ้น ต้มให้เดือดจัดประมาณ 1 นาทีแล้วค่อยปิดไฟ

5. ระหว่างรอเยลลี่ก็นำขวดโหลแก้ว ทัพพีกับไม้คีบมาแช่ในน้ำเดือดประมาณ 15 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อโรค

6. แช่ส่วนฝาในน้ำร้อนอีก 5 นาที คีบขวดโหลออกจากหม้อแล้วตักเยลลี่ลาเวนเดอร์ลงไปทันที เช็ดปากขวดให้เรียบร้อยก่อนจะนำฝามาปิดให้แน่น

7. แช่ขวดโหลในน้ำเดือดอีกครั้ง ( น้ำต้องท่วมอย่างน้อย 1 นิ้วนะคะ ) ประมาณ 10 นาที จากนั้นยกขวดโหลออกมาวางพักบนผ้าและทิ้งไว้ข้ามคืน พอถึงตอนเช้าก็ตรวจดูว่าฝาปิดแน่นหนาดีรึยัง โดยการเอานิ้วกดๆ ดู ถ้าฝาไม่ขยับเลื่อนขึ้นลงอะไร ถือว่าโอเคค่ะ

โอเค เสร็จเรียบร้อยค่า ข้อสำคัญคือการต้มขวดโหลรอบสองนี่แหละ จะทำให้ตัวเยลลี่มีอายุอยู่ได้นานขึ้นนั่นเอง ( ตั้งเก็บในที่แห้งและเย็นก็จะอยู่อย่างน้อยปีนึงค่ะ ) หรือจะเลือกตักใส่ขวดโหลที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเดียว ไม่ต้มอีกรอบแล้วเอาแช่ช่องฟรีซไว้ก็ได้ แต่ถ้าเลือกแช่ช่องปกติ จะอยู่แค่ไม่กี่อาทิตย์นะคะวันนี้ขอตัวไปลองกินแยมกับแครกเกอร์ และไอติมอร่อยๆ ให้ฟินก่อนดีกว่า ไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย

CR: Lavender Flower Jelly [ the350degreeoven.com ]
http://www.the350degreeoven.com/2012/04/fruit/lavender-flower-jelly/