สวัสดีค่ะสาวๆ ทุกคน จากคำสัญญาของบทความที่แล้วที่เราบอกว่าจะพาเที่ยวบ้านกกกอด อีกหนึ่งแลนมาร์คของกาญจนบุรี ขอบอกว่ามาตามสัญญาแล้วนะคะ โดยเราจะขอรีวิวตั้งแต่ขึ้นรถจากเอราวัณมาเลยค่ะ บอกพี่คนขับว่า "พี่คะ ลงแยกโป่งปัดค่ะ" เมื่อถึงแยกโป่งปัด พี่เขาจะจอดให้เราเองเลย นั่งรอตรงป้อมตำรวจก็ได้นะคะ ระหว่างนั้นก็โทรให้ทางรีสอร์ทมารับ ไม่สนับสนุนให้เดินเข้าไปนะคะ เพราะว่าทางเปลี่ยวมากค่ะ แล้วก็ไกลมากเลยด้วย
นั่งรถมาได้สักพักหนึ่งเราก็จะถึงหน้ารีสอร์ทกันแล้วล่ะค่ะ
บ้านที่เราเลือกพักเป็นบ้านที่ชื่อว่า "บ้านชมดาวค่ะ" จุดเด่นก็คือมีห้องน้ำในตัว มีดาดฟ้าสำหรับชมดาวตอนกลางคืน และชมวิวตอนเช้าๆ เย็นๆ ได้แบบฟินๆ เลยนะคะ
เมื่อเก็บกระเป๋าแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเดินทางไปถ่ายรูปที่แลนมาร์คของที่นี่ นั่นก็คือบริเวณเขื่อนท่าทุ่งนา และสะพานไม่ไผ่ ที่เดินแล้วมีเสียงเอี๊ยดอ๊าด ก๊อบแก๊บแม้จะพยายามย่องสักเพียงใดก็ตาม ให้รูปเล่าเรื่องกันเลยเนอะ
เอาจริงๆ เราเพิ่งเข้าใจความหมายของการมานั่งโง่ๆ หรือนอนโง่ๆ แล้ว หมายถึงการนั่งคิดแบบไม่คิดอะไร ใจมันโล่งๆ ว่างๆ ไม่มีอะไรให้กังวล มองสายน้ำ ท้องฟ้า ภูเขาอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วจิตใจมันสงบได้
มันเหมือนกับช่วงที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตแบบเร่งรีบตลอด ตื่นเช้ามาก็มีภารกิจทำงาน มันก็เหมือนกับเราอยู่ไม่นิ่งตลอดเวลา
ส่วนนี่ก็คือที่หลับที่นอนของเราในคืนนี้ค่ะ เป็นบ้านพักออกแนววินเทจเนอะ เพราะพื้นเป็นไม้ แล้วก็มีมุ้งให้ลองนอนกันด้วยล่ะ เราว่าฟินได้บรรยากาศมากเลยนะเนี่ย
ในที่สุดก็ถึงเวลาเช้าสักที อีกหนึ่งโมเม้นท์ที่คนที่มาพักรีสอร์ตนี้ตั้งตารอก็คือการชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือภูเขานั่นเองค่ะ เห็นไหมคะ แสงสีส้มอมชมพูโผล่มาแล้วล่ะ
เราชอบบรรยากาศตอนที่นั่งรอดวงอาทิตย์ขึ้นที่สุด เราชงกาแฟมาแก้วหนึ่ง มานั่งที่ท่าน้ำ นั่งรอดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างสงบ มีคนในรีสอร์ทมารอดูเหมือนกัน เค้าก็ลุ้นกันนะ แบบ "มาแล้วๆ สีส้มๆ แดงๆ " อะไรแบบนี้ ก็คึกคักไปอีกแบบ
หลังจากที่ชมดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็มาทานอาหารเช้าค่ะ อาหารเช้าที่นี่มีทั้งแบบไทยคือข้าวต้ม และแบบอเมริกัน โดยแบบอเมริกันจะเสิร์ฟให้ทุกคนอยู่แล้ว แค่แจ้งห้องที่เราพักเค้าก็จะยกมาเสิร์ฟ ส่วนข้าวต้มตักเองได้นะคะ
หลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้ว เราก็นั่งเล่นที่เปลรังนก ถ่ายรูปในรีสอร์ต และที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมน่ารักๆ ก็คือการทำป้ายไม้ให้เราเขียนชื่อแล้วเอาไปแขวนได้ สำหรับคนที่อยากสลักรอยจารึกเอาไว้
จากนั้นเราก็เตรียมเก็บกระเป๋า ซึ่งหากใครที่ไม่มีรถมา ก็รอให้รีสอร์ตออกไปส่งได้ค่ะ ทางรีสอร์ตจะส่งที่แยกโป่งปัดเวลา 10.00 น. นั่นเองค่ะ ระหว่างรอรถออก เราก็ไปถ่ายรูปแก๊งค์ห่าน ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงหลายอย่างค่ะ สุนัข แมว ห่าน แต่ละนางก็เป็นมิตรกับคนที่มาพักมากๆ เลยล่ะ
ในที่สุดก็ต้องกลับแล้ว ไม่อยากกลับเลย อยู่ต่อหน่อยได้ไหม อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่นี่สักพัก แต่ชีวิตคนเราก็ต้องเดินหน้าต่อค่ะ เราก็นั่งรถกระบะที่รีสอร์ทออกมาส่งที่แยกโป่งปัด แล้วก็รอรถกาญ ข เอราวัณ ซึ่งรอสักประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้นะคะ
ขอสนับสนุนให้สาวๆ ออกไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตกันค่ะ มันคุ้มค่ามากจริงๆ