ช่วงหน้าฝนที่เป็นฤดูกาลที่หลายคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่เย็นสบาย ลมพัดมาแบบอ่อนๆ และเสียงฝนที่เป็นตัวกล่อมชั้นดีในการนอนและพักผ่อนเมื่ออยู่ในเซฟโซนของตัวเอง แต่อีกด้านของฝนสำหรับคนไม่ชอบคือเวลาออกไปทำงานหรือการออกนอกบ้าน เพราะถึงแม้ว่าจะเข้าสู่หน้าฝนเต็มรูปแบบแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าฝนจะตกทุกวัน ทำให้บางครั้งฝนก็ตกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย หากวันนั้นใครที่ออกจากบ้านโดยไม่ได้เช็กพยากรณ์อากาศและเตรียมอุปกรณ์กันฝนไปก็อาจจะทำให้วันนั้นกลายเป็น bad day และต้องตากฝนกลับบ้านแบบตัวเปียกอีกด้วย ซึ่งข้อเสียของการตากฝนแน่นอนว่าถ้าไม่รีบจัดการตัวเองให้แห้งก็อาจจะทำให้เกิดอาการไม่สบายเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังสามารถเกิดโรคบางอย่างเพิ่มเติมมาด้วย เพราะเมื่อเข้าสู่หน้าฝน โรคต่างๆ ก็เยอะและติดต่อกันง่ายมากขึ้นนั่นเอง จึงทำให้เราต้องรู้ถึง 7 ข้อควรรู้ วิธีดูแลตัวเองหลังตากฝน หากไม่อยากเจ็บป่วย กัน


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


พยากรณ์อากาศ เข้าสู่ฤดูฝน 2567


  • สำหรับช่วง ปลายพฤษภาคม-กลางเดือนมิถุนายน ฝนตก 40-60% ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตก 60-80% ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง
  • ช่วงกลางมิถุนายน-กลางกรกฎาคมนี้ ปริมาณและการกระจายของฝนลดลงอาจทำให้เกิดการขาดแคนน้ำในบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน
  • ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ฝนตกชุกหนาแน่น ฝนตก 60-80% ของพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ กับมีฝนหนักหลายพื้นที่ และหนักมากในบางแห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ในบางพื้นที่
  • ช่วงเดือนตุลาคม บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝนตกลดลงและเริ่มมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้าโดยเฉพาะตอนบนของภาคบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้ฝนตกชุกหนาแน่นต่อไป กับมีฝนตกหนัก

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


7 วิธีดูแลตัวเองหลังตากฝน ไม่ให้ป่วย


วิธีดูแลตัวเองหลังตากฝน ที่ 1. รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า

รูปภาพ:

สิ่งแรกที่ควรทำหลังตากฝนคือการ รีบถอดเสื้อผ้าที่เปียกไปซักหรือนำไปผึ่งให้แห้งก่อน เพราะจะช่วยทำให้ลดการเกิดโรคปอดบวม เป็นไข้ เป็นหวัด หรืออาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ เนื่องจากน้ำฝนที่ตกลงมานั้นโดนมวลอากาศและมลภาวะในอากาศที่เป็นพิษเมื่อโดนตัวเราแล้วเราไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออกก็อาจจะทำให้ร่างกายติดเชื้อโรค และแบคทีเรียจนป่วยได้ นอกจากนั้นเสื้อผ้าที่เปียกควรรีบนำไปซักหรือผึ่งให้แห้งแล้วค่อยนำกลับมาซักโดยด่วน ห้ามนำไปกองทิ้งไว้ เพราะอาจจะทำให้เหล่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราติดในเสื้อผ้าได้


วิธีดูแลตัวเองหน้าฝนที่ 2. รีบทำความสะอาดร่างกาย

นอกจากการรีบถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ควรรีบอาบน้ำต่อเลยทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะน้ำฝนที่ตกลงมานั้นไม่สะอาดอาจจะนำเอาพวกมลภาวะและเชื้อโรคต่างๆ มาเกาะติดกับผิวของเรา ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้โดนฝนตรงๆ เพียงแค่ละอองฝน ก็สามารถทำให้เราป่วยได้เช่นกัน ไหนจะเรื่องจุดซ่อนเร้นที่อาจจะเกิดการอับชื้นหรืออาจจะได้รับเชื้อโรคจนติดเชื้อได้ ดังนั้นควรรีบอาบน้ำถูสบู่หรือทำให้ผิวสะอาดมากที่สุดทันทีนั่นเอง


การดูแลตัวเองหลังตากฝน ที่ 3. สระผมให้สะอาด แม้โดนแค่ละอองฝน

รูปภาพ:

นอกจากการอาบน้ำถูสบู่แล้ว การสระผมก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะใครที่ตากฝนโดยตรง นอกจากฝนจะไม่สะอาดทำให้เราป่วยได้แล้ว ยังมีในเรื่องของอุณหภูมิของร่างกายที่เมื่อฝนตกจะค่อนข้างเย็นยิ่งโดนผมหรือหัวที่มีอุณหภูมิร่างกายอุ่นๆ แล้วทิ้งไว้เป็นเวลานานก็อาจทำให้เป็นไข้ และหวัดได้ ดังนั้นควรรีบสระผมและเป่าผมให้แห้ง หรือหากใครที่ไม่ได้ตากฝนแต่โดนละอองฝนก็ต้องรีบสระผมเช่นกันซึ่งเหตุผลก็เหมือนกันคือน้ำฝนไม่สะอาด และอาจจะติดอยู่กับผิวหนังและผมของเราหากเราไม่รีบชำระล้างสิ่งสกปรกออกไป อาจจะทำให้ติดอยู่และเกิดอาการป่วยขึ้นได้


วิธีดูแลตัวเองในวันฝนตกที่ 4. เลือกเสื้อผ้าที่ค่อนข้างไปทางหนา เพื่อทำให้ร่างกายอุ่นเข้าไว้

เพราะอากาศช่วงหน้าฝนมักจะเย็นสบายอาจทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเราลดลงจนไม่สบายได้ ดังนั้นควรหาเสื้อผ้าที่มีความหนาหรือเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ รวมไปถึงการหาถุงเท้าหรือเลือกสวมใส่เป็นกางเกงขายาวในวันที่ฝนตกหนักจนอากาศหนาว เสื้อผ้าเหล่านี้จะช่วยรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายให้อบอุ่นได้


วิธีดูแลตัวเองหลังตากฝนที่ 5. ห้ามกินยาถ้าไม่มีอาการป่วย

รูปภาพ:

บางคนอาจจะเลือกการรีบกินยาไม่ว่าจะเป็นยาพารา ยาแก้แพ้อากาศเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นไข้ หรือเพื่อดักอาการป่วยที่จะเกิดขึ้น แต่จริงๆ แล้วถ้าเราไม่มีอาการป่วยยาก็ไม่ได้ไปช่วยอะไรเหมือนกัน ฉะนั้นถ้าตากฝนแล้วร่างกายไม่ได้มีอาการผิดปกติ เช่น ตัวร้อน ปวดหัว จาม ไอ เจ็บคอ ไม่ต้องรีบกินยาดัก ควรให้เริ่มมีอาการแล้วค่อยกินยาจะเห็นผลในการรักษามากกว่า


วิธีดูแลตัวเองช่วงหน้าฝนที่ 6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอสามารถช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ เพราะหากพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลให้ร่างกายเกิดการเหนื่อยล้าและอาจจะทำให้ป่วยง่ายมากขึ้นเข้าไปอีกด้วย ข้อดีของการนอนหลับที่เพียงพอนอกจากนี้เลยคือสมองปลอดโปร่งนั่นเอง


การดูแลตัวเองในช่วงฤดูฝนที่ 7. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ

รูปภาพ:

อีกสิ่งสำคัญการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็สามารถช่วยลดอาการป่วยแถมยังทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ได้มากขึ้นด้วย ยิ่งรวมกับการดื่มน้ำที่มากพอให้กับร่างกาย ก็จะช่วยทำให้การทำงานภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น พร้อมสู้กับอากาศที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด


นอกจากวิธีดูแลตัวเองหลังตากฝนที่ควรรีบทำทันทีนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายของเราเมื่อเข้าสู่หน้าฝนก็จำเป็นเช่นเดียวกัน เพราะด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาแม้เข้าสู่หน้าฝนก็ยังมีอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนถึงร้อนมาก หรือการที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วจนร่างกายปรับตัวไม่ทันก็สามารถส่งผลให้ร่างกายเกิดไม่สบายได้ แถมยังรวมไปถึงน้ำฝนที่พัดเอามลภาวะในอากาศลงสู่ผิวของเราเมื่อโดนฝนหรือละอองฝน สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะเป็นตัวนำโรคเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ดังนั้นการดูแลร่างกายควบคู่หรือการมองหาสิ่งที่สามารถเป็นประโยชน์ในวันที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ก็ควรทำเช่นเดียวกัน มีอะไรบ้างไปดูกัน


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน

รูปภาพ:

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไปสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
  • รับวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับวัคซีน เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคโดยวัคซีนที่จำเป็นจะต้องได้รับคือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ รวมไปถึงวัคซีน covid 19
  • ทานวิตามินซีเสริม วิตามินซีขึ้นชื่อว่าช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ป่วยได้ยากมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิตามินซีที่ได้จากอาหารในแต่ละมื้อนั้นอาจจะยังไม่เพียงพอต่อร่างกายที่ต้องการ ซึ่งการมองหาอาหารเสริมวิตามินซีจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และควรทานวันละ 500-1000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำขัง แน่นอนว่าในฤดูฝนจะต้องมีพื้นที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เหล่านี้เพราะเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรคนานาชนิด หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องเดินไปในบริเวณนี้ควรหาอุปกรณ์ป้องกัน เช่น รองเท้าบูทยาง หรือถุงมือยาง เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจสะสมอยู่ตามพื้นที่น้ำขัง เช่น โรคฉี่หนู โรคพยาธิ โรคเชื้อรา เป็นต้น
  • ป้องกันไม่ให้ยุงกัด อีกหนึ่งโรคที่มักมาพร้อมกับหน้าฝนก็คือ โรคไข้เลือดออก เพราะยุงจะขยายพันธุ์เก่งมากตามแหล่งน้ำขังต่างๆ ดังนั้นควรต้องกำจัดแหล่งน้ำขังบริเวณรอบบ้านเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง และพยายามป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการเลือกทาโลชั่นกันยุง นอนกางมุ้ง หรือจุดสมุนไพรไล่ยุง เป็นต้น
  • การพกร่ม หรือเสื้อกันฝน ก่อนออกจากบ้านช่วงนี้ควรเช็กสภาพอากาศตลอดเวลา หรือเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนให้พร้อมในกระเป๋า ป้องกันในวันที่ฝนตกและเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเปียกฝนมากที่สุด

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


สรุป


เมื่อเข้าสู่หน้าฝนแล้วอุปกรณ์ที่ต้องมีติดกระเป๋าเลยคือเสื้อกันฝน หรือร่มที่พับเก็บได้ เพราะเราต้องคอยเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญฝนอยู่ตลอดเมื่อต้องออกจากบ้าน อีกทั้งเราไม่สามารถคาดเดาสภาพอากาศในวันนั้นได้ แม้ว่าจะเช็กพยากรณ์อากาศอยู่ตลอด แต่สำหรับใครที่เผลอลืมหยิบอุปกรณ์เหล่านี้แล้วต้องตากฝน สิ่งสำคัญของการดูแลตัวเองหลังตากฝนจาก 7 วิธีดูแลตัวเองหลังตากฝน นั้นคือการที่เรารีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบทำให้ตัวแห้งโดยการเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นแกร่างกายแทน อย่างที่รู้คือน้ำฝนนั้นมีเชื้อโรคและแบคทีเรียหลายชนิด เมื่อโดนตัวโดยผมเราแล้วควรรีบทำให้ร่างกายสะอาดทันทีเพื่อลดการเกิดการสะสมและหลีกเลี่ยงอาการป่วยที่จะเกิดขึ้น นอกจากนั้นการมองหาอาหารเสริมวิตามินซีมาช่วยก็เป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงฤดูนี้เช่นกัน


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : Freepik




บทความอื่นๆ ที่ซิสไม่ควรพลาด








เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้