1. SistaCafe
  2. Blush blindness ปัดไปก่อนเดี๋ยวอ่อนเอง เทรนด์นี้เรากำลังเป็นอยู่รึเปล่า?

ช่วงนี้ได้ยินคำว่า Blush Blindness เยอะมาก แล้วคือสายฝอ เขากำลังอินกันแบบสุดๆ ในติ๊กต๊อกนี่แบบ เต็มหน้าฟีตเลยค่ะ วันนี้เราก็เลยอยากจะรู้ว่า Blush Blindness มันคืออะไร เชื่อว่า มีเพื่อนๆ อยู่หลายคนที่ตามไม่ทันเหมือนกัน ยังคงงงๆ กับคำศัพท์นี้อยู่ว่า มายังไง คืออะไร แล้วตัวเราล่ะ เข้าข่าย Blush Blindness รึเปล่า พร้อมไขทุกข้อข้องใจไปพร้อมๆ กันค่ะ เอาเป็นว่า เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลยดีกว่า


💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗


Blush Blindnessคืออะไร?

แปลตามหัวข้อเลยค่ะ ปัดไปก่อน เดี๋ยวอ่อนเอง ซึ่งถามว่าอ่อนมั้ย No! พูดๆ ปลอบๆ ตัวเองไปงั้นแหละ Blush Blindness คือการปัดแก้มเข้ม แต่งแก้มแบบหนักๆ ลงสีแบบชัดๆ ปัดหลายสีหลายชั้น ซึ่งถ้าแยกเป็นคำๆ แปลออกมาแล้ว Blush มาจากคำว่า บลัชออน ส่วนคำว่า Blindness คือตาบอดสี พอเอาสองคำมารวมกัน เขาว่ามันเลยกลายเป็นมีม แซวๆ กันว่า ยูปัดแก้มเยอะจัง แดงเป็นตูนลิงเลย ทำนองนี้

นอกจากคำว่า Blush Blindness แล้ว จริงๆ มันก็จะมีคำอื่นๆ ที่เอามารวมกับ Blindness ด้วยนะ เช่น Eyebrow Blindness คิ้วแน่น สีเข้มมาเลย , Contour Blindness คือการลงคอนทัวร์เยอะซะจนหน้าตอบ , Lipstick Blindness คือการลงลิปหลายๆ ชั้น ยาวไปจน Makeup Blindness คือแต่งหน้าแน่นเวอร์! แล้วเพื่อนๆ ล่ะ เป็นแบบไหน



ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202317%2Fcf31bbc2-90c8-4f0f-ae1a-aa7d9cf7fa01?v=20240824040017
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก instagram : sabrinacarpenter

กระแส Blush Blindness มาจากใคร?

จุดเริ่มต้นของกระแส คาดว่าน่าจะมาจาก Sabrina Carpenter นักแสดง นักร้องสาวมากความสามารถเจ้าของเพลงฮิตสุดไวรัล “Nonsense” เทรนด์มันเกิดขึ้นมาแบบง่ายเลย คือสาว Sabrina นางเป็นคนชอบปัดแก้มมาก ซึ่งการปัดแก้มของสาวเจ้าก็จะเน้นแบบสีชัดไปเลย ไม่มีนะคะฟีลแบบธรรมชาติ ด้วยลุคของเธอ เราจะเห็นได้เลยว่า งานแก้มจึ้งมาก ปัดหนัก แต่สวย ฟีลแบบผิวบ่มแดดไปอีก! ทีนี้มันก็เลยหลายเป็นกระแส ที่หลายๆ คนอยากลองทำตามบ้าง แล้วก็กลายเป็นเทรนด์ฮอตสนั่น TikTok ไปเลย แต่ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปอีกที ก็จะมีเซเลบหลายๆ คนที่ปัดแก้มสไตล์นี้อยู่ เช่น Hailey Bieber , Kylie Jenner และอื่นๆ การปัดแก้มแบบ Blush Blindness จะให้ฟีลแบบสาวฝอหน่อย ฟีลหน้าบ่มแดด


💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗


Blindness โรคตาบอดสี เป็นยังไง?

โรคตาบอดสี เป็นความบกพร่องทางการมองเห็นสีต่างๆ โดยแต่ละคนอาจจะมีลักษณะของตาบอดสีที่แตกต่างกัน เช่น ไม่สามารถมองเห็นสีแดงได้ หรือบางคนอาจจะไม่สามารถมองเห็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินได้ชัดเจน เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นสีใดสีหนึ่งได้ชัดเจน แต่ในเรื่องของรูปร่างรูปทรง การมองเห็นภาพ ก็ยังคงชัดเจนเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้น การไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ชัดเจน ก็มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก ซึ่งโรคนี้ว่ากันว่ามักจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง


อาการ

หากอยากรู้ว่าเรามีอาการของตาบอดสีมั้ย ลองเช็คตามลิสต์นี้ดู เริ่มสังเกตการมองเห็นของตัวเอง ว่าเรามีอาการดังกล่าวนี้รึเปล่า

  • มีความยากลำบากในการแยกสีต่างๆในชีวิตประจำวัน
  • ไม่สามารถจดจำ หรือบอกสีต่างๆได้อย่างถูกต้อง
  • ยังคงมองเห็นสีได้หลากหลายสี เพียงแต่สีที่เห็นมีความแตกต่างไปจากคนอื่น
  • มีการมองเห็นสีที่จำกัดเพียงแค่บางโทนสี
  • ภาพที่มองเห็นมีเพียงแค่ สีขาว สีดำ หรือสีเทา เท่านั้น

สำหรับใครที่กังวลเรื่องตาบอดสี สามารถไปหาแบบทดสอบลองทำดูเบื้องต้นได้ตามอินเตอร์เน็ต และหากพบอาการมองเห็นสีที่ผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจเช็กให้ดีๆ อีกครั้งด้วยนะคะ


💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗


วิธีเช็กว่าเราเป็นเจ้าแม่Blush Blindness รึเปล่า?

ไม่พอ อ่อนไป เติมอีก ปัดอีกหน่อย ถ้าเพื่อนๆ มีอาการแบบนี้ ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า เราอาจจะเข้าข่าย Blush Blindness ค่ะ คือมันไม่ใช่โรคติดต่อนะ แต่มันคล้ายๆ กับเป็นความพึงพอใจของเรา ว่าชอบแต่งหน้าเข้มหรืออ่อน บางคนพอแต่งหน้าเบาๆ อาจรู้สึกไม่มั่นใจ แต่พอลงเข้มหน่อย ก็ชอบ ประมาณนี้ เพราะงั้นถ้าเพื่อนๆ มีอาการทำนองที่ว่า อ่อนไปไม่ดี ต้องเติม ต้องเข้มขึ้นอีกหน่อย ใช่เลยค่ะ แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป มันไม่ใช่อาการผิดปกติอะไร ถ้าเพื่อนๆ มั่นใจกับเมคอัพลุคของตัวเองดีแล้ว ก็โอเคค่ะ



ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202317%2F69615ffd-3c8d-4068-b3f2-e5fa388003c4?v=20240824040103
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก instagram : haileybieber



ผิดไหมถ้าฉันชอบปัดแก้มเข้มๆ ?

ก็อย่างที่เราบอกเลยว่า ไม่ผิด เอาจริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติ ที่เราอาจจะเติมนั่นนิดนี่หน่อย แต่เพลินเดินไป มันก็เลยเข้มไปหมด ซึ่งถ้าเรามั่นใจ ก็โอเค แต่ถ้ารู้สึกหนักมือไป เข้มเกิน รู้สึกเขินอาย ลบได้ค่ะ ของแบบนี้จัดการได้ไม่ยากเลย

ความชอบของการแต่งหน้าของคนเรามันต่างกัน คนนั้นอาจจะชอบแบบเข้มๆ คนนี้อาจจะชอบแบบ natural หน่อย ซึ่งก็ไม่มีใครผิด ปัดแก้มแดงแล้วไง ทำไมเหรอจริงมั้ย เพราะงั้นเราไม่ควรไปมองหรือตัดสินว่า การที่คนนั้นคนนี้แต่หน้าจัดหรือเข้มเกิน มันแปลกหรือไม่สวย คือถ้าเขามั่นใจในแบบของเขา เขาพอใจกับลุคแบบนี้ เขาเลือกแล้วว่านี่แหละสวย ก็จบไง ถามได้ มองได้ แต่ก็ไม่ควรแสดงกิริยาไม่เหมาะสม โอเคป่ะ ไม่งั้นเขาจะด่าได้ว่า ไม่มีมารยาทนะคะซิส





ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202317%2F2484178b-d1cb-4345-ac74-a2cd806dca4b?v=20240824040224
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก instagram : kyliejenner

สรุป

Blush Blindness พูดง่ายๆ คือ ปัดไปก่อน เดี๋ยวอ่อนเอง ซึ่งก็ไม่ได้อ่อนลงหรอก มันก็เป็นแค่คำพูดปลอบใจ หรือหลอกตัวเองไปงั้นแหละ เอาจริงๆ เทรนด์นี้ ถ้าดูดีๆ บางคนก็แต่งออกมาได้ดูดีเลยนะ ใสขณะที่บางคน ก็เกินเบอร์ไปหน่อย อาจจะมีหลายๆ คนเข้าใจผิดว่า มันต้องเข้มเบอร์นี้เลยหรอ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ถึงกับปาดสี แต่ก็แค่ปัดเข้มไปหน่อยเท่านั้น ฟีลแบบสีแก้มชัด รู้ว่าสีอะไร เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเพื่อนๆ จะลงแก้มอ่อน หรือเข้มไม่สำคัญค่ะ ถ้าเรามั่นใจซะอย่าง ก็ไม่เห็นต้องกลัวจริงมั้ย อยากแต่งแบบไหน ก็แต่งไปเลย มั่นใจเข้าไว้ ยังไงก็สวย สำหรับวันนี้ บ๊ายบาย



บทความแนะนำเพิ่มเติม







เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้