1. SistaCafe
  2. รวม 10 คำถามพบบ่อย สำหรับคนเป็นสิว

ปัญหาสิว ปัญหาใหญ่ ปัญหาที่ไม่เคยหายไป! ยิ่งวันไหนที่เราเตรียมตัวจะไปออกงานโชว์ความสวย ไอ้เจ้าสิวตัวดีก็จะรีบผุดออกมาอวดโฉมให้เรารำคาญใจเล่นๆ จนบางทีก็เสียเซลฟ์ไปเลยซะอย่างนั้น ไหนใครประสบปัญหานี้อยู่บ้างเอ่ย? แล้วเคยสงสัยไหมว่าเป็นสิวทีไรทำไมเผลอแป๊บๆ ก็กลับมาเป็นสิวซ้ำๆ อีกแล้ว อยากจะแก้สิวให้หายขาดไปเลยแต่เอ๊ะ จะทำได้มั้ยนะ บทความนี้จึงรวบรวมคำถามที่พบบ่อยและคำตอบสำหรับคนเป็นสิวมาให้แล้ว มาดูว่าสิวเกิดจากอะไร สิวที่เราเป็นอยู่จัดเป็นสิวประเภทไหน และเรียนรู้วิธีรักษาสิวเบื้องต้นด้วยตัวเองไปพร้อมๆ กันเลยค่า

เลือกอ่านตามหัวข้อ


รวม 10 คำถามยอดฮิตของคนเป็นสิว


Q1 สิวเกิดจากอะไร

สิวเกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนบริเวณผิวหนัง โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวคือ เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไปเกาะตัวและสะสมจนอุดตันรูขุมขนจนเกิดเป็นสิว หรืออาจเกิดร่วมกับจากการที่ร่างกายเราผลิตน้ำมันที่ชั้นผิวหนังมากเกินไป ซึ่งทำให้ผิวกลายสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของแบคทีเรีย P.acne หรือ ที่ในปัจจุบันเรียกกันว่า C.acne* เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้อต่อเจ้าแบคทีเรียสิวก็จะเกิดการกระตุ้นการอักเสบขึ้น และเกิดเป็นสิวอักเสบ ภายนอกก็จะเห็นเป็นรอยแดงๆ หรือบางครั้งอาจมีหนองด้วย

โดยกระบวนการคือ เมื่อเซลล์ที่อยู่ในรูขุมขนเรียกว่าเซลล์ keratinocyte หมดอายุขัยจะผลัดตัวออกมาและหลุดออกจากรูขุมขนเป็นปกติ แต่ถ้า keratinocyte เพิ่มจำนวนเซลล์มากเกินไปจนเมื่อเซลล์ตายและหลุดออกมามากกว่าปกติ อาจทำให้เซลล์ที่ต้องถูกผลัดออกมานั้นกลับเกาะตัวและสะสมกันอยู่ภายในรูขุมขน

จากนั้นเมื่อเจอกับสภาพแวดล้อมอย่าง น้ำมันใต้ผิวหนัง หรือ Sebum ที่มากเกินไป ปกติแล้วต่อมไขมัน (sebaceous glands) มีหน้าที่ผลิตน้ำมัน (sebum) ออกมาเคลือบผิวหนังไว้ เป็นเกราะป้องกันผิวหนังและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น แต่หากต่อมไขมันผลิต sebum มากเกินไป จะทำให้เกิดสิวได้ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมของผิวคนเราเหมาะกับการอยู่อาศัยของแบคทีเรีย P.acne มากขึ้น เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม P.acne จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดการกระตุ้นการอักเสบขึ้นเป็นสาเหตุให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้

กระบวนการเหล่านี้มักไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวแต่ใช้ระยะเวลา ดังเช่นที่ ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ผู้อำนวยการแผนกผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ได้ที่อธิบายไว้ว่า โดยปกติการเกิดสิวจะไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันเดียวแต่จะมีกระบวนการการโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ ตั้งแต่รูขุมขนเริ่มอุดตันจนกระทั่งเกิดมาเป็นสิวหรือหนอง การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยได้



(*P.acne (propionibacterium acnes) หรือชื่อใหม่เรียกกันว่า C.acne (Cutibacterium acnes) เป็นแบคทีเรียที่พบได้เป็นปกติบนผิวหนัง ในรูขุมขน และในต่อมไขมันของมนุษย์ P.acne เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้หากมีจำนวนมากเกินไป)


Q2 สิวมีกี่ประเภท

ประเภทของสิวเค้าจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกันค่ะ แบบแรกคือสิวไม่อักเสบ และอีกแบบก็คือสิวอักเสบ ที่พัฒนามาจากสิวไม่อักเสบอีกที มาดูกันว่าแต่ละแบบต่างกันยังไง

  • สิวไม่อักเสบ ก็คือสิวอุดตัน (แต่ไม่ใช่สิวผดนะ สิวผดเป็นความผิดแกติของผิวหนังค่ะแต่มีลักษณะคล้ายสิวเฉยๆ) ซึ่งสิวไม่อักเสบจะประกอบไปด้วย

- สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว (Whiteheads) เป็นสิวแบบไม่มีรูเปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก สีขาว โดยสิวชนิดนี้จะไม่มีการสัมผัสกับอากาศ ไม่มีหัวสิวให้บีบออก

- สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ(Blackheads) สิวที่พัฒนาจากสิวหัวขาวแต่มีรูเปิดจึงทำให้สัมผัสกับอากาศ และทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจนเกิดเป็นสีดำ มีลักษณะนูนขึ้นมาเป็นตุ่มเล็กๆ หัวแบนเรียบหรือโผล่พ้นผิวหนังขึ้นมาเล็กน้อย


  • สิวอักเสบ คือสิวประเภทไม่อักเสบที่ติดเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้มีอาการอักเสบบริเวณผิวหนังหรือต่อมไขมันร่วมด้วยและกลายเป็นสิวอักเสบ จะประกอบด้วย

- สิวตุ่มแดง (Papule) มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงหรือชมพูขนาดเล็กบนชั้นผิวหนังตื้นๆ ยังไม่ทำให้เกิดหนองสิวอักเสบ

- สิวหัวหนอง (Pustule) มีลักษณะบวมแดงตรงฐานและมีหนองอยู่บนหัวสิว

- สิวหัวช้าง (Nodular acne) ก้อนขนาดใหญ่ ตุ่มแข็ง มีอาการอักเสบใต้ผิวหนังและมักจะมีอาการปวดร่วมด้วย เมื่อกดจะรู้สึกว่าจะเป็นไต ไม่สามารถรักษาด้วยการกดสิวได้

- สิวก้อนกลมอักเสบรุนแรง (severe nodular acne) เป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรง


Q3 เป็นสิวบ่อย เป็นตลอด ไม่ยอมหาย เพราะอะไร

หลายคนที่เป็นสิว รู้กันหรือเปล่าว่านอกจากสภาพผิวที่เป็นตัวการกระตุ้นการเกิดสิว แต่จริงๆ แล้วพฤติกรรมที่เราทำโดยไม่รู้ตัวรวมถึงระบบฮอร์โมนร่างกายเรา ก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวเลยก็ว่าได้  ว่าแต่ว่ามีอะไรบ้าง เรามาเช็กลิสต์ดูพร้อมๆ กันเลย

  • ล้างหน้าไม่สะอาด

ดูเหมือนจะไม่สำคัญแต่จริงๆ แล้วนี่ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราเป็นสิว เพราะพวกสิ่งสกปรกตกค้างจะเข้าไปอุดตันในรูขุมขน จนทำให้เราเป็นสิวซ้ำอยู่เรื่อยๆ รักษาไม่หายสักที

  • ชอบแกะ เกา บีบสิว หรือกดสิวด้วยตัวเอง

อันนี้ต้องพักก่อน! เพราะการทำแบบนี้ นอกจากจะไม่ทำให้สิวหายได้แล้ว ยังอาจทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย จนทำให้สิ่งสกปรกพวกนั้นเข้าไปอุดตันตามรูขุมขน และทำให้เราเป็นสิวได้ง่ายขึ้น

  • ขัดผิวหรือสครับผิวบ่อยๆ

ก็ถือเป็นการรบกวนผิวและทำลายเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวเราอ่อนแอลง ง่ายต่อการระคายเคืองมากยิ่งขึ้น นอกจากจะไม่ทำให้สิวเราหายได้ง่ายแล้ว ยังอาจทำให้เป็นสิวหรือมีปัญหาผิวเพิ่มขึ้นได้เลย

  • เป็นสิวจากฮอร์โมน

เป็นสิวที่เกิดขึ้นได้ตลอดโดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิง เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมสิวยังขึ้นอยู่ซ้ำๆ ไม่หายสักที ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ การจะรักษาให้สิวหายไปเลยคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะผู้หญิงก็ยังมีประจำเดือนอยู่ทุกเดือน ซิสแนะนำว่าให้ลองปรึกษาคุณหมอดู เพื่อจะช่วยแก้ปัญหาและได้รับคำแนะนำได้อย่างตรงจุด สิวจะได้ไม่เห่อหนักไปกว่าเดิม




Q4 ทำยังไงให้สิวหาย

หลักๆ เลยวิธีการที่จะทำให้สิวหายได้เราจะต้องเข้าใจกระบวนการเกี่ยวกับสิว จะได้ตรงไปรักษาได้อย่างถูกวิธี ซึ่งก็จะมี 4 หัวข้อใหญ่ที่ควรรู้เอาไว้ด้วยกัน

  • ปรับกระบวนการผลัดเซลล์ผิวกลับมาเป็นปกติ เพื่อป้องกันเซลล์ผิวที่ตายแล้วไปอุดตันจนเกิดสิว
  • ลดการทำงานของต่อมไขมัน ไม่ให้เป็นสภาพแวดล้อมที่แบคทีเรียสิวชอบอยู่อาศัย
  • ลดจำนวนแบคทีเรียบริเวณรูขุมขน โดยเฉพาะแบคทีเรียสิว
  • ลดการอักเสบจากสิว

Q5 คนเป็นสิว ใช้อะไรดี

คนเป็นสิวควรใช้สกินแคร์หรือเมคอัพอย่างระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะผิวเราค่อนข้างที่จะอักเสบง่าย และเซลล์ผิวก็เสี่ยงที่จะผลัดตัวผิดปกติได้ง่ายเช่นกัน ทางที่ดีและง่ายที่สุดคือ ให้ลองเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย หรือเป็นสิวง่าย และต้องใส่ใจในการรักษาความสะอาดของผิวอยู่เสมอ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดหรือผลัดเซลล์ผิวมากจนเกินไปรวมถึงไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สูงหรือต่ำจนเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเสี่ยงที่จะสิวบุกได้

การรู้จักผิวของตนเองและเลือกสกินแคร์ให้ถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ดังเช่นที่ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล กล่าวไว้ว่าหากรู้ตัวว่าตนเองเป็นคนผิวมัน แล้วเลือกใช้สกินแคร์ที่เป็นเบสน้ำมันหรือเน้นส่วนผสมที่เพิ่มความมันย่อมอุดตันผิวได้ง่าย ยิ่งเหมือนปิดการระบายออกของรูขุมขนไปได้อีก ฉะนั้นเบื้องต้นจึงควรเริ่มจากการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวของเราด้วย


Q6 เป็นสิว ควรใช้อะไรล้างหน้า

สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสำหรับคนเป็นสิว พยายามอย่าเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารชะล้าง (Surfactant) ประเภท Sulfate ตัวแรงๆ มากเกินไป อย่างเช่น SLS (Sodium Lauryl Sulfate) หรือ SLES (Sodium Lauryl Ether Sulfate) เพราะถึงแม้จะคลีนผิวได้หมดจดก็จริง แต่ก็ตามมาด้วยความแรงต่อผิวที่ไม่เหมาะกับคนเป็นสิวเลย เพราะฉะนั้นเวลาเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ก็ให้ลองมองหาโพรดักส์ตัวที่ไม่มี Sulfate ประเภทนี้จะดีกับผิวอันแสนบอบบางของเรากว่านั่นเองจ้า



Q7 สิวหายเองได้ไหม

โดยปกติแล้วสิวจะหายเองได้แต่อาจใช้เวลานานหน่อย (เป็นสัปดาห์หรือบางทีเป็นเดือน) โดยเฉพาะถ้าเราไปบีบแกะสิวก็ยิ่งจะใช้เวลานานกว่านั้นไปอีกค่ะ และสิ่งที่จะตามมาก็ไม่พ้น ร่องรอยดำ รอยแดงจากสิวนั่นเอง เพื่อป้องกันปัญหานี้ เวลาที่เราเป็นสิวก็ต้องรักษาด้วยการทายาละลายการอุดตัน ลดการอักเสบ ในบางรายอาจจะต้องทานยาร่วมด้วย เพื่อให้สิวหายเร็วขึ้น ป้องกันการเกิดสิวใหม่ และลดโอกาสในการเป็นรอยแผลเป็นต่างๆ หลังจากสิวหาย


Q8 ทำยังไงให้สิวยุบเร็ว

วิธีที่ทำให้สิวยุบเร็วที่สุด ต้องบอกว่าการใช้สกินแคร์อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ แต่จะเป็นเน้นที่การทา "ยารักษาสิว" ซะมากกว่าค่ะ ซึ่งเป็นวิธีเราสามารถเอื้อมถึงได้และราคาไม่โหดเท่ากับการทำหัตถการอย่างการฉีดสิวที่เห็นผลเร็วติดจรวดจริงแต่ราคาเค้าก็จะสูงกว่ามาก เรามาดูกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาสิวกันเลยดีกว่า

  • เรตินอยด์หรือยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ ที่จะช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน และช่วยให้รอยดำที่เกิดจากสิวดูจางลง
  • ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และช่วยลดอาการอักเสบและลดการเกิดสิว
  • กรดซาลิซิลิก ช่วยในการละลายหัวสิวและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
  • กรดอะเซเลอิก ช่วยในการลดแบคทีเรียบนผิวหนังและช่วยลดอาการบวมแดงของสิว

Fyi สิ่งที่ควรรู้ไว้คือยังไงก็ตามให้ถามเภสัชกรหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาจะดีที่สุดนะคะ และนอกจากการรักษาภายนอกอย่างการทายาภายนอกแล้ว ก็ยังมีวิธีรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การทานยา การผลัดเซลล์ผิว หรือการใช้หัตถการจำพวกเลเซอร์หรือแสงรักษาควบคู่กับการรักษาแบบอื่นด้วยเช่นกันค่ะ สามารถลองไปศึกษาเพิ่มเติมกันได้



Q9 อะไรช่วยลดรอยสิวได้บ้าง

  • กรดโกจิก (Kojic acid) เป็นสารจากเห็ดที่สามารถช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ และช่วยลดรอยดำให้จางลง
  • เรตินอยด์ (Retinoids) ยับยั้งกระบวนการผลิตเม็ดสีในเซลล์ผิวได้ และช่วยในการผลัดเซลล์ แต่เรตินอยด์เป็นยาที่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ก่อนที่จะซื้อมาใช้ได้
  • ไทอามิดอล (Thiamidol) ยับยั้งเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ต้นเหตุที่ทำให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานิน สะสมเป็นจุดด่างดำ
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือที่รู้จักในชื่อ “วิตามินบี 3” เป็นสารอีกชนิดที่แพทย์มักใช้รักษาและลดรอยสิว แถมยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ลดรอยแดงจากสิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • เจลลดรอยที่มีสารสกัดจากหัวหอม (Allium Cepa) ที่จะช่วยในการลดเลือนรอยดำ บรรเทาอาการอักเสบของสิว อีกตัวที่แนะนำจะเป็น Acelaic acid ตัวนี้ก็จะช่วยยับยั้งเมลานิน ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวพร้อมทั้งลดรอยไปด้วยค่ะ

Q10 คนเป็นสิว ควรกินวิตามินอะไร

ซิงค์ (Zinc) เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ๆ โดยเฉพาะผิวหนัง เล็บ ผม ให้แข็งแรง และมีประโยชน์โดยตรงต่อการลดสิว ซึ่งเป็นแผลจากการอักเสบของผิวหนัง มีอีกคุณสมบัติที่ดีในการช่วยลดความมันบนใบหน้า และยังช่วยลดปัญหาสิวจากฮอร์โมนได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี วิตามินซี เสริมคอลลาเจนทำให้แผลเป็นที่เกิดจากสิวดูตื้นยิ่งขึ้น และช่วยยับยั้งการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดสี สามารถช่วยทำให้รอยดำคล้ำจากสิวลบเลือนได้

สรุป สิวเป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดขึ้นได้ก็หายได้และเป็นซ้ำได้หากดูแลรักษาผิดวิธี

10 คำถามสำหรับคนเป็นสิว ที่ซิสรวบรวมมาให้ถือว่าเป็นคำถามที่พบบ่อยและช่วยให้ทุกคนดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อเป็นสิว เอาไปใช้ได้จริงแน่นอน และอย่ากังวลกันมากมายเกินไปนะคะเพราะเป็นสิวหายได้! ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกวิธี แต่ถ้าเป็นสิวขั้นรุนแรงที่แม้แต่สกินแคร์ก็ช่วยไม่ไหว ให้แนะนำรีบไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและทางแก้ไขจะดีที่สุดค่ะ อีกอย่างที่ซิสอยากฝากไว้ก็คือ การเป็นสิวเนี่ยเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ และอย่าปล่อยให้สิวบนหน้ามาทำลายความมั่นใจในตัวเราไปเลยค่ะ ท่องไว้ เป็นสิวก็สวยได้ มันคือแอตติจูด เชิ่ดเข้าไปค่ะซิส

Designer: kidasindahouse

Writer : BabyPeachy


บทความแนะนำที่คล้ายกัน


🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1