วงการสกินแคร์มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วและมักจะมีเทรนด์ใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยดูแลผิวที่น่าสนใจ แม้ว่าด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ สกินแคร์เดิมหรือแบรนด์ที่เราคุ้นเคยก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเช่นกัน แต่ด้วยเทรนด์การดูแลผิวในแต่ละปีมีการมุ่งเน้นที่ต่างกันในแต่ละปี เรียกได้ว่าบางทีครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังก็สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว ทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องมีการล้อไปกับกระแสไปด้วย ดังนั้นแล้วเรามาดูกันว่า เทรนด์สกินแคร์ครึ่งปี 2568 อะไร In อะไร Out กัน และมาดูกันว่า ครึ่งปีหลัง 2568 นี้เทคโนโลยีไหนที่วงการสกินแคร์เริ่มนำอะไรมาใช้ในส่วนผสมกัน ไปดูกันเลย!!
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
เทรนด์สกินแคร์ครึ่งปี 2568 อะไร In อะไร Out?

เทรนด์สกินแคร์ที่กำลังมาแรงมากๆ ในครึ่งปีหลัง 2568 คือกระแสการได้รับความนิยมจากแนวคิด “Less is More” จากคุณ ‘Liah Yoo‘ อดีตบิวตี้ยูทูบเบอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KraveBeauty โดยการเน้นใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคุณภาพสูงและสามารถตอบโจทย์หลายปัญหาผิวในขั้นตอนเดียว โดยสอดคล้องกับการให้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอย่าง Dr.Morgan Rabach และ Dr.Marisa Garshick (MD แพทย์ผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการในนิวยอร์กซิตี้) ที่ได้แนะนำให้ปรับเปลี่ยนการใช้สกินแคร์ที่เกินความจำเป็นเพราะบางสกินแคร์นั้นส่วนผสมอาจจะเหมือนกันทำให้ได้รับประสิทธิภาพเท่าเดิม และการประโคมสกินแคร์มากเกินไปก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีแถมไปทำลายเกราะป้องกันของผิวหนังอีกด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอนสู่การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีหลายคุณสมบัติในหนึ่งเดียว ทั้งเพื่อความสะดวกและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองของผิว เช่น เซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้นและลดการอักเสบ ครีมกันแสงแดดและบำรุงผิวไปพร้อมๆกัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเทรนด์ที่ส่งผลต่อการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็ถือว่ายังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2567 จนมาถึง ณ ปัจจุบัน คือ ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้หรือเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ยั่งยืน แต่นอกจากนี้เรามาดูกันว่าเทรนด์สกินแคร์ครึ่งปี 2568 อะไร In อะไร Out กันบ้าง
เทรนด์สกินแคร์ที่กำลังมาแรงปี 2568
- นวัตกรรมฟื้นฟูผิวจากระดับเซลล์ Exosomes
เทคโนโลยี Exosomes ที่กำลังเป็นที่จับตามองในอุตสาหกรรมสกินแคร์และเวชสำอาง เนื่องจากช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวในระดับลึก สามารถส่งเสริมการสื่อสารระหว่างเซลล์ ฟื้นฟูโครงสร้างผิว หรือลดเลือนริ้วรอยจุดด่างดำ และเสริมความแข็งแรงของชั้นผิว อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ใช้ประโยชน์จาก Exosomal Growth Factors และ Cytokines มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์และชะลอความเสื่อมของผิวตามวัย
- สกินแคร์แบบมัลติฟังก์ชัน (Multifunctional Skincare)
ผลิตภัณฑ์ที่รวมคุณสมบัติหลายอย่างไว้หนึ่งเดียวอย่างที่พูดไปข้างต้น เช่น เซรั่มที่ช่วยลดรอยทั้งเพิ่มการเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น และเพิ่มความกระจ่างใส หรือครีมกันแดดที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไพรเมอร์ปกปิดรูขุมขนและบำรุงผิว
- นวัตกรรม Clean Beauty และส่วนผสมจากธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและปราศจากสารเคมีอันตราย เช่น ปราศจากพาราเบน ซัลเฟต และน้ำหอม เป็นต้น พร้อมทั้งเน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล เป็นต้น
- สกินแคร์ที่ปรับสมดุลจุลินทรีย์ผิว (Microbiome Skincare)
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมแบคทีเรียดีบนผิว เช่น โปรไบโอติกและไบโอติกที่ช่วยลดปัญหาผิวแพ้ง่าย เสริมเกราะป้องกันผิวและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสที่มาในแรงมากๆ ในครึ่งปีหลังของปี 2568
- สกินแคร์เฉพาะบุคคล (Personalized Skincare)
เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง เช่น การใช้เครื่องมือ AI เพื่อนำมาวิเคราะห์สภาพผิวในแต่ละบุคคล เพื่อให้ช่วยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคนซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากสุดๆ ในตอนนี้
- การสะสมคอลลาเจนและการใช้ PDRN
การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง เช่น การทำทรีทเมนต์กระตุ้นคอลลาเจน และการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์
เทรนด์สกินแคร์ที่กำลังเอาต์ปี 2568
- การใช้ Hydroquinone เพื่อลดจุดด่างดำ
Hydroquinone (ไฮโดรควิโนน) เคยเป็นส่วนผสมหลักในการลดเลือนจุดด่างดำบนผิว แต่ที่ทำให้ได้รับความนิยมน้อยลงในครึ่งปีหลังนี้เพราะมีข้อกังวลมากมายหลังการใช้อย่างคือเรื่องของการระคายเคืองและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหลายคนออกมาแนะนำสารสกัดอื่นๆ ที่ช่วยลดจุดด่างดำเหมือนกันแต่ผลข้างเคียงน้อย
- การใช้ Retinol ในการลดริ้วรอย
แม้ Retinol (เรตินอล) ยังคงเป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมในการลดริ้วรอย แต่บางคนอาจจะมีการระคายเคืองหรือส่งผลกระทบต่อผิวค่อนข้างรุนแรง ทำให้ส่วนผสมอื่นๆ ที่มีผลลัพธ์เหมือนกันแต่ผลข้างเคียงน้อย อย่างเช่น เปปไทด์ ที่ให้ผลลัพธ์อ่อนโยนและมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเรตินอลได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตอนนี้
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
เทรนด์เทคโนโลยีมาแรง ในวงการสกินแคร์ครึ่งปี 2568

สกินแคร์ที่ปรับสมดุลจุลินทรีย์ผิว (Microbiome Skincare) หรือ Probiotic Skincare
Probiotic for Skin นอกจากลำไส้ที่เราต้องการโปรไบโอติกแล้ว ผิวของเราก็ต้องการเช่นกัน ผิวของเราต้องเผชิญความเสียหายจากปัจจัยภายนอกมากมายที่เป็นตัวทำร้ายผิวให้บอบบางและง่ายต่อการระคายเคือง ไม่ว่าจะทั้งแสงแดด ฝุ่น ควัน มลพิษทางอากาศ อาหาร รวมทั้งสารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ จึงทำให้ผิวของเราเผชิญปัญหาผิวอย่างเช่น สิว ผิวแห้ง ผิวแดง แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย และปัญหาผิวอื่นๆ การเติมโปรไบโอติก(Probiotic) จึงช่วยคืนความสมดุลผิวให้เสริมแบคทีเรียที่ดีเจริญเติบโตได้ เสริมการบำรุง Skin Microbiome เพื่อช่วยป้องกันการรุกรานจากปัจจัยภายนอกที่มาทำร้ายผิว
ประโยชน์ของ Probiotic Skincare
- Probiotic ช่วยบำรุง Skin Microbiome ให้ทำงานได้ดีขึ้น
Probiotic ในสกินแคร์เป็นอาหารที่ช่วยปรับสมดุลเสริม Skin Microbiome ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น บำรุงเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ช่วยขับสารพิษออกจากผิว และ Probiotic ในสกินแคร์บางชนิดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเป็นพิเศษด้วย เช่น ชาหมักและถั่วเหลือง
- ช่วยลดการอักเสบของผิว
บางครั้งการใช้สกินแคร์ที่มีสารเคมีอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือเป็นสิวล่ายโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย การใช้สกินแคร์ที่มี Probiotic โดยเฉพาะสารที่ได้รับการหมักจะช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง ลดการอักเสบของผิวและสิวลงได้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
- รักษาความชุ่มชื้น
Probiotic ในสกินแคร์บางชนิดช่วยเพิ่มการผลิตเซราไมด์ในผิว จึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้นานยิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แสบคัน ผิวผดผื่น ทำให้ผิวแข็งแรงไม่ไวต่อการระคายเคืองง่ายและยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว
- ช่วยเสริมเกาะป้องกันผิวให้แข็งแรง
เป็นเหมือน Skin Barrier ที่ช่วยปกป้องผิวจากตัวการทำลายจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นแสงแดด มลพิษ ฝุ่น ควัน เชื้อโรค ที่มาทำร้ายผิว Probiotic จึงฟื้นฟูปราการผิว ลดโอกาสการเกิดความเสียหายบนผิวหนัง เช่น ปัญหาสิว ผิวคัน แพ้ง่าย แสบแดง และการระคายเคืองง่าย เป็นต้น
ซึ่งเราสามารถหาส่วนผสม Probiotic ในสกินแคร์ได้ คือ
- ให้มองหากลุ่ม Lactobacillus, Bifida bacterium, Vitreoscilla และพวก ferments การหมักสารต่างๆ เช่นชาดำหมัก Kombucha
- ส่วนผสมจาก Lysate ก็เป็นกลุ่ม Probiotic Skincare ในฐานะอนุพันธ์ของ Probiotic ช่วยเสริม Microbiome ของผิว เพื่อลดโอกาสการเกิดปัญหาผิว
สกินแคร์เฉพาะบุคคล (Personalized Skincare) หรือ AI Skincare
การใช้เทคโนโลยี AI ที่จะมาเปลี่ยนเทรนด์วงการสกินแคร์ด้วยการพิสูจน์ประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งตอบโจทย์ในคนยุคใหม่ที่ต้องการสกินแคร์ที่ตรงปัญหาก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ยังเป็นแนวคิดหรือระบบการดูแลผิวที่ออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากลักษณะผิว ปัญหาผิว พฤติกรรมการใช้ชีวิต สภาพแวดล้อม และพันธุกรรมของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์หรือแนวทางการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล โดยการใช้ AI สามารถจำลองผลการใช้ผลิตภัณฑ์บนผิวได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะปัญหาริ้วรอยจากสิว และจุดด่างดำ รองรับการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริงผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ช่วยคิดค้นพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ก่อนทำการทดลอง สร้างภาพก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว และการใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงในการจำลองผลลัพธ์การใช้สกินแคร์คือวิเคราะห์จากภาพถ่ายความละเอียดสูง
จุดเด่นของ Personalized Skincare
- เฉพาะเจาะจงตามสภาพผิว เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิวง่าย เป็นต้น
- วิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างละเอียด เช่น จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ความหย่อนคล้อย และริ้วรอย
- ออกแบบสูตรผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล โดยการปรับส่วนผสม เช่น ความเข้มข้นของวิตามินซี กรด AHA/BHA เป็นต้น
- ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น AI วิเคราะห์ใบหน้า การตรวจ DNA ผิวหรือ Skin Quiz ที่ประเมินผ่านแอปพลิเคชัน
- ติดตามผลและปรับสูตรได้ ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว ฤดูกาล หรืออายุ
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
เทรนด์ Makeup charm ที่หลายแบรนด์ฮิตทำ

Makeup charm หรือ ‘เมคอัพแบบพวงกุญแจ’ กำลังเป็นกระแสฮิตมากๆ ในตอนนี้เพราะมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์หลายอย่างทั้งในเรื่องของแฟชั่น ความสะดวก และยังสามารถใช้งานจริงได้อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เมคอัพแบบพวงกุญแจได้รับความนิยมในตอนนี้ และทำให้หลายแบรนด์เมคอัพเลือกที่จะออกผลิตภัณฑ์ในสไตล์นี้รัวๆ จากอิทธิพลของกระแส นอกจากนี้ยังกลายเป็นสไตล์ที่ช่วยให้กระเป๋ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสายอินฟลู ไอดอล หรือดาราต่างก็หยิบมาเล่นกันแล้ว และที่สำคัญ Makeup charm ไม่ได้เป็นแค่ของตกแต่งแต่ยังสามารถนำหยิบมาใช้งานได้จริงแบบไม่เคยมีมา ช่วยให้ลุคการแต่งตัวดูมีสไตล์และยังสามารถสร้างคุณค่าทางความรู้สึกในเล็กๆ เวลามองด้วย และจุดเด่นจริงๆ ของ Makeup charm นั้นมีมากมายนอกจากนี้คือ
- พกพาสะดวก
ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการแต่งหน้าแบบรวดเร็วระหว่างวัน หรือไว้เติมระหว่างวัน สามารถห้อยไว้เป็นพวงกุญแจกระเป๋า หรือสายเข็มขัด ซึ่งสามารถหยิบใช้งานได้ง่ายและตกแต่งกระเป๋าไปในตัว
- ดีไซน์น่ารักดูมีสไตล์
ซึ่งแต่ละแบรนด์ออกแพ็คเก็จให้ดูมีความเป็นไอเทมแฟชั่น เช่น รูปหัวใจ กล่องโปร่งใส หรือมีความเท่ เป็นต้น ซึ่งเป็นการออกแบบที่เหมาะกับสาย Y2K, K-pop หรือ Aesthetic ยุคใหม่ที่เน้นความน่ารักและความเป็นตัวเอง
- ครบจบในชิ้นเดียว
บางแบรนด์นั้นออกแบบผลิตภัณฑ์หลายฟังก์ชัน เช่น ลิปบาล์ม ทิ้งไฮไลต์ หรือคอนซิลเลอร์ไว้ในอันเดียว ซึ่งทำให้ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเครื่องสำอางและยังสามารถใช้เต็มระหว่างวันได้โดยไม่ต้องพกหลายชิ้น
- ราคาจะต้องได้
ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์แนวนี้จะราคาไม่แพงมาก เหมาะกับวัยรุ่นหรือคนอยากลองของใหม่โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ อีกทั้งยังเป็นดีไซน์ที่เล็กราคาจึงเหมาะสม
- กระแสจาก TikTok/อินฟลู
บอกเลยว่ากระแส ณ ตอนนี้สำหรับ Makeup charm ได้รับความนิยมจากการรีวิวของบิวตี้บล็อก คนดังใน TikTok อินฟลู ที่ช่วยปั่นกระแสให้คนอยากลอง จนทำให้เทรนด์ Makeup charm นี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องมีเลยทีเดียว
แบรนด์ Makeup charm ห้อยก็สวยแต่งลุคระหว่างวันก็ได้ !
Love Potion

ลิปออยล์เนื้อฉ่ำวาว ไม่เหนียวเหนอะหนะที่นอกจากช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นดูอวบอิ่ม และสุขภาพดีแล้วนั้น ยังสามารถเป็นไอเทมตกแต่งกระเป๋าแบบน่ารักๆ ได้อีกด้วย
ENTROPY

พวงกุญแจสุดเก๋สามารถใช้ได้ทั้งริมฝีปากและแก้มในแท่งเดียว สีแน่นเกลี่ยง่าย ไม่ซีดจางระหว่างวันอีกด้วย มาด้วยแพ็คเก็จกระทัดรัดพกพาง่าย ห้อยกระเป๋าหรือกางเกงก็ปังไปอีกแบบ
BRAYE

ดีไซน์ที่ความเท่และยังเป็นแบบทูอินวันคือใช้ได้ทั้งปากและแก้ม สีชัดดูกลมกลืนและเงางามได้อย่างลงตัว เหมาะกับหลายลุค
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับสรุปของ เทรนด์สกินแคร์ครึ่งปี 2568 อะไร in อะไร out จะเห็นได้เลยว่าเทรนด์ช่วงหลังนี้จะเน้นมองหาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังมุ่งเน้นไปที่ความเรียบง่ายของประสิทธิภาพที่ส่งผลดีในระยะยาวแบบยั่งยืน นอกจากนี้นั้นยังให้ความสำคัญกับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่สามารถให้หลายฟังก์ชันในผลิตภัณฑ์เดียวเพื่อทั้งลดผลข้างเคืองที่อาจเกิดการแพ้ระคายเคือง และการให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การเพิ่มเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีในการดูแลผิวของแต่ละคนด้วยนั่นเอง นอกจากสกินแคร์ที่เริ่มมีการเปลี่ยนแนวคิดแล้วนั้นยังรวมไปถึงเทรนด์ในปีนี้ที่ถือว่ากำลังมาแรงมากๆ เช่นกันอย่าง Makeup Charm ที่ถือว่าเป็นไอเทมที่เหล่าวัยรุ่นหรือคนที่ชอบสไตล์ใหม่ๆ การตกแต่งที่ไม่น่าเบื่อนำมาใช้จนติดเป็นกระแสใครชอบความน่ารักแบบใช้งานได้จริงจากของตกแต่งกระเป๋าคือห้ามพลาด สำหรับวันนี้แล้วเราขอตัวไปก่อนไว้เจอกันในบทความหน้านะคะ
ขอบคุณรูปภาพประกอบ : canva, fwee, konvy, ksisters, shopee
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : THESTANDARD, ALLURE, CROWDABOUT, PREMACARE
บทความที่อื่นๆ แนะนำ

Beauty Checked ! สกินแคร์ที่ไปต่อในปี 2025 | บทความของ chollychon | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/smooto-beauty-checked-205003

Blue Beauty สกินแคร์ สโลแกน รักน้ำ รักปลา รักทะเล | บทความของ SIS GURU | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/blue-beauty-trend-203040

เทรนด์ใหม่ Skin Streaming ใช้สกินแคร์แค่ 4 ตัว ผิวก็ปั๊วะได้! | บทความของ SIS GURU | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/skin-streaming-trend-202441

สกินแคร์ที่ใช้แทน retinol ได้แบบไม่ระคายเคืองผิว มีอะไรบ้าง? | บทความของ FEVER.TH | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/retinol-alternatives-skincare-201621

แบรนด์สกินแคร์ Unisex รวมมาแล้ว! สำหรับทุกเพศไม่ว่าใครก็ใช้ได้ Part 1 | บทความของ Ammy | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/Unisex-skincare-brand-part1-201552