1. SistaCafe
  2. รักในที่ทำงาน คบคนในบริษัทเดียวกัน มันจะเวิร์กจริงหรอ

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่จะอยู่ถูกที่ถูกทางรึเปล่า นั่นก็อีกเรื่องนึง ไหนใครมี รักในที่ทำงาน บ้าง ยกมือขึ้นโชว์หน่อยซิ ! วันนี้เรามี Toppic ที่ชาวออฟฟิศหลาย ๆ อาจจะอยากรู้ เอ๊ะ ! พี่ / น้องคนนั้น แอบชอบเราใช่มั้ย อาการแบบนี้ มันชัดมากเลยนะ เคยมั้ย รู้สึกเหมือนมีคนแอบชอบในที่ทำงาน อยากเช็กให้ชัวร์ งั้นมาเช็กไปพร้อม ๆ กัน ชวนเช็กสัญญาณบ่งบอกว่า เขาแอบชอบเราอยู่ แบบนี้ชัดเลย จะมีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกได้แบบชัดแน่แท้ชัวร์ว่า เขาชอบเรา บ้าง วันนี้มาลองเช็กลิสต์ไปพร้อม ๆ กัน บวกกับสิ่งที่ชาวออฟฟิศต้องรู้ มีรักในที่ทำงาน ยากมั้ย ข้อดี และข้อเสียคืออะไร ไม่รอช้า ไปอ่านดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ





ความรักในที่ทำงานเวิร์กไหม

เอาจริง ๆ ถ้าถามว่า การมีความรักในที่ทำงานนั้น ผิดมากมั้ย เอาจริง ๆ มันไม่ผิดเลยนะ แต่เราก็ต้องแยกแยะเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัวให้ได้ อย่าให้มันมามีผลกระทบกับงานที่เราทำ แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ การมีความรักในที่ทำงาน กับคนในออฟฟิศเดียวกัน มันค่อนข้างยาก ยากในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านความรู้สึก การควบคุมอารมณ์ คุมสติ ยากทั้งการวางตัว ยากทั้งการควบคุมคำพูด และสายตาของเพื่อนร่วมงาน เอาจริง ๆ มันมีความยากซ้อนอยู่เยอะมาก ซึ่งอารมณ์มันจะต่างกับรักในวัยเรียนเลย ซึ่งก็อาจจะต้องใช้เวลา และความอดทนประมาณนึงเลยแหละ

ที่นี่เรามาดูกันหน่อยว่า ความรักในที่ทำงานเวิร์กไหม มีแล้วมันดีมั้ย เราได้ทำการรวบรวมข้อดี และข้อเสียของการมีรักในที่ทำงานมาให้ดูแล้ว จะมีอะไรบ้าง เราลองมาเช็กลิสต์ดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

💟ข้อดีของการมีรักในที่ทำงาน

  • เขาเข้าใจเราที่สุด : ทามกลางคนที่ไม่เข้าใจ กลับมีคนนึงที่พร้อมจะเข้าใจเรา มันดีจริง ๆ พอมีแฟนในที่ทำงานแล้วมันดีมาก เขาทั้งเข้าใจ ทั้งให้คำปรึกษา ทั้งรับฟัง ทั้งคอยปลอบโยนในวันที่เราล้า หรือโดนหัวหน้าว่า มันรู้สึกสบายใจมาก
  • ทำให้กระตือรือร้น อยากมาทำงานทุกวัน : เวลาคบกับคนในที่ทำงานแล้ว มันจะทำให้เรามีความกระตือรือร้น อยากมาทำงานทุกวัน รอคอยที่จะได้เจอเขาคนนั้นที่เป็นแฟนของฉันที่นี่
  • ไม่ต้องเสียเวลาทำความรู้จัก : พอเป็นคนในที่ทำงานเดียวกัน แน่นอนว่า มันจะต้องรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะจากเพื่อน คนรอบข้าง หรือรู้เอง ซึ่งพอเป็นคนคุ้นเคยกันมาก่อน เลยทำให้มีข้อดีหลายอย่างเลย เราไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ไม่ต้องเสี่ยงกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่รู้แบ็กกราวนด์เขามาก่อน
  • มีกำลังใจในการทำงานมากเวอร์ : พอมีแฟนอยู่ใกล้ ๆ พลังใจมันก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณมาก ! เขาเปรียบเสมือนกำลังใจในการทำงานของเขา พอกำลังใจดี ผลงานที่ทำออกมา ก็จะดีตามไปด้วย มันเอื้อกันค่ะ !
  • แอบคบก็ตื่นเต้น คบเปิดเผยก็มีคนคอยซับพอร์ต ดีจะตาย : ชีวิตมีสีสัน ตื่นเต้นที่ได้แอบคบกัน สำหรับคู่ที่แอบคบกันในที่ทำงาน หลายคู่รู้สึกแบบนี้ มันเป็นอะไรใหม่ ๆ ที่ทำให้ชีวิตของคนทำงานรู้สึกแฮปปี้ อบนัดพบกัน ส่งโน้ตให้กันโดยไม่ให้คนอื่นรู้ ถือเป็นการเติมสีสันให้ชีวิตไปอีกแบบ ในส่วนของคนที่คบกันแบบเปิดเผย แน่นอนว่า คนนินทามี แต่คนสนับสนุนก็ไม่น้อยนะ บางคู่ที่คบกันอย่างเปิดเผยจะมีกองเชียร์คอยสนับสนุน ทำให้ออฟฟิศมีชีวิตชีวามากขึ้น

💟ข้อเสียของการมีรักในที่ทำงาน

  • ใกล้กันเกินไป โอกาสทะเลาะกันก็จะยิ่งง่ายกว่าเดิม : ความใกล้ชิด มันมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งถ้าเราใกล้กันมากเกินไป ก็จะยิ่งทำให้เราเห็นข้อเสียของกันและกันมากยิ่งขึ้น พอเราได้เห็นหลาย ๆ สิ่ง ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โอกาสที่ทำให้เรากับเขาทะเลาะกันมันเลยยิ่งมีมากกว่าเดิม
  • วางตัวลำบากทั้งเรื่องงาน และความสัมพันธ์ : จุดที่ยากที่สุดของการมีความรักในที่ทำงานคือ การวางตัว จะจัดการยังไงให้สมดุล ไม่เอาเรื่องงานมาปนกับความรัก และไม่เอาความรักมาทำให้งานเสีย เป็นเรื่องที่เราต้องคิดให้มาก กรณีแอบคบกัน ก็ต้องคอยหลบ ๆ ซ้อน ๆ หรือแม้แต่คบกันอย่างเปิดเผย ก็ต้องระวังเรื่องความเท่าเทียม ความลำเอียงเข้าข้าง การโดนนินทา การถูกมองใด ๆ อีก
  • เรื่องของเรา กลายเป็นเรื่องเม้าท์ของชาวบ้าน : สิ่งที่คุณจะต้องยอมรับให้ได้เลย ถ้ามีความรักในที่ทำงานคือ ขี้ปากชาวบ้าน เมื่อเรื่องของคนสองคน กลายเป็นเรื่องเม้าท์ของคนอื่น แน่นอนว่า ความอึดอัดใจตามมาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ารักนี้ไม่เวิร์ก จนถึงขั้นเลิกลากัน หรืออยู่ ๆ มีปัญหากัน เตรียมใจไว้เลย TALK OF THE TOWN แน่นอน
  • เลิกกันแล้ว บรรยากาศเปลี่ยน : จากที่ออฟฟิศหวานเจี๊ยบ คราวนี้ไม่ใช่แล้ว เมื่อรักนี้ต้องจบ พลอยทำให้บรรยากาศแปรปรวนไปด้วย เกิดดราม่าในออฟฟิศ ทำลายสภาพแวดล้อมที่ดี เริ่มจากคนสองคนที่รักกันในที่ทำงานเลิกลากัน ปัญหาเกิดขึ้นกันเองแค่สองคน แต่ดันทำเอาบรรยากาศในการทำงานที่ดีหายไป คนหมู่มากพลอยต้องมาแบกรับกรรมไปด้วยเฉยเลย
  • พอเลิกกันแล้ว มันทำให้วางตัวลำบาก มองหน้ากันไม่ติด : เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก จากคนเคยรัก กลายเป็นคนอื่น เมื่อยังต้องเจอหน้ากันทุกวัน จะวางตัวอย่างไร


💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗



10 สัญญาณ บ่งบอกว่า เขาแอบชอบเราอยู่



สัญญาณที่ 1 ทำผิดอะไร เขาก็ออกหน้ารับแทนให้ตลอด

เธอจะทำงานพลาด ถ่ายเอกสารผิด ส่งอีเมล์ผิดคน ประสานงานพลาด ความวายวอดไม่ได้อยู่ที่ใคร อยู่ที่นี่แล้วค่ะ ! ( อีกนิดบอสก็จะมากราบให้เซ็นใบลาออกแล้ว ! ) แต่อยู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มาเสนอตัวขอโทษ ออกแทนทุกครั้ง เธอแค่ยืนเฉย ๆ ก็พอ เอ๊ะ ! มาทำแบบนี้ มันไม่เอ๊ะไม่ได้นะ อย่างนี้ควรสงสัยไว้ก่อนเลยว่า เขาคิดอะไรรึเปล่า ? เพราะถ้าแค่เห็นใจแบบรุ่นพี่ทั่วไป เขาจะแสดงความเสียใจด้วย ใจดีหน่อยก็เสนอวิธีแก้ไขให้ แต่จะไม่เอาตัวเข้ามายุ่งแน่ ๆ ถ้ามองในแง่ผู้ชายคือ เขาต้องการทำคะแนน แสดงให้เห็นว่า เขาปกป้อง และดูแลคนที่เขารักได้ ถ้าเธอเองก็ใจตรงกัน ลองคิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อย ก็ไม่เสียหายนะ ต่อจากนี้ ก็ลองสังเกตเขาไปเรื่อย ๆ ดู แต่อย่าลืมพัฒนาสกิลทำงานควบคู่ไปด้วยก็ดีนะจ๊ะ เพราะผู้ก็คงช่วยเราไม่ได้ 24 ชั่วโมงหรอก สงสารเพื่อนร่วมงานจ้า !



สัญญาณที่ 2 ชอบพูดให้คิด หยอดเก่ง แถมหยอดกับเราคนเดียวด้วย !

ผู้ชายในที่ทำงาน มีหลายแบบ หนึ่งในนั้นก็จะมีพวกคนกะล่อน เจ้าชู้อยู่บ้าง คนสองคน เป็นพวกหมาหยอกไก่ หยอดสาวคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย หรือบางคนก็ไม่ได้จะจีบหรอก แต่เฟรนด์ลี่เกิ๊นน พูดกับใคร เขาก็คิดว่าจีบ ( มีจริงนะไม่ล้อเล่น ! ) เพราะงั้นอย่าเผลอหวั่นไหวไปล่ะ !

แต่ถ้าอยู่ ๆ มีคนนึงที่ชอบหยอด หยอดไม่พอรุกหนักมาก ฟิลแบบว่า มีแค่ฉันคนเดียว ที่เขาทำแบบนี้ด้วย สาวคนอื่นเขาเมินหมด ก็แอบกรี๊ดในใจได้เลย มีเปอร์เซนต์สูงมากที่เขาจะชอบเธอจริง ๆ ค่ะซิส ถ้ายังไม่มั่นใจ ลองแอบ ๆ มอง ๆ ดูพฤติกรรมเขากับสาว ๆ คนอื่นในออฟฟิศดู หรือเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามเพื่อนผู้หญิงในทีมดูก็ได้ว่า เวลาคุยกับเขา แล้วรู้สึกยังไงบ้าง ? ถ้าเขาทำตัวเป็นกลางกับทุกคน แต่กับเธอเสียงอ่อนเสียงหวาน หยอดมุกเสี่ยวหวังผลตลอด ( แม้ในช่วงไม่มีงานต้องดีลร่วมกัน ) ก็เป็นไปได้ว่า มี some thing wrong ชัวร์



สัญญาณที่ 3 งานจะยุ่งขนาดไหน เขาก็จะหาเวลามาเจอหน้าเธอทุกวัน

ข้อนี้ถือว่า ชัดอยู่ ถ้าเขามีตำแหน่งสูงกว่าเรา แล้วยังงานยุ่งมาก ต้องประสานงานกับคนนั้นคนนี้ทั้งวัน แต่ก็ยังหาเวลา 5 - 10 แวะเวียนมาเดินที่แผนกที่เราทำงาน หรือแวะมาทักทาย มาเดินผ่านหน้าให้เห็นบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ทางผ่าน มีสิทธิ์คิดได้นะว่า เขาคิดอะไรแน่ ๆ เลย ลองเช็กให้ชัวร์อีกสักนิด ถ้าเขาชอบแอบมองเราทุกครั้งที่แวะมาตรงแผนกเรา หรือเวลาเดินผ่าน ก็มักจะเผลอสบตากันบ่อย ๆ มีทักกัน หรือยิ้มให้กันบ่อย ๆ เวลาบังเอิญเจอกันตามทางเดิน หน้าลิฟต์ หรือ ที่จอดรถ มันก็ชัดแล้วว่า เขามีใจ





สัญญาณที่ 4 ยังไม่มืด ไม่อันตราย เขาก็จะอาสาพาไปส่งตลอด

ก็เขาเป็นห่วงเราไง เธอเข้าใจมั้ย ไม่งั้นเขาไม่อาสาไปส่งเธอทุกครั้งหรอกค่ะสาว ! ทั้งที่ยังไม่ดึก ไม่ถึงช่วงกลางคืน ฝนก็ไม่ตก ท้องฟ้ายังสว่างจ้า แจ่มใส ขนาดที่นั่งกลางแดดทั้งวันยังได้ แต่เขาก็ยังอาสาพาไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้า พอเริ่มสนิทกันขั้นนึง ก็เริ่มขอขับรถไปส่งบ้าน มันชัดเจนอยู่แล้วจ้า ! เขาจีบเธออยู่ค่ะ เราต้องแยกแยะนะว่า สุภาพบุรุษ พ่อพระเบอร์แรง ยิ่งกว่าคุณชายจุฑาเทพ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะอาสาทุกครั้ง ถ้าอยู่ในขอบเขตเพื่อน เขาจะอาสาไปส่งแค่ตอนที่เธอ ' เดือดร้อน ' เท่านั้น แต่ถ้าเอะอะก็ขอไปส่ง ไม่มีเหตุอะไรก็ขอไปส่ง อันนี้ชัดเลย ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานธรรมดาแล้ว เขาอยากเขยิบสถานะแน่นอน



สัญญาณที่ 5 ทั้งเพื่อน รุ่นพี่ (เผลอ ๆ ก็เจ้านายด้วย) เริ่มสะกิดว่า เขาชอบเธออยู่นะ !

มันจะมีอยู่หลายคน ที่ไม่รู้ตัวว่า เออ เขาจีบแกอยู่จ้า ! คนบางคน รวมถึงดิฉัน เวลามีคนมาทำดีด้วย จะชอบคิดว่า เขาก็ทำแบบนี้กับทุกคนแหละ ไม่มีอะไรหรอก จะเรียกว่าความรู้ช้า หรือไม่ได้สนใจเลยก็ได้ อาจเพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน ดูคนไม่ออก ก็คิดว่า เขาแค่เฟรนด์ลี่เฉย ๆ จนคนรอบข้างเหมือนจะทนไม่ไหว ในใจคงคิดกันอยู่ว่า เมื่อไหร่มันจะรู้ตัวสักที เริ่มสะกิดบอกเป็นนัย ๆ แล้วว่า เขาชอบแกนะเว้ย รู้ตัวสักทีเถอะ !

พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ หรือแม้แต่บอสของเรา บางคนอาจจะบอกเลย แต่บางคนอาจจะเริ่มจากแซวก่อน แล้วค่อยเริ่มชง เริ่มเสิร์ฟ ซึ่งถ้าเพื่อนร่วมงานแซว แล้วเขายิ้มเขิน ไม่ว่าอะไร แถมดูชอบใจด้วย สัญญาณชัดเลยว่า ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานที่รู้สึกได้ แต่เราก็ควรรู้สึกด้วยว่า เขามีใจค่ะ อย่าเอาแต่เบลอใส่เขาแบบนี้ !



สัญญาณที่ 6 เขามาขอตามโซเชียลส่วนตัว แถมทักมาก่อน + ชวนคุยเป็นชม.

สายหนุ่มฮาร์ดคอร์ ออกตัวแรงต้องข้อนี้ ! คือเพื่อนร่วมงานทั่วไปอะ ยิ่งเพศตรงข้าม ถ้าไม่คิดอะไร จะไม่ค่อยสนใจ ' โซเชียลส่วนตัว ' ของเพื่อนผู้หญิงหรอกค่ะ ไม่สนใจในที่นี้คือ ไม่แอดเฟรนด์ ไม่ติดตาม และไม่มาทักชวนคุยแน่ ๆ แต่ถ้าหนุ่มคนนั้นแอดมา พอเธอรับแอด ก็ทักมาชวนคุยเป็นชั่วโมง ๆ ก็พอจะแน่ใจได้ว่า อ๊ะๆ คิดอะไรกับเรารึเปล่าเอ่ย ! อาจจะมีบ้างที่งานในออฟฟิศไม่จบ ต้องมาคุยนอกรอบ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะคุยกันในเมล์ หรือไลน์กลุ่มมากกว่า ( ถึงทักส่วนตัว ก็จะคุยแต่เรื่องงานเท่านั้น ) แต่ถ้าคุยไป ๆ มา ๆ อ๊ะ วนมาเรื่องส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ? นี่ไม่ใช่เรื่องงานละนะ ? นั่นแหละจ้า เขาจีบเธออยู่ ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก !





สัญญาณที่ 7 เขาอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของเธอ

ต่อจากข้อข้างบนเลยคือ การคุย ไม่ใช่แค่เรื่องแลกเปลี่ยนทัศนคติ หรือคุยแบบเรื่องทั่ว ๆ ไปแล้วปิดจบ แต่เขาเริ่มล้วงลึกถึงข้อมูลส่วนตัว สนใจว่า เธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน ชอบกินอะไร แม้ข้อมูลพวกนี้ก็ยังก้ำกึ่งอยู่ แต่ถ้าคุยไปเรื่อย ๆ แล้วเขาเริ่มบ่นว่า เขาโสด แล้วถามว่า เธอยังโสดอยู่มั้ย ? อันนี้คิดได้เลยว่า เขาแอบจีบเธออยู่เนียน ๆ ค่ะซิส แต่ถ้าคำถามเรื่องโสดไม่โสด อาจยังไม่ชัดเท่าไหร่ ให้ลองคุยไปเรื่อย ๆ สักพัก ถ้าเขาเริ่มชวนไปเที่ยวหลังเลิกงาน หรือถามว่า เสาร์อาทิตย์ว่างมั้ย คลิก ! ชัวร์ ! เขากำลังจะเริ่มเขยิบความสัมพันธ์แล้ว เตรียมใจไว้เลย !



สัญญาณที่ 8 เราจะบ่นอะไร ก็จะใส่ใจฟังทุกครั้ง ไม่มีบ่น

ผู้ชายบางคนโม้เก่ง ! เขาแค่อยากได้คนที่ตั้งใจฟังเขาไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องโต้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นหรอก สิ่งสำคัญที่จะดูว่า เขาชอบเธอมั้ย ให้ดูว่าเขา ' ฟัง ' เวลาเธอพูดรึเปล่า ผู้ชายที่สนใจเรา ชอบเรา จะสนใจทุกสิ่งที่เธอเล่า คอยโต้ตอบ ตั้งคำถาม ไม่ให้เธอพูดปาว ๆ ฝ่ายเดียว คุยสนุก คุยแล้วสบายใจ แบบนี้ก็ค่อนข้างชัดว่า เขา ' ชอบ ' เธออยู่แน่ ๆ ค่ะผู้ชายโดยทั่วไป จะไม่ค่อยพยายามทำอะไรให้ใครหรอก ถ้าไม่ได้สนใจ หรือชอบคนคนนั้น ถ้ามีหนุ่มที่พยายามรับฟังเธอ แม้วันที่เธอดราม่า อารมณ์เสีย เขาก็ไม่หนีไปไหน พร้อมช่วยเหลือ หาของขวัญ หาขนมมาปลอบใจ หลังจากเธอระเบิดน้ำตา ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว นอกจากอย่าปล่อยให้ผู้ชายคนนี้หลุดมือนะคะซิส



สัญญาณที่ 9 ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา

เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เขาเริ่มใส่ใจเรามากเป็นพิเศษ ให้คิดไว้เลยว่า เขาอาจจะมีใจให้เราจริง ๆ ยิ่งถ้ารใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเราที่คนอื่นไม่เคยใส่ใจเลย เช่น ตัดผมใหม่ ทำสีผมใหม่ หรือวันนี้เราไปทำงาน แต่ดูอารมณ์ไม่ดี ดูเศร้า แววตาดูไม่สดใส เป็นต้น หรือเขาจำบางเรื่องเกี่ยวกับเราได้ ทั้ง ๆ ที่เพื่อนเรายังลืมไปแล้วเลย เช่น ความชอบส่วนตัว ความไม่ชอบบางสิ่ง ความไม่สบายใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นต้น คนอื่นจำไม่ได้ แต่เขากลับจำมันได้ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จะมีแต่คนที่สนใจเราเท่านั้นแหละค่ะ ที่จะใส่ใจเราได้ขนาดนี้



สัญญาณที่ 10 ภาษากายชัดยิ่งกว่าสิ่งใด

แม้เขาจะไม่แสดงออก แต่มันจะชัดมาก เมื่อเราลองสังเกตภาษากายที่เขาส่งมาให้ แต่ต้องระวังนะ มันจะมีพวกชอบถึงเนื้อถึงตัว อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ พวกหมาหยอกไก่ พวกเล่นเอาสนุก ถ้าเป็นพวกที่เอะอะแตะเนื้อต้องตัวแบบไม่ให้เกียรติ นั่นไม่ได้แปลว่า ชอบ แต่แค่อยากแต๊ะอั๋ง ถ้าเป็นคนที่ชอบเรา เขาจะแสดงออกด้วยความให้เกียรติ และปกป้องเราจากพวกปลาไหลทั้งหลาย ภาษากายที่อยากให้ลองสังเกตจากเขา ดังนี้

  • การสบตา : ลองสังเกตว่าเวลาอยู่ด้วยกัน เขาสบตากับคุณบ่อยแค่ไหน นานแค่ไหน พอสบตาแล้ว เขาแสดงออกยังไง เขินมั้ย หรือดูตื่นเต้นมั้ย ถ้าใช่ อาจจะเป็นสัญญาณว่าเขาชอบคุณ
  • รอยยิ้ม : รอยยิ้มที่จริงใจ ยิ้มกว้าง ยิ้มพร้อมกับริ้วรอยที่หัวตา แสดงถึงความรู้สึกที่ดี มีความสุข เวลาที่อยู่กับคุณ
  • ท่าทาง : ชอบเอนตัวเข้าหาเวลาคุยกัน ชอบมายืนใกล้ ๆ คอยกัน คอยขวางคนอื่นไม่ให้มายุ่งกับคุณ เอื้อมมือมาแตะแขน หรือสัมผัสตัวคุณเบา ๆ แสดงถึงความสนใจ อยากอยู่ใกล้ชิด แต่ก็ยังคงให้เกียรติกัน แบบนี้ก็ชัดอยู่ว่า เขาชอบเรา




วิธีดูแลรักให้ไปต่อได้ ถ้ามีแฟนอยู่ในบ.เดียวกัน

จริง ๆ การมีความรักในที่ทำงาน มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด สิ่งสำคัญคือ ถ้าบริษัทของเรา ไม่ได้มีกฎว่า ห้ามคบกันในที่ทำงาน ก็ยิ่งไม่มีอะไรเสียหายค่ะ วิธีที่จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ราบรื่นดี และยังคบกันได้ต่อไปที่ที่ทำงานเดียวกัน ไม่ได้ยากเลย ไม่ว่าจะเป็นระหว่างคบกับเพื่อนร่วมงาน คบกับหัวหน้า และคบกับลูกน้อง สามารถหยิบไปปรับใช้ได้ค่ะ

💟เรื่องการวางตัว : สิ่งสำคัญคือ ต้องระวังตัวให้มาก วางตัวให้ดี อย่าปิดประตูห้องทำงานคุยกัน อย่าแสดงความรักต่อกันจนออกนอกหน้า และจงให้ความสำคัญกับการทำงานให้มาก อย่าให้ผลงานตกต่ำลง เพราะความรักเด็ดขาด แล้วยิ่งถ้าเป็นความรักแบบเจ้านายกับลูกน้อง ยิ่งต้องระวังแบบสุด ๆ เพราะมันจะมีเรื่องของความลำเอียง ความไม่เท่าเทียมกันเกิดขึ้น ในฐานะลูกน้อง อาจถูกมองว่า พาพยายามไต่เต้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนในฐานะหัวหน้า อาจโดนมองว่าลำเอียง เข้าข้างคนรัก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ต้องเจอแน่ ๆ ฉะนั้นต้องวางตัวเป็นกลาง วางตัวให้ดี อย่าให้ความสัพันธ์มันมามีผลกระทบกับการทำงานเด็ดขาด

💟การเป็นทั้งผู้พูด และผู้ฟังที่ดี : การสื่อสาร เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ของชีวิตคู่ ใครที่มีความรักในที่ทำงาน เอาจริง ๆ เรื่องนี้คือ สำคัญที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่า เขาหรือเราจะต้องเจอใคร หรืออะไรบ้างในระหว่างวัน บวกกับได้ยินคนนั้นคนนี้เม้าท์กันอีกว่า เขาทำอย่างนั้น อย่างนี้ ไปกับคนนั้น คนนี้ พอได้ยินแบบนี้ แน่นอนว่า มันต้องหวั่นใจเป็นธรรมดา เพราะงั้นควรพูดคุยแลกเปลี่ยนกันให้เยอะ ๆ พักเที่ยง หรือหลังเลิกงาน ต้องคุยกันว่า วันนี้เป็นยังไง เจออะไร ทำอะไรมา เราควรจะแชร์เรื่องราวของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้ และอย่าลืมฟังเรื่องที่คนรักอยากจะเล่าให้เราฟังด้วย

💟เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่ามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ : ความสัมพันธ์ที่ดีจะเกิดขึ้นได้ อยู่ที่ความใส่ใจ ความเข้าใจกันค่ะ สิ่งที่จะช่วยทำให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันได้คือ อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง อย่ามองว่า เรื่องของตัวเองใหญ่ แต่เรื่องของอีกฝ่ายเล็กน้อย โจทย์นี้ต้องทำทั้งคู่เลยนะ ไม่ใช่มีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาใจใส่อยู่ฝั่งเดียว ไม่งั้นสุดท้ายมันก็ทะเลาะกันทุกที จงจำไว้ว่า เรื่องเล็ก ๆ ที่เราคิดว่า แค่นี้ มันอาจจะใหญ่ และหนักหนาสำหรับคนรักของเราก็ได้ ฉะนั้นเมื่อคนรักกำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องในที่ทำงาน หน้าที่ของเราคือ รับฟัง และช่วยคิดแก้ปัญหา คอยอยู่เคียงข้าง และปลอบโยน

💟สร้างความไว้วางใจในความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย : ก็อย่างที่เราบอกว่า ทั้งเรา และเขาต่างมีโอกาสเจอคนเข้าหามากมาย บวกกับคำพูดของคนรอบข้างอีก อาการหวั่นใจ และความกังวลใจมันก็ต้องมีเกิดขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย สิ่งที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์คือ การมีความไว้วางใจ เชื่อใจในตัวอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นไว้ใจในทางความสามารถ วางใจกับการปล่อยให้เขาได้เลือก หรือตัดสินใจเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่ง หรือให้เขาได้ลองแก้ปัญหาที่เขามั่นใจว่า เขาทำได้ ไปจนกระทั่งการไว้ใจทั้งที่ต้องอยู่ห่างไกลกัน ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องมือที่สาม หรือคนอื่นตลอดเวลา ถ้าเรามั่นใจในคนของเรามากพอ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ

💟แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้ : พอมีความรักในที่ทำงาน เชื่อว่ามีหลายคนแน่นอนที่เหมารวม พอเห็นคนรักใกล้ชิดกับใคร เกิดอาการหึงหวง พลอยทำให้เสียการเสียงานไปหมด บานปลายทะเลาะกันเอง เพราะไม่ให้เกียรติกัน ทีนี้จบไม่สวย เพราะฉะนั้นเราจะต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้ อย่าให้ความสัมพันธ์ของเรามามีผลกระทบกับเรื่องงานเด็ดขาด จุดสำคัญคือ ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว ไปคุยกันหลังเลิกงาน เวลางานคือเวลางาน เอามารวมกันไม่ได้





เป็นยังไงบ้างคะ แน่นอนว่า สัญญาณไม่ใช่เรื่องที่จะฟันธงได้ 100% เราแค่บอกว่า ' มีเปอร์เซนต์สูง ' แต่ในส่วนเล็ก ๆ อีก 1% ก็อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ เขาอาจแค่เฟรนด์ลี่เกินเบอร์จริง ๆ หรืออาจเป็นคนใจดีโดยธรรมชาติ เพื่อความแน่ใจที่แท้จริง ถ้าได้สัญญาณที่ค่อนข้างแรง แล้วยังอยากต้องการความชัวร์ ถามปากเปล่าออกไปเลยว่า ' จีบเราอยู่มั้ย ? ' อย่างน้อยจะได้รู้ว่า ควรทำตัวยังไงต่อ ไม่ต้องอยู่ในความสัมพันธ์งง ๆ ว่าเอ๊ะ เราเป็นอะไรกัน?

ใช้ความกล้านิดนึง แต่คุ้มค่าที่จะลองน้า ถ้าไม่ใช่ ก็แค่ตัดใจแล้วเดินหน้าต่อ วัยทำงานยังเจอคนอีกเยอะ ไม่ต้องกลัวว่า เขาจะเป็นคนสุดท้ายบนโลกนี้นะจ๊ะ มีผู้ชายมาให้เลือก ให้ส่องเรื่อย ๆ แน่นอน แต่ถ้าใจตรงกัน ก็ Congratulations ! ยินดีกับคู่รักใหม่ด้วย ขอให้โชคดีค่ะ ! ส่วนวันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อน เจอกันใหม่คราวหน้าค่า บ๊ายบาย


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : Facebook tvN drama

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : How to Tell if a Guy Likes You at Work: 15 Signs He’s Hitting on You / รักในที่ทำงาน น้ำผึ้ง หรือ ยาพิษ / MDs’ LIFE | How to รักษาความสัมพันธ์ ความรักวัยทำงาน ที่ต่างคนต่างเหนื่อยให้มั่นคง



💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗


บทความแนะนำเพิ่มเติม



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1