เคยเป็นมั้ย ที่รู้สึกว่า บางครั้งร่างกายเรา ก็ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแบบเงียบ ๆ ผ่านผิว ผม เล็บ หรือแม้แต่อารมณ์ แต่เรามักมองข้าม และคิดว่า “ คงเหนื่อยเฉย ๆ ” ทั้งที่จริงแล้ว อาจเป็นเพราะร่างกายกำลังขาดวิตามินบางชนิดอยู่ก็ได้ การสังเกตสัญญาณเหล่านี้ ช่วยให้เราเติมเต็มสิ่งที่ขาดก่อนจะกลายเป็นปัญหาสุขภาพระยะยาว วันนี้เราจะมาชวนชาวซิสทุกคนมาลองเช็กตัวเองกันดู ร่างกายขาดวิตามิน ดูยังไง วันนี้มาไขข้อข้องใจไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
ร่างกายขาดวิตามิน ดูยังไง ?
เวลาเรารู้สึกเพลีย ๆ ผิวหมอง ผมร่วง หรืออารมณ์แปรปรวน โดยไม่รู้สาเหตุ หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นเพราะพักผ่อนน้อย หรือเครียด แต่จริง ๆ แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่ซ่อนอยู่ก็คือ “ ร่างกายขาดวิตามิน ” นี่แหละค่ะ วิตามินเปรียบเหมือนตัวช่วยเล็ก ๆ ที่คอยหล่อเลี้ยงให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น ขาดไปนิดเดียว ก็ส่งผลให้ร่างกายส่งสัญญาณเตือนออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งร่างกายสามารถแสดงสัญญาณเตือน เมื่อขาดวิตามินได้หลายอย่าง แต่ละอาการก็จะบ่งบอกถึงชนิดของวิตามินที่ร่างกายกำลังขาดไปค่ะ ลองมาเช็กตัวเองจากสัญญาณเหล่านี้ได้เลย
สัญญาณที่พบบ่อยเมื่อร่างกายขาดวิตามิน
- อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย : เป็นสัญญาณที่พบบ่อยที่สุด อาจบ่งบอกถึงการขาด วิตามิน B12 หรือ วิตามิน D
- แผลในปาก หรือริมฝีปากแห้งแตก : ริมฝีปากแห้งแตก หรือเกิดแผลที่มุมปาก ( โรคปากนกกระจอก ) อาจเป็นสัญญาณของการขาด วิตามิน B2
- เลือดออกตามไรฟัน : อาการเหงือกบวมหรือเลือดออกง่ายตามไรฟัน เป็นอาการคลาสสิกของการขาด วิตามิน C อย่างรุนแรง ( โรคลักปิดลักเปิด )
- ผมร่วง : การขาด วิตามิน B6 และ วิตามิน B12 รวมถึงวิตามินบางชนิดอาจทำให้มีปัญหาผมร่วง
- มองเห็นในที่แสงน้อยไม่ชัด : หรือที่เรียกว่า ตาบอดกลางคืน เป็นสัญญาณหลักของการขาด วิตามิน A
- ผิวแห้งกร้าน : ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย หรือเกิดผื่นผิวหนังอักเสบ อาจเป็นสัญญาณของการขาด วิตามิน A หรือ วิตามิน E
- อาการชาที่ปลายมือปลายเท้า : การขาด วิตามิน B1 หรือ วิตามิน B12 มักจะทำให้มีอาการชาหรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม
- เป็นตะคริวบ่อย ๆ : อาการปวดกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริวในตอนกลางคืน อาจเป็นสัญญาณของการขาด วิตามิน D ซึ่งมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
- แผลหายช้า : เมื่อร่างกายขาด วิตามิน C จะส่งผลให้กระบวนการสมานแผลช้าลง
หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้องนะคะ

วิตามินที่ร่างกายต้องการมีอะไรบ้าง ?
อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า วิตามินเป็นสารอาหาร ที่จำเป็นต่อร่างกาย แม้จะต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็มีความสำคัญมากจริง ๆ ต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ซึ่งวิตามินที่ร่างกายขิงเราต้แงการนั้น แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ วิตามินที่ละลายในไขมัน และวิตามินที่ละลายในน้ำ มาดูกันว่า มีอะไรบ้าง แล้วแตละตัวมีประโยชน์ยังไง
วิตามินที่ละลายในไขมัน
วิตามินที่ละลายในไขมันคือ กลุ่มวิตามินที่จะละลายในไขมัน หรือน้ำมันเท่านั้น เพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ หากได้รับมากเกินจะเก็บสะสมไว้ในร่างกาย วิตามินเหล่านี้ ต้องการไขมันในอาหาร เพื่อช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และจะถูกเก็บสะสมในเนื้อเยื่อไขมัน และตับ หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดพิษได้ ซึ่งวิตามินที่ว่านี้ ได้แก่ วิตามิน A, D, E, K
🍋วิตามิน A
วิตามิน A มีความสำคัญต่อหลายระบบในร่างกาย โดยเฉพาะการมองเห็น และการสร้างภูมิคุ้มกัน
- ช่วยในการมองเห็น : มีบทบาทสำคัญในการทำงานของจอประสาทตา ทำให้มองเห็นได้ดีในที่แสงน้อย และป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ
- บำรุงผิวพรรณ : ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ลดการเกิดสิว และช่วยฟื้นฟูผิวจากความเสียหาย
🍊วิตามิน D
วิตามิน D มักถูกเรียกว่า " วิตามินจากแสงแดด " เพราะร่างกายสามารถสร้างเองได้ เมื่อได้รับแสงแดดที่เพียงพอ
- เสริมสร้างกระดูกและฟัน : ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างกระดูก
- บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน : มีบทบาทในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- รักษาสมดุลอารมณ์ : ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า และปรับสมดุลอารมณ์
🍋วิตามิน E
วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ
- ต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์
- บำรุงผิวพรรณ : ช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- สมานแผล : มีส่วนช่วยในกระบวนการสมานแผล
🍊วิตามิน K
วิตามิน K มีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด และสุขภาพกระดูก
- ช่วยให้เลือดแข็งตัว : มีบทบาทสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยป้องกันการสูญเสียเลือดมากเกินไปเมื่อเกิดบาดแผล
- บำรุงกระดูก : ช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้สร้างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
วิตามินที่ละลายในน้ำ
เป็นวิตามินที่ร่างกายจะดูดซึม และนำไปใช้ได้ดีในน้ำ แต่ส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ไม่ค่อยสะสมในร่างกาย และมีความเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่ำ หากได้รับเกินความต้องการ จะถูกขับออกทางปัสสาวะ จึงควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ วิตามิน B และ C
🍋วิตามิน B (วิตามินบีรวม)
วิตามินบีรวม ประกอบด้วยวิตามินหลายชนิดที่ทำงานร่วมกัน มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายสร้างพลังงาน และดูแลการทำงานของระบบประสาท
- สร้างพลังงาน : ช่วยเปลี่ยนอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันให้เป็นพลังงาน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีกำลัง
- บำรุงระบบประสาทและสมอง : มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท, เพิ่มสมาธิ และลดความเครียด
- สร้างเม็ดเลือดแดง : มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
🍊วิตามิน C
วิตามิน C เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับร่างกาย และผิวพรรณ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด
- สร้างคอลลาเจน : เป็นสารตั้งต้นสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างผิว, เหงือก, ฟัน และกระดูกให้แข็งแรง
- บำรุงผิวพรรณ : ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

จะเป็นยังไงถ้าร่างกายได้รับวิตามินไม่พอ ?
เพื่อน ๆ หลายคน อาจจะกำลังตั้งคำถามอยู่ใช่มั้ยว่า แล้วถ้าร่างกายของเราขาดวิตามิน มันจะเป็นยังไง ร่างกายที่ขาดวิตามินจะทำงานผิดปกติ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย สมาธิสั้น หรือมีภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อผิวพรรณ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ลิ้นอักเสบ ริมฝีปากอักเสบ และอาจส่งผลกระทบต่อกระดูก และระบบประสาท ทำให้ปวดเมื่อย ชาตามปลายมือ ปลายเท้า หรือมีอารมณ์แปรปรวนได้ หากขาดวิตามินอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคโลหิตจาง หรือภาวะแทรกซ้อน ที่อันตรายถึงชีวิต
ทำไมร่างกายถึงขาดวิตามิน ?
บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมร่างกายเราถึงได้ขาดวิตามินได้ วันนี้เรารวบรวมคำตอบง่าย ๆ มาแชร์ต่อแล้วค่ะ
- กินอาหารไม่ครบหมู่ หรือไม่หลากหลาย เช่น คนที่ไม่ค่อยกินผักผลไม้ ก็อาจขาดวิตามิน C หรือใครที่ไม่กินเนื้อสัตว์เลยอาจเสี่ยงขาดวิตามิน B12 ได้
- ความเครียด และการใช้ชีวิตเร่งรีบ ฮอร์โมนความเครียด ทำให้ร่างกายใช้วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี และวิตามินซี มากกว่าปกติ
- พฤติกรรมการกินที่ไม่สมดุล ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือทานอาหารแปรรูปมากไป ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้น้อลง
- การเจ็บป่วย หรือยาบางชนิด เช่น คนที่มีโรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ มักดูดซึมวิตามินได้ไม่เต็มที่ หรือยาปฏิชีวนะบางตัวอาจทำให้ขาดวิตามิน K ได้
- อายุ และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายอาจผลิตเอนไซม์ หรือสารบางอย่างน้อยลง ส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินโดยตรง
🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋
อาการแบบนี้ร่างกายขาดวิตามินอะไร ?
เราเป็นคนนึงที่มักจะสงสัยตลอดว่า เอ๊ะ ! ร่างกายตอนนี้มันเป็นอะไร มันแปลก ๆ นะ เพื่อน ๆ เคยมีความคิดแบบนี้กันบ้างมั้ย รู้มั้ยว่า ร่างกายของเราเปรียบเหมือนเครื่องจักรที่ต้องการ “ เชื้อเพลิงคุณภาพดี ” ในการทำงาน วิตามินจึงเปรียบเสมือนชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายหมุนเวียนไปได้อย่างราบรื่น ถึงแม้มันจะไม่ใช่สารอาหารที่ให้พลังงานโดยตรงเหมือนโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมัน แต่เชื่อไหมคะว่า ถ้าขาดวิตามินเพียงตัวเดียว ระบบในร่างกาย ก็อาจสะดุด และส่งสัญญาณเตือนออกมาให้เราเห็นได้เลยนะ
เพื่อน ๆ อาจไม่ทันสังเกต เพราะอาการที่เกิดขึ้นมักจะค่อย ๆ สะสม ไม่ได้มาแบบปุ๊บปั๊บ แต่จริง ๆ แล้วสัญญาณเล็ก ๆ ที่ร่างกายส่งออกมา เช่น ผมร่วงง่าย เหนื่อยบ่อย หรือแม้แต่เล็บแตกง่าย ก็เป็นเหมือน “ เสียงกระซิบ ” ที่บอกว่า เฮ้ ! ร่างกายกำลังขาดอะไรบางอย่างนะ รีบ ๆ เติมเข้ามาเร็ว ! ลองมาดูกันว่า แต่ละอาการบ่งบอกถึงการขาดวิตามินอะไร และควรแก้ไขอย่างไร
🍋อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
อาการอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในชีวิตประจำวัน อาจมีสาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียดสะสม หรือภาวะขาดสารอาหารบางอย่าง
- ขาดวิตามิน B12 และ วิตามิน D : วิตามินเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงาน และดูแลการทำงานของระบบประสาท นอกจากนี้ การขาด ธาตุเหล็ก ก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคโลหิตจาง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ
- กินจากไหนได้บ้าง :
✅วิตามิน B12 : พบมากในเนื้อสัตว์, ไข่, นม และอาหารทะเล
✅วิตามิน D : ได้จากแสงแดดในตอนเช้า, ปลาที่มีไขมันสูง ( เช่น ปลาแซลมอน ), ไข่แดง และนม
- ต้องทำยังไง แก้ยังไง :
✅วิตามิน B12 : รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์, ไข่ หรือผลิตภัณฑ์จากนมให้มากขึ้น หากเป็นมังสวิรัติอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริม
✅วิตามิน D : ควรออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าประมาณ 15 - 20 นาที และรับประทานอาหารที่มีวิตามิน D เพิ่มขึ้น
🍊แผลในปาก ริมฝีปากแห้งแตก
อาการแผลในปาก และริมฝีปากแห้งแตก เป็นอาการที่พบบ่อย อาจเกิดจากหลายสาเหตุ รวมถึงการขาดสารอาหารบางชนิดค่ะ
- ขาดวิตามิน B2 ( ไรโบฟลาวิน ) และอาจรวมถึง วิตามิน B12 : วิตามิน B2 ( ไรโบฟลาวิน ) มีบทบาทสำคัญในการบำรุงสุขภาพผิวและเยื่อบุช่องปาก หากขาดจะทำให้เกิดอาการแห้ง แตก และอักเสบได้ และถ้าขาดวิตามิน B12 ( โคบาลามิน )ด้วย ก็อาจจะทำให้เกิดแผลในปากหรืออาการเจ็บลิ้นได้
- กินจากไหนได้บ้าง :
✅วิตามิน B2 : พบในนม, ไข่, ผักใบเขียว, เนื้อสัตว์ และถั่ว
✅วิตามิน B12 : เนื้อสัตว์, ไข่, นม และอาหารทะเล
ต้องทำยังไง แก้ยังไง:
เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีวิตามิน B2 ให้หลากหลายมากขึ้น นอกจากเรื่องอาหารแล้ว การดูแลตัวเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ควรเลียหรือเม้มริมฝีปากบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง
🍋เลือดออกตามไรฟัน
เลือดออกตามไรฟัน เป็นอาการที่พบบ่อย และสามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดวิตามิน และแร่ธาตุบางชนิดค่ะ
- ขาดวิตามิน C : ทำให้หลอดเลือดเปราะบาง และเหงือกอ่อนแอลง ส่งผลให้เลือดออกได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่โรคลักปิดลักเปิดได้ในที่สุด
- กินจากไหนได้บ้าง :
✅วิตามิน C : พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม, ฝรั่ง, กีวี และผักใบเขียว ( เช่น บรอกโคลี )
- ต้องทำยังไง แก้ยังไง:
เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามิน C อย่างสม่ำเสมอ พร้อมแปรงฟันให้ถูกวิธี อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดคราบพลัคที่สะสมตามซอกฟัน

🍊ตาบอดกลางคืน ( มองไม่เห็นในที่แสงน้อย )
ตาบอดกลางคืน หรืออาการมองเห็นได้ไม่ชัดในที่แสงน้อย เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่า ร่างกายกำลังขาดวิตามินที่จำเป็นต่อการทำงานของดวงตา
- ขาดวิตามิน A : วิตามินเอมีส่วนในการทำงานของจอประสาทตา โดยเป็นส่วนประกอบของโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ดวงตาสามารถมองเห็นได้ดีในที่แสงน้อย หากขาดวิตามินชนิดนี้ การผลิตโรดอปซินจะลดลง ส่งผลให้เกิดอาการตาบอดกลางคืน
- กินจากไหนได้บ้าง :
✅วิตามิน A : พบในผักผลไม้ที่มีสีส้ม และสีเหลือง ( เช่น แครอท, ฟักทอง, มะละกอ ), ผักใบเขียวเข้ม, ตับ, และไข่แดง
- ต้องทำยังไง แก้ยังไง:
เพิ่มอาหารที่มีวิตามิน A เข้ามาในมื้ออาหารแต่ละวัน และหากมีความจำเป็นอาจปรึกษาแพทย์ เพื่อรับวิตามินเสริม
🍋ผิวแห้งกร้าน
ผิวแห้งกร้าน เป็นปัญหาผิวที่ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว อาจมีอาการคัน หรือลอกเป็นขุยได้ สาเหตุหลักอย่างหนึ่งของปัญหานี้ มาจากการขาดวิตามินบางชนิด ที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวค่ะ
- ขาดวิตามิน A และ วิตามิน E : วิตามิน A มีส่วนช่วยในการซ่อมแซม และบำรุงเซลล์ผิว ให้ผิวมีความชุ่มชื้น และแข็งแรง ส่วนวิตามิน E จะช่วยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว
- กินจากไหนได้บ้าง:
✅วิตามิน A: พบในแคร์รอต, ฟักทอง, ผักโขม และมะม่วง
✅วิตามิน E: พบในน้ำมันพืช, ถั่วชนิดต่าง ๆ และเมล็ดพืช
- ต้องทำยังไง แก้ยังไง:
รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A และ E ควบคู่กันไป และควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย นอกจากนี้ สามารถแก้ได้ด้วยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือไฮยาลูรอนิก เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และล็อกความชุ่มชื้น สำคัญคือ ลดการอาบน้ำอุ่นจัด และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่รุนแรง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
🍊เป็นตะคริวบ่อย ๆ
อาการเป็นตะคริวบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายขาดวิตามิน และแร่ธาตุบางชนิด ที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาทค่ะ
- ขาดวิตามิน D และแร่ธาตุ แคลเซียม : วิตามิน D มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายดูดซึม แคลเซียม หากขาดวิตามิน D การดูดซึมแคลเซียมก็จะไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ และเกิดอาการตะคริวได้ นอกจากนี้
- กินจากไหนได้บ้าง:
✅วิตามิน D: ได้จากแสงแดด, ปลาแซลมอน และไข่แดง
✅แคลเซียม: พบในนม, โยเกิร์ต, ชีส และผักใบเขียว
- ต้องทำยังไง แก้ยังไง:
ออกไปรับแสงแดด และเพิ่มอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามิน D เข้ามาในมื้ออาหาร นอกจากนี้ ควรออกกำลังกาย และยืดกล้ามเนื้อด้วย จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และลดโอกาสการเกิดตะคริวได้ รวมไปถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลของแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อได้
**ข้อควรระวัง : ข้อมูลนี้ เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้องนะคะ

ร่างกายขาดวิตามิน อาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ส่งผลกับทุกระบบในร่างกาย เช่น ขาดวิตามินซี ทำให้ภูมิตก และแผลหายช้า, ขาดวิตามินดี ทำให้กระดูก และกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือขาดไบโอติน ทำให้ผมร่วงง่าย วิธีดูง่าย ๆ คือ ฟังร่างกายตัวเอง เช่น มีอาการเหนื่อยเรื้อรัง อารมณ์แปรปรวน ผิวหมอง หรือแผลในปากบ่อย ๆ หากพบว่า มีหลายอาการร่วมกัน ควรปรับอาหารให้หลากหลาย เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี หรือปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจเลือด และเสริมวิตามินอย่างเหมาะสม เพราะการดูแลให้ครบตั้งแต่วันนี้คือ การลงทุนสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุดค่ะ !
ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ : freepik และข้อมูลจากเว็บไซต์ : 5 วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายไม่ควรขาด / 5 อาการของอาการขาดวิตามิน! / นั่นแหละ ! วิตามินที่มีความสำคัญอย่างไร ?
🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋
บทความแนะนำเพิ่มเติม

อาหารทานแล้วหน้าเด็ก ลิสต์มาแล้ว 7 อาหารต้านแก่ ชะลอวัย เสริมให้สุขภาพแข็งแรง | บทความของ FEVER.TH | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7-7-%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588-%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A2-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2587-id=96370

ผลไม้ดีต่อลำไส้ แก้ท้องผูกกระตุ้นถ่ายคล่อง อยากท้องแบนราบต้องกินอะไร ? | บทความของ Pearrisa | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/fruits-are-good-for-intestine-84547

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารเสริม พร้อมวิธีกินยังไงให้ได้ผลดี ? | บทความของ chollychon | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/97819

7 วิตามินซีเม็ดฟู่ละลายน้ำที่ควรพกบำรุงร่างกาย กินง่าย พกพาสะดวก! | บทความของ SIS GURU | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/93416

คนสวยรู้ไว้ 7 ผลไม้คอลลาเจนสูง บำรุงผิวสวยง่ายๆ แค่ทานผลไม้ใกล้ตัว | บทความของ Baby Chicken 🌈💕 | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/7-collagen-rich-fruits-for-glowing-skin-95560