1. SistaCafe
  2. กังวลใจ Work From Home ยังไงให้ได้งาน? ขอแชร์ How to ทำงานที่บ้านให้มีสมาธิ ไม่วอกแวก

สวัสดีค่าเพื่อน ๆ



มาอัปเดตข่าวคราวกันหน่อยเร็ววว เพื่อน ๆ เป็นยังไงกันบ้างคะ แบบว่าช่วงนี้ข่าวคราวสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร

ซึ่งข่าวหนึ่งที่แบบใหญ่ส่งผลกระทบต่อเราเป็นวงกว้างแถมยังหนักไปทั่วโลก นั่นก็คือข่าวไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19

ที่กำลังระบาดหนกอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายได้เลย พอไวรัสระบาดแบบสุดทุกอย่างเลยเหมือนหยุดชะงัก

ไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เรื่องเรียน หรือแม้แต่การทำงานก็ยังต้องอาศัย social distancing ทำงานกันที่บ้าน Work From Home กันไป




แต่ก็กังวลใจ Work From Home ยังไงให้ได้งาน?



สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่าบ้านคือสถานที่แห่งการพักผ่อน เลยกลัวใจว่าถ้าทำงานที่บ้านจะกลายเป็นแวะพักมากกว่าทำงาน

อย่าเพิ่งซีเรียสไปค่ะ บางทีเราอาจจะยังไม่ชินกับการเปลี่ยนสถานที่ทำงานก็ได้

เราเองก็มีประการณ์ในการ

Work From Home

มาบ้างเหมือนกัน ในบทความนี้เราเลยขอมา

แชร์ How to Work From Home ยังไงให้ได้งาน

กันสักหน่อย เผื่อว่าจะช่วยเพื่อน ๆ ที่กำลังปรับตัวทำงานอยู่บ้านได้บ้าง ว่าแล้วก็ลองตามไปดูกันดีกว่าว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง




*.:。*゚‘゚・.。.:* *.:。*゚’゚・.。.:* *.:。*゚¨゚・ .。.:* *.:。*゚¨゚・ .。.:*

1. กำหนดเวลาทำงานให้ชัดเจน


สำหรับเรื่องของ

ช่วงเวลาก็น่าจะสำคัญกับการ Work Frome Home อยู่เหมือนกันนะคะ

เพราะโดยปกติแล้วการทำงานในแต่ละวันเราก็มักจะมีช่วงเวลาการเตรียมตัว การเดินทาง หรือชั่วโมงในการทำงานใช่มั้ยคะ

แต่พอเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านบางคนก็อาจจะงง ๆ หน่อย ว่าเอ๊ะแล้วชั้นจะต้องเริ่มงานยังไงนะ



หรือควรจะทำอะไรก่อนดีนะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ทำงานออฟฟิศก็จะมีช่วงเข้างานออกงานช่วงพักอยู่แล้ว แนะนำว่ากำหนดเวลาตาม routine ปกติของเพื่อน ๆ ไปเลยก็ได้ค่ะ

แบ่งเวลาการทำงานและพักผ่อนให้ชัดเจนจะช่วยให้เราไม่สับสนระหว่างการทำงานและการพักผ่อนอยู่บ้าน

นั่นเอง






2. ตื่นมาปุ๊บ ไถ่โทรศัพท์ปั๊บ งานไม่เดินนะคะซิส


สำหรับในวันทำงานโดยปกติแล้วเราก็ต้องลุกขึ้นมาเตรียมตัวก่อนไปทำงาน

แต่พอเรา work from home กิจวัตรประจำวันตรงนั้นก็อาจจะหายไป บางคนอาจจะแบบงั้นขอนอนแผ่พักผ่อนหยิบโทรศัพท์มาไถ่เพลิน ๆ สักหน่อย

แล้วกัน ข


อบอกเลยว่าหยุดเดี๋ยวนี้ หยุดทันที



ถ้าไม่หยุดไถ่โทรศัพท์อาจจะนอนยาวจนเที่ยงเลยก็ได้นะเอ้อ ( ชั้นเคยเป็นมาแล้ว ) เราเลย

แนะนำว่าให้ตื่นนอนปกติแบบที่เคยทำ พอมีเวลาว่างช่วงก่อนเริ่มงานก็อาจจะหาอะไรที่ช่วยให้เราเฟรชสดใสในการทำงาน

หรือสำหรับบางคนตอนไปทำงานอยู่ในช่วง rush hour ตลอดไม่มีเวลาได้ทำกับข้าวกินเอง

ก็ถือโอกาศนี้แหละวางโทรศัพท์แล้วเตรียมข้าวเช้าเก๋ ๆ

ไม่แน่เพื่อน ๆ อาจจะได้งานอดิเรกใหม่ด้วยก็ได้






3. เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำงาน


ทำกิจวัตรประจำวันตอนเช้าเสร็จเรียบร้อย ก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องเริ่มทำงานแบบจริงจังแล้ว

สำหรับเรารู้สึกว่าการทำงานที่บ้านสภาพแวดล้อมมันส่งผลให้เราวอกแวกได้เหมือนกันนะ

เพราะบ้านคือสถานที่พักผ่อนของเรา สภาพร่างกายและจิตใจมันก็อาจจะไม่ได้เอื้อต่อการทำงานขนาดนั้น



เพราะฉะนั้นเราลองมาบิ้วอารมณ์เตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนทำงาน

จะทำเป็น morning routine เหมือนข้อด้านบนอย่างทำกับข้าว ทำอะไรที่ช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น


และขอแนะนำให้ทำกิจวัตรประมาณนี้ในทุก ๆ วันก่อนเริ่มทำงาน

เพื่อให้ร่างกายเราจดจำได้ว่าพอเสร็จจากงานตรงแล้วเราควรจะเริ่มทำงานได้นะประมาณนี้จ้า






4. ใส่ชุดนอนทำงาน ก็ไม่ค่อยได้งานเท่าไรค่ะซิส



สำหรับเรื่องชุดที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามด้วยเหมือนกันนะคะ

เพราะการแต่งตัวก็มีส่วนทำให้เรามีความรู้สึกเฟรชในการทำงานด้วยเหมือนกัน

สมมติเราลุกขึ้นมาใส่ชุดนอนทำงาน มันคือชุดของเมื่อวานและแน่นอนก็คือเราไม่ได้อาบน้ำ



การทำงานของเรามันก็อาจจะไม่เฟรชสดใสเหมือนกับตอนที่เราได้เริ่มต้นวันใหม่แบบสดชื่นก็ได้

เราอาจจะไม่ต้องถึงขั้นลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัวในชุดทำงานจัดเต็มก็ได้

แต่ลองใส่ชุดลำลองสบาย ๆ ทำงาน ก็จะช่วยให้เราแยกงานออกจากการพักผ่อน

ได้ด้วยจ้า






5. จัดมุมใดมุมหนึ่งของบ้านให้เป็นโต๊ะทำงาน


เมื่อตัวเราพร้อมที่จะเริ่มทำงานแล้ว สภาพแวดล้อมภายนอกก็ต้องเอื้ออำนวยด้วยจริงมั้ยคะ การทำงานของเราจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนะนำว่าให้เพื่อน ๆ ลองหามุมใดมุมนึงที่เหมาะแก่การทำงาน แต่ถ้าใครอยู่คอนโดอยู่ในหอลองหามุมเงียบ ๆ

มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีเสียงรบกวน



หรือที่โปร่งโล่งสบายเวลาทำงานจะได้รู้สึกหัวแล่นคิดงานออกเร็ว และ

ที่สำคัญไม่ควรเอางานมาทำบนเตียงเด็ดขาดเลยค่ะ

สำหรับเราเคยทำแบบนี้มาแล้วรู้สึกเอือดมาก งานไม่เดินแถมยังง่วงด้วย เหมือนกับว่าร่างกายจดจำว่าเตียงคือการพักผ่อน

พอเราเอางานมาทำบนเตียงก็เหมือนกับเราเอาด้านพักผ่อนมารวมกับด้านทำงานประมาณนี้ค่า



ตามมาดูไอเดียแต่งโต๊ะทำงาน สไตล์สายเกาที่นี่เลย




6. ไม่ควรลุกจากเตียง แล้วนั่งทำงานเลย ชีวิตจะงงเอา


สำหรับการ Work From Home สิ่งที่เราต้องตระหนักก็คือการแยกการทำงานออกจากการพักผ่อน

และการที่เราลุกจากเตียงขึ้นมาแล้วเปิดคอมทำงานเลย อาจจะทำให้กิจวัตรประจำวันของเรารวนได้

และพอการเริ่มต้นรวน ประสิทธิภาพการทำงานของเราก็อาจจะไม่ได้ดีเท่าที่ควร

เพื่อที่เราจะได้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น รู้สึกสดใสพร้อมกับการทำงาน

ดังนั้นสิ่งคำคัญก็คือ morning routine การเตรียมตัวก่อนเข้าทำงาน

Work From Home อย่างในข้อแรก ๆ ที่ได้บอกไปด้านบนนั่นเองค่า






7. ทำงานมาหนัก พักบ้างก็ได้


สำหรับเพื่อน ๆ บางคนที่ Work From หอหรือคอนโด พออยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเป็นเวลานาน

แน่นอนว่าน่าจะต้องเกิดอาจจะหัวตันหรืออึน ๆ มึน ๆ มีแอบเหงาไปบ้าง

ดังนั้นการแวะพักผ่อนหย่อนใจ พักสมองบ้างก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันนะคะ

เพราะการทำงานที่ดีมีประสิทธิก็จะต้องมีสภาพจิตใจที่ดีมาเอื้ออำนวยด้วยเหมือนกัน

พอสมองเราปลอดโปร่งคราวนี้ก็คิดงานได้ลื่นไหล ปั่นงานด้วยความเร็วแสงได้แล้ว

แต่พอได้พีกแล้วสิ่งหนึ่งอย่าลืมก็คือการมีวินัยในการทำงานะคะ ไม่ใช่ว่าพักยาวจนลืมงาน

ไม่ได้เด้ออ






*.:。*゚‘゚・.。.:* *.:。*゚’゚・.。.:* *.:。*゚¨゚・ .。.:* *.:。*゚¨゚・ .。.:*

และก็เป็นคำแนะนำพอกรุบกริบจากประสบการณ์ของเราเองและจากที่ได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมานะคะ

หวังว่าน่าจะพอช่วยเพื่อน ๆ ที่กำลังปรับตัวWork From Homeในช่วงนี้ได้บ้างเนอะ

สำหรับใครที่กำลังปรับตัวกับการเรียนหรือการทำงานออนไลน์ในช่วงนี้ ก็ไม่ต้องซีเรียสไปนะคะ



เราเชื่อว่าอีกสักพักเพื่อน ๆ ก็จะปรับตัวเรียนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

ขอแค่อย่าเครียดมากเกินไป เพราะสภาพจิตใจของเราก็ส่วนสำคัญในการทำงานเหมือนกันนะ

สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังให้ทุกคนรวมถึงตัวเราเองด้วย ให้ผ่านวิกฤตการณ์โรคระบาดไปได้อย่างปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรงนะคะ

วันนี้ไป

Work From Home

ต่อแล้วจ้า บ้ายบายค่า


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้