สาวๆ คนไหนชอบเคี้ยวหมากฝรั่งบ้างเอ่ย?เคี้ยวหยับๆ ระหว่างทำการบ้าน ทั้งเพลินทั้งสนุกสนาน หมากฝรั่งยังเป็นตัวเลือก “กันตาย” ที่จะช่วยระงับความอยากอาหารและทำให้กินได้น้อยลงอีกด้วยนี่นา ( อย่างน้อยก็ได้ยินมาอย่างนั้นนะ)ถ้ากินน้อยลง แปลว่าน้ำหนักต้องลด เราก็จะผอมลงน่ะสิ! เฮ่ >-

ลองคิดดูว่าถ้าเคี้ยวแล้วผอม โลกนี้คงไม่มีคนอ้วนแล้วล่ะ -_- เร็วๆ นี้มีงานวิจัยเปิดเผยว่า หมากฝรั่งไม่ใช่ตัวช่วยทำให้ผอมอย่างที่คิดหรอก! แน่ะ เราพูดจริงนะ ไม่ได้สกัดดาวรุ่ง มาลองดูเหตุผลกันว่าทำไมเจ้ายางยืดๆ ชิ้นนี้จึงไม่ช่วยให้เธอผอม เลื่อนลงมาดูข้างล่างเลย โกๆ!


1.การเคี้ยวหมากฝรั่ง ไม่ได้ช่วยลดความอยากอาหารหรือทำให้กินน้อยลงแต่อย่างใด!

มีงานศึกษาวิจัยต่อเนื่องว่าหมากฝรั่งช่วยลดความอยากกิน และปริมาณอาหารที่กินว่าลดลงจริงหรือเปล่า? เกิดการค้นพบว่ากลุ่มคนที่เคี้ยวหมากฝรั่งลดจำนวนมื้อที่กินแต่ละวันก็จริง แต่กินมื้อนึงทีเหมือนระเบิดลง!อาหารที่กินก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าคนที่ไม่เคี้ยวซะด้วย

งานวิจัยอีกชิ้นพบว่ากลุ่มที่เคี้ยวหมากฝรั่งมีแนวโน้มจะไม่ค่อยกินผลไม้ และ “โหย” จั๊งค์ฟู้ดอย่างมันฝรั่งทอดกรอบเค็มๆ หรืออมยิ้มน้ำตาลท่วมผู้วิจัยสรุปว่า เป็นเพราะสมิ้นท์ในหมากฝรั่งทำปฏิกิริยากับลิ้น กินผักผลไม้แล้วมีรสขมเมื่อขมแล้วก็ไม่อยากกินน่ะสิ!การเคี้ยวหมากฝรั่งรัวๆ จนแก้มบวม กรามใหญ่แค่ไหนก็ไม่ช่วยให้ลดความหิวหรือกินน้อยลงได้หรอกหมากฝรั่งรสมิ้นท์ทำให้เธอไม่อยากกินผักผลไม้ แล้วจะผอมได้อย่างไรกันล่ะ T_T

รูปภาพ:http://www.crizic.com/wp-content/uploads/2015/03/mint-gum.jpgรูปภาพ:http://childrenshospitalblog.org/wp-content/uploads/2010/05/young-girl-hates-apples.jpg

2.เคี้ยวหมากฝรั่งทำให้ระบบย่อยอาหารแย่ลงด้วย!

การเคี้ยวในร่างกายของเราถูกสร้างมาเพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหาร!เมื่อเธอเคี้ยวหมากฝรั่งหยับๆ เมื่อไหร่ ระบบประสาทที่ทำงานร่วมกันในร่างกายจะเร่งให้ผลิตเอนไซม์  แต่การเคี้ยวโดยไม่มีอาหารตกถึงท้องเป็นการฝืนธรรมชาติ!เมื่อเธอเคี้ยวหมากฝรั่ง ร่างกายจะส่งสัญญาณว่า“เฮ้ย กำลังมีอาหารเข้ามาให้เราดูดซึมแล้วนะ”ทั้งกรดเอย เอนไซม์เอยก็จะทยอยหลั่งออกมาเพื่อเตรียมรับสารอาหารเต็มที่ แต่เมื่อไม่มีอาหารให้ย่อยอะไรเกิดขึ้นล่ะ ระบบก็รวนน่ะสิ!

อะฮ้า ลองทายซิว่าผลต่อจากนั้นคืออะไรหน้าท้องบวมไงล่ะ!เหตุผลก็คือมีกรดในกระเพาะมากเกินไปนั่นเองและเมื่อเธอกินอาหารจริงๆ เข้าไป ประสิทธิภาพการย่อยก็จะไม่ดีเท่าตอนแรกแล้ว อาเมน TwT

ข้อเสียอีกอย่างของการเคี้ยวหมากฝรั่งคือ อาจทำให้กรามไม่สมดุลกันอีกด้วย (ถ้าเธอถนัดเคี้ยวอยู่แค่ข้างเดียวน่ะนะ) หรืออาจทำให้ข้อต่อกรามของเธอผิดปกติได้เลย ซึ่งโรคนี้เรื้อรัง รักษาไม่หายด้วยล่ะ ถ้าเธอโหยและต้องการเคี้ยวจริงๆ ล่ะก็อย่าเคี้ยวบ่อย และเคี้ยวก่อนมื้ออาหารกรดและเอนไซม์ที่หลั่งออกมาจะได้ไม่เสียเปล่านะคะ!

รูปภาพ:http://ladything.com/wp-content/uploads/2011/12/bloating-stomach.jpgรูปภาพ:http://www.thenutritionalhealingcenter.com/wp-content/uploads/2015/03/jaw-pain-3.jpg

3.ถึงจะเป็นหมากฝรั่งแบบไม่มีน้ำตาล (Sugar-Free) ก็ทำลายฟันได้เหมือนกัน!

เธออาจคิดว่า“เฮ้ย อุตส่าห์เลือกหมากฝรั่งสูตรไม่มีน้ำตาลแล้ว ก็ต้องทำให้ผอมดิ”ติ๊ดๆ! ผิดถนัด หมากฝรั่งแบบชูการ์ฟรีนี่แหละตัวดี มันมีส่วนผสมเป็นสารให้ความหวานไซลิทอลผสมแอลกอฮอล์ (sugar alcohol xylitol ) อยู่ด้วย!(ฮิตมาก ใส่ในอาหารแบบ Sugar-Free เกือบทุกยี่ห้อ)ข้อดีคือช่วยไม่ให้ฟันผุแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารทุกอย่างที่แปะป้ายว่า “ไม่มีน้ำตาล” เธอจะกินได้สบายใจไม่ต้องแคร์ฟันสวยๆ นะจ๊ะ

หมากฝรั่งแบบ Sugar-Free มีการเติมกลิ่นแต่งรสที่มีความเป็นกรด ใส่วัตถุกันเสียซึ่งมีผลทำให้ฟันกร่อนและสะสมการเกิดหินปูนทีละน้อยๆแม้จะมีสารไซลิทอลป้องกันฟันผุแต่ก็ช่วยยับยั้งไม่ได้มาก เมื่อหินปูนสะสมไปนานๆ เธอจะได้ร้องโอดโอย รีบไปหาหมอให้อุดฟันกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว!

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/files/wh6_uploads/images/sugar-free-gum.jpgรูปภาพ:http://dentaclean.ch/wp/wp-content/uploads/2014/10/erosion1.gif



4. น้ำตาลเทียม: อีกหนึ่งตัวร้ายในหมากฝรั่ง Sugar-Free!

หมากฝรั่งแบบ Sugar-Free มีสารให้ความหวานอีกตัวหนึ่งที่นิยมใช้คือ ‘น้ำตาลเทียม’ นั่นเอง!เธอพอคุ้นชื่อ‘แอสปาแตม’บ้างไหม? นั่นแหละตัวร้ายเลย! น้ำตาลพวกนี้มีการเผาผลาญในร่างกายจนกลายเป็นWood Alcohol (ยาพิษชนิดหนึ่ง)และฟอร์มาลดีไฮด์(สารก่อมะเร็งที่ใช้เป็นน้ำยาอาบศพ และร่างกายไม่สามารถกำจัดออกไปได้ ไม่ว่าตับและไตจะทำงานหนักสักเพียงใดก็ตาม)

‘ซูคราโลส’เป็นสารให้ความหวานยอดฮิตอีกตัวหนึ่งที่ใช้ในหมากฝรั่ง  แต่ที่น่าแปลกคือองค์การอาหารและยารับรองสารตัวนี้จากหลักฐานที่ใช้กับผู้ทดลองเพียงสองคน และใช้เวลาสี่วันเท่านั้น! (อะไรกันเนี่ย)งานวิจัยในสัตว์ยังเผยว่าน้ำตาลเทียมทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจาง ไตบวม ตั้งครรภ์แล้วแท้ง และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตอีกด้วย

น้ำตาลเทียมทำให้ระบบร่างกายแปรปรวนเพราะฮอร์โมนผิดปกติกระตุ้นความอยากอาหารถึงขีดสุดทำให้เธออยากกินแป้ง กินคาร์โบไฮเดรต และสะสมไขมันไว้ในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกต่างหากเป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักบนตาชั่งขึ้นรัวๆน่ากลัวอย่างนี้หลีกหนีให้ไวเลยด่วนๆ!

รูปภาพ:http://fracturedparadigm.com/wp-content/uploads/2013/03/sugar_aspartame_spoon.jpgรูปภาพ:http://i0.wp.com/stemjobs.com/wp-content/uploads/2014/05/tumblr_n5dln7uy1c1sjzmw0o1_500.gif

5. เคล็ดลับมหัศจรรย์ : วิธีลดน้ำหนักโดยไม่โยโย่

สูตรลดความอ้วนครอบจักรวาลที่ใช้ได้ทุกคนคือการจำกัดคาร์โบไฮเดรตอย่างเคร่งครัด! กินข้าวหรือขนมปังไม่ขัดสีอย่างโฮลวีต น้ำหนักก็ลดลงแล้ว!เลี่ยงแป้งเชิงเดี่ยวอย่างซีเรียล ขนมปังเบเกิล วาฟเฟิล เพรทเซล เพราะเพิ่มระดับอินซูลินในเลือด และทำให้กินหวานเท่าไหร่ก็ไม่พอ!ผลที่ตามมาคือโรคหลายอย่างที่มีอาการเรื้อรัง และแน่นอน อ้วนขึ้นแน่ๆ!

เราแนะนำให้เธอตัดแป้งแสนอร่อย (แต่โทษแสนสาหัส) ออกจากมื้ออาหาร แล้วแทนที่ด้วยผักผลไม้สดๆ และอาหารไขมันดีอย่างอโวคาโด น้ำมันมะพร้าว เนย น้ำมันมะกอกและถั่วแมคคาเดเมีย คาร์โบไฮเดรตในผักแทบไม่มีผลเสียใดๆ กับร่างกาย (ก็มันน้อยจนแทบไม่มี)ไฟเบอร์ในผักช่วยชะลอกระบวนการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยว หรือชะลอความอ้วนนั่นแหละและยังช่วยทำให้เธอไม่ดื้อต่ออินซูลิน ไม่หิวพร่ำเพรื่ออีกด้วย

เมื่อเธอตัดอาหารประเภทธัญพืชและน้ำตาลออกจากมื้ออาหารเพื่อไม่ให้น้ำหนักเด้งกลับ หรือที่เรียกว่า ‘โยโย่ เอฟเฟคต์’ นั้น เธอต้องเพิ่มปริมาณผัก โปรตีน และไขมันดีเพื่อทำให้ระบบร่างกายสมดุลเช่นน้ำมันมะพร้าวเพราะทำให้เอวกระชับเข้ารูป อกเป็นอกเอวเป็นเอวเลยทีเดียว ฮิ้ววว ≧▽≦

รูปภาพ:http://www.burnstomachfat101.com/wp-content/uploads/2012/05/WheatBread_0074.jpgรูปภาพ:http://www.healthcastle.com/sites/default/files/imagecache/article-lead-image-570x200/avocado_570.jpgรูปภาพ:https://www.organicfacts.net/wp-content/uploads/2013/05/Coconut-and-Coconut-Oil.jpg

เห็นหรือยังสาวๆ ! น้ำตาลเทียมที่ผสมในหมากฝรั่ง ไม่ดีอย่างที่คิดหรอกนะ!สารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่มีทางชนะอาหารสดใหม่จากธรรมชาติได้หรอกนอกจากไม่ช่วยให้ผอม กรามใหญ่แล้ว ยังเสียบุคลิกอีกด้วยหนุ่มคนไหนจะชอบผู้หญิงเคี้ยวหยับๆ น้ำลายกระเด็นตลอดเวลาล่ะ╯﹏╰ ไม่โอเคนะแกร!

กว่าจะอ้วนต้องใช้เวลา มันค่อยๆ สะสมมาหลายปีจนเธอมีห่วงยางส่วนตัว พุงปลิ้น คางยื่นดังนั้นเมื่อคิดจะลดความอ้วนก็ต้องทำตรงข้ามกันด้วยการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอนั่นแหละวิธีสู่หุ่นสวยอย่างยั่งยืน  ว่าแล้วก็หยิบรองเท้ากีฬาจากตู้แล้วไปวิ่งกันเถอะสาวๆ ซิสต้า แล้วพบกันในบทความหน้าค่ะ  ^____^


บทความที่เกี่ยวข้อง