ตรรกะป่วยสุด! เผย 7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความรัก ที่ควรโยนออกจากสมองได้แล้ว

เรื่องของความรัก เป็นเรื่องที่สวยงามค่ะ แต่เราว่า ยังมีหลายๆ คนอยู่นะ ที่มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความรัก ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะบางทีที่ซิสเชื่อแบบนั้นมันอาจจะเกิดมาจากความเข้าใจผิด รวมไปถึงการถูกปลูกฝังให้เชื่อแบบนั้นก็ได้ซึ่งวันนี้เราจะมาเปลี่ยนความเข้าใจผิดนี้ ให้มันถูกต้องยิ่งขึ้นรวม 7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความรักที่ควรปรับให้ใช่ ไม่ใช่หลงเชื่อ แล้วนำไปปฎิบัติแบบไม่ถูกต้องลองนึกเล่นๆ กันดูได้ว่า มีเรื่องไหนบ้าง ที่เพื่อนๆ ได้ยินมาว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอมาเจอกับตัวแล้ว เฮ้ย! ไม่ใช่อะบ้างมั้ย ถ้ามีเอามาแชร์กันได้นะ แต่ตอนนี้เราไปดูกันก่อนดีกว่าว่าความเชื่อผิดๆ ทั้งหมดที่เราหยิบมาแชร์นั้นมีอะไรบ้าง

1. เกิดเป็นผู้ชายต้องยอมจำนน

ผู้หญิงหลายๆ คนจะชอบเข้าใจผิดว่าผู้ชายมีหน้าที่ที่จะต้องดูแล ต้องขอโทษ ต้องเป็นฝ่ายผิด ต้องยอมทำตามเสมอซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่นะคะ ความคิดแบบนี้ ทำให้คู่รักหลายๆ คู่เลิกกันมานักต่อนักแล้ว รู้มั้ยว่าความรักที่ดีคือคุณจะต้องดูแลและใส่ใจกันและกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่โยนหน้าที่ความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ต้องดูแลผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็ต้องดูแลผู้ชายด้วยไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องเป็นฝ่ายยอมและพูดขอโทษก่อนเสมอไป แต่ถ้าผู้หญิงรู้ตัวว่าผิด ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้เขาบ้างต่างฝ่ายต่างต้องเกื้อกูลกัน เพราะฉะนั้นความเชื่อที่ว่า เกิดเป็นผู้ชายต้องเป็นฝ่ายยอมเสมอ เป็นเรื่องที่ผิดนะ

2. เวลาจะเยียวยาทุกอย่างเสมอ

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดแบบนี้อยู่บ่อยๆเดี๋ยวเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างเองดูเป็นคำปลอบใจที่สวยหรู แต่ถ้ามองในความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เสมอไป หลายคนมักจะคิดว่าเวลาจะสามารถเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่างได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้เวลาจะช่วยทำให้เราหายจากอาการบาดเจ็บได้ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริงอยู่ว่าเวลาช่วยรักษาแผลใจ รักษาความรู้สึก แต่มันไม่ได้ช่วยให้ใครสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรตามที่ผ่านมาแล้วได้เขาถึงบอกไงเวลามีแต่เดินไปข้างหน้า ไม่มีถอยหลังสรุปแบบง่ายๆ เลยก็คือเวลาไม่สามารถเยียวยาทุกอย่างได้เสมอไป อาจจะช่วยทำให้แผลใจและความรู้สึกต่างๆ ดีขึ้น แต่ข้อเสียอีกอย่างนึงของเวลาคือ มันมักจะหวนกลับมาตอกย้ำให้เรารู้สึกเจ็บหรือนึกถึงอยู่เสมอดังนั้นอย่ารอให้เกิดความสูญเสียก่อน ถึงจะทำให้รู้ว่า ' เวลา ' มีค่ามากแค่ไหนอย่าปล่อยให้อะไรมันสายเกินไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเถอะค่ะซิส

3. เราสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้

ทำไมหลายๆ คนชอบคิดว่าเราสามารถเปลี่ยนคนคนนึงได้ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถทำได้ โอเค! ความรักอาจจะทำให้คนคนนึงเปลี่ยนไปเป็นคนที่ดีขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ความรักไม่สามารถเปลี่ยนนิสัย พฤติกรรมหรือทัศนคติได้คนทุกคนถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนิสัยใจคอ แน่นอนว่ามันย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เราจะมาขอให้เขาเป็นในแบบที่เราต้องการได้ยังไง ในเมื่อเรายังไม่ชอบให้ใครมาเปลี่ยนเราเลย จริงมั้ยคะ เขาถึงบอกไงว่าก่อนที่จะตัดสินใจคบกับใคร เราควรศึกษานิสัยใจคอกันให้ดีก่อนถ้าเราเรียนรู้และยอมรับในจุดต่าง ข้อดีข้อเสียของกันได้ ก็คบกันได้แต่ถ้าไม่ได้ ก็แยกย้ายกันไปสุดท้ายแล้วคนสองคนต่างหาก ที่จะต้องปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่จ้องแต่จะเปลี่ยนใครคนใดคนนึง เพื่อให้เข้ากับอีกคน เข้าใจตรงกันนะ!

4. เนื้อคู่คือสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว

เคยได้ยินแม่พูดเสมอว่าเนื้อคู่ของแต่ละคนนั้น ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วสักวันเดี๋ยวก็ได้เจอกันเองแต่เดี๋ยวก่อนนะ! นี่มันนิยายหลอกเด็กชัดๆคนที่ยังเชื่อเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่โสดกันทั้งนั้นแหละไม่มีหรอกค่ะ เนื้อคู่ที่ฟ้าลิขิตมันเป็นแค่คำพูดที่ทำให้คนโสดมีความหวังเท่านั้นเพราะในความเป็นจริงแล้วเราจะต้องออกไปตามหาใครสักคนที่ดีพอและพอดีกับเราเองต่างหาก!คนคนนึงที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและพร้อมจะปรับตัวเข้าหากัน เราเป็นคนที่เลือกเองค่ะซิสว่าอยากจะให้ได้ใครมาเป็นคู่ชีวิตไม่ใช่ฟ้าลิขิต เพราะงั้นความเชื่อแบบนี้ มันไม่ใช่!

5. รักแรกพบไม่มีอยู่จริง

รักแรกพบไม่มีอยู่จริง!เพราะถ้ามีอยู่จริง ป่านนี้โอปป้าสิบคนในโปสเตอร์ ก็เป็นรักแรกพบของฉันแล้วสิ! จริงๆ แล้ว เวลาผู้ชายหรือผู้หญิงเห็นใคร แล้วรู้สึกปิ๊งปั๊ง บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกรักนะคนเราจะมารักใครก็ไม่รู้ เพียงแค่มองแวบเดียวได้ยังไงค่ะซิส NO!!ซึ่งความรู้สึกนั้นอะมันเป็นแค่อาการของคนที่กำลังถูกใจ พอเห็นคนที่ตรงสเปค ก็เกิดอาการอยากเข้าหา ซึ่งยังไม่ใช่ความรักในความเป็นจริงแล้วความรักนั้น กว่าจะก่อตัวได้ มันต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ใช่เพียงแค่เดินผ่านหรือมองตา เพราะฉะนั้นใครที่รู้สึกว่าโอ้โห ใช่เลย รักแรกพบชัดๆมโนจ้ะ เธอกำลังมโนมันก็เป็นแค่คำพูดสวยหรูที่พูดให้ดูน่าฟังเท่านั้น ส่วนความรู้สึกข้างใน กลับสวนกันคนละทาง

6. ทฤษฎีผีเสื้อกับดอกไม้

เคยได้ยิน" ทฤษฎีผีเสื้อกับดอกไม้ "มั้ย ก็คือทฤษฎีที่ว่าด้วยการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องมีความพยายามมากจนเกินไป แต่ต้องมีความอดทน รอให้เป็น และเตรียมพร้อมเพื่อที่จะได้เจอสิ่งที่มีคุณค่านั้นเมื่อถึงเวลา หลายคนจะชอบเอาทฤษฎีนี้มาใช้กับความรัก เช่นจงทำตัวเป็นดอกไม้ที่เจริญเติบโตอย่างสวยงาม เพื่อรอวันที่ผีเสื้อบินเข้ามาหาเอาจริงๆ ปะ สมัยนี้ ใช้ทฤษฎีนี้ไม่ได้แล้วนะถ้าคุณมัวแต่รอ ไม่ทันกินชาวบ้านเขาหรอกค่ะ เป็นโสดต่อไปเถอะ!สมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่เดินทัพจีบสาวได้อย่างเดียวนะ แต่ผู้หญิงอย่างเรา ก็มีสิทธิ์เดินหน้าจีบหนุ่มได้เหมือนกันแฟร์ๆ ถ้ามัวแต่มานั่งอาย นั่งรอ นั่งท่องคาถา ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน ก็นานหน่อยอะ เพราะฉะนั้นใครที่ยังยึดติดกับทฤษฎีนี้ แล้วบ่นว่า ทำไมไม่มีแฟนสักที ไม่ต้องสงสัยนะว่าเพราะอะไรไม่ว่าจะรอหรือหาเอง โอกาสที่จะเจอทั้งคนดีและไม่ดี มันมีเท่ากันเพราะงั้นถ้าอยากมีแฟน รีบหาซะ ยังมีโอกาสเลือกได้นะ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป จนโอกาสที่เคยมีหมดไปจะดีกว่า

7. คนรักกันต้องตัวคิดกันตลอดเวลา

คู่รักบ้างคู่มีความเชื่อผิดๆ ว่าเป็นแฟนกันแล้ว จะต้องตัวติดกันตลอดเวลาซึ่งไม่ใช่นะ ความจริงแล้วไม่ว่าจะเราหรือเขา ต่างก็ต้องการเวลาส่วนตัวกันทั้งนั้นใช่! มีแฟนก็ต้องอยากอยู่กันแฟน ตรรกะแบบนี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ถ้าใกล้กันมากเกินไป มันก็อาจจะทำให้ความรักของคุณมีปัญหาได้นะความใกล้ชิดมีข้อดีค่ะ แต่ก็มีข้อเสียด้วย ถ้ามันเกินพอดี เพราะมันจะทำให้คู่ของคุณรู้สึกอึดอัด ขาดความเป็นส่วนตัว รู้สึกถูกล้ำเส้นได้แรกๆ เขาอาจจะโอเคที่ได้อยู่กับคุณตลอดเวลา แต่พอนานวันเข้ามันจะกลายเป็นความรำคาญฉะนั้นคุณควรเว้นระยะให้กับคนรักบ้าง ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลาให้ทั้งคุณและเขาได้มีเวลาร่วมกับเพื่อน ครอบครัว หรือตัวเองบ้าง เราว่ามันน่าจะดีกว่านะ

และทั้งหมดนี้ ก็คือความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความรัก ที่หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ มันเป็นไปอย่างที่เราพูดมั้ย ใครที่เคยได้ยินความคิดหรือความเชื่อเกี่ยวกับความรักอะไรผิดๆ มาอีกบ้าง ลองแวะเข้ามาบอกกันหน่อย นี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามันยังมีความเชื่ออะไรอีกสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย