ช่วงกลางวัน #ง่วงได้ง่วงดี อยากนอนตลอดเวลา แต่พอตกกลางคืนกลับตาค้างซะงั้น !!!หากพูดถึงปัญหาสุขภาพยอดฮิตที่พบเจอได้ในคนทุกเพศทุกวัยก็หนีไม่พ้นปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับนี่แหละค่ะหลายคนอาจคิดว่าแค่นอนไม่หลับมันก็อาจทำให้รู้สึกง่วงๆ เพลียๆ ระหว่างวันเท่านั้น แต่ความจริงแล้วหากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว หรือเกิดโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงกว่าที่คิดเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯแล้วมีใครเจอปัญหาแบบเดียวกันบ้างรึเปล่า ทั้งๆ ที่รู้สึกง่วงและเหนื่อยมากๆ จนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่พอล้มตัวนอนหัวถึงหมอนทีไรกลับนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ต้องพลิกตัวไปมาตลอดคืน…วันนี้เราจึงลิสต์7 สาเหตุที่ทำให้ “ เหนื่อยแต่นอนไม่หลับ ”มาให้ได้ลองเช็กกับตัวเองดูว่าอาการนอนไม่หลับของคุณสาวๆ มันเกิดจากสาเหตุเหล่านี้รึเปล่า???
★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★
➊ งีบหลับผิดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นคนวัยเรียนหรือวัยทำงาน หลังกินมื้อกลางวันจนอิ่มแปล้ก็มักจะเข้าตำรา#หนังท้องตึง หนังตาหย่อนแทบทุกราย จนแอบงีบหลับระหว่างวันเพื่อชาร์ตแบตให้ตัวเองอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ยละ?จริงๆ แล้วการงีบหลับระหว่างวันไม่ใช่เรื่องแย่หรือเลวร้ายอะไรเลยนะคะ เพราะมันจะช่วยเพิ่มพลังให้มีเรี่ยวแรงอีกครั้ง แล้วยังปลุกสมองให้ตื่นตัวขึ้นกว่าเดิมด้วยแต่หากคุณสาวๆงีบหลับระหว่างวันนานหลายชั่วโมง หรืองีบหลับผิดเวลาช่วงบ่ายแก่ๆ จนเกือบเย็นเป็นประจำนี่ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาค้างจนนอนไม่หลับในช่วงกลางคืน หรือสะดุ้งตื่นกลางดึกก็เป็นได้ทางที่ดีแนะนำให้งีบหลับระหว่างวันไม่เกิน 20 นาที ก็จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นและไม่งัวเงียหลังตื่นด้วยค่ะ
➋ เกิดภาวะเครียด / ซึมเศร้า
สาวซิสรู้รึเปล่าว่าปัจจัยทางจิตใจ ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้เหมือนกันนะอย่างคนที่เกิดภาวะเครียดสะสมหรือมีอาการซึมเศร้าก็มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับสูงด้วยเหตุผลก็เป็นเพราะช่วงไหนก็ตามที่มีความเครียดหรือวิตกกังวล จะส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวและนอนหลับยากขึ้นส่วนคนที่มีอาการซึมเศร้าก็มักมีอาการนอนไม่หลับ นอนหลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกอ่อนเพลียหรือง่วงนอนระหว่างวันซึ่งหากปัญหานอนไม่หลับเกิดขึ้นจากภาวะเครียดหรืออาการซึมเศร้า ก็แนะนำว่าควรแวะไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหานี้จะดีที่สุดค่ะ
➌ ดื่มกาแฟเยอะเกินไป
อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหนึ่งในตัวการที่ทำให้หลายคนตาค้างในตอนกลางคืนก็คือ“ คาเฟอีน ”ในเครื่องดื่มยอดฮิตอย่างกาแฟค่ะ เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นให้สมองตื่นตัว รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และอาจทำให้มีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วยนอกจากนี้คาเฟอีนยังมีค่าครึ่งชีวิต ( Half-life ) นานถึง 5 ชั่วโมง หรือจะยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ หากร่างกายได้รับคาเฟอีนเข้าไป 400 มิลลิกรัม หลังผ่านไปแล้ว 5 ชั่วโมงก็จะยังคงเหลือคาเฟอีนตกค้างในร่างกายอีกประมาณ 200 มิลลิกรัมนั่นเองแบบนี้หากดื่มกาแฟเยอะเกินไป หรือดื่มกาแฟช่วงบ่าย / ใกล้เวลาเข้านอนก็มีโอกาสที่จะเกิดอาการนอนไม่หลับได้ค่ะ
➍ ติดส่องโซเชียลก่อนนอน
ลองนึกย้อนดูสิว่าที่ผ่านมาเวลาล้มตัวนอนลงบนเตียงนุ่มๆ มีใครชอบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องโซเชียล หรือเปิดซีรีส์เรื่องโปรดดูก่อนนอนทุกคืนบ้างคะ?ขอบอกเลยว่าพฤติกรรมชอบใช้ชีวิตติดจอแบบนี้ ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยหรือเพลียขนาดไหนก็ตาสว่างตลอดคืนนั่นก็เพราะแสงสีฟ้าที่ส่องมาจากหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค หรือทีวีจะกดการหลั่ง“ เมลาโทนิน ”ฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องการนอนหลับยังไงล่ะคะดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองใหม่ ด้วยการงดดูสมาร์ตโฟน โน้ตบุ๊ค หรือทีวี 2 ชั่วโมงก่อนนอน และวางอุปกรณ์เหล่านี้ให้ห่างตัวเวลานอนหลับด้วยนะคะ
➎ ออกกำลังกายใกล้เวลานอน
คุณสาวๆ สายเฮลธ์ตี้ที่ชอบออกกำลังกายเพิ่มความเฟิร์มเป็นประจำ พวกเธอจะลุกขึ้นมาฟิตร่างกายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะออกกำลังกายก่อนนอนไม่ได้เด็ดขาดเลยนะที่ต้องเอ่ยปากเตือนแบบนี้ก็เพราะว่า การออกกำลังกายใกล้กับเวลานอนมากๆ อาจทำให้นอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืนได้นั่นเองโดยเฉพาะคนที่เว้นระยะเวลาออกกำลังกายก่อนเข้านอนน้อยกว่า 3 ชั่วโมง ก็ยิ่งมีโอกาสนอนไม่หลับสูงขึ้นไปอีก เพราะการออกกำลังกายจะกระตุ้นระบบเผาผลาญและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจจนทำให้รู้สึกตื่นตัว นอนไม่หลับ และอาจสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยๆบอกเลยว่าตื่นขึ้นมาแล้วเพลียหนักเหมือนคนไม่ได้นอนเลยทีเดียว
➏ กินอาหารโปรตีนสูง
นอกจากอาหารที่ตักเข้าปากในแต่ละมื้อ มันจะช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยและทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้แล้ว ยังส่งผลต่อทั้งสุขภาพ ผิวพรรณ หุ่น และคุณภาพการนอนหลับด้วยนะแล้วหนึ่งในเมนูอาหารที่อาจรบกวนการนอนหลับ ทำให้หลับยากหรือหลับไม่สนิทก็คือ“ อาหารโปรตีนสูง ”นี่แหละค่ะหากคุณสาวๆกินอาหารโปรตีนสูงใกล้เวลาเข้านอนมากๆก็อาจทำให้ระบบย่อยอาหารปั่นป่วน เพราะต้องใช้พลังงานสูงในการย่อยโปรตีนที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับแม้ว่าจะรู้สึกง่วงมากๆ ก็ตามค่ะ
➐ บรรยากาศในห้องนอนไม่ผ่อนคลาย
และแล้วก็มาถึงสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับข้อสุดท้าย ที่ต่อให้ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน หรือเหนื่อยจนหนักร่างแทบพัง แต่ก็ข่มตานอนหลับไม่ลงสักที นั่นก็คือบรรยากาศในห้องนอนไม่เหมาะแก่การนอนหลับพักผ่อนค่ะอย่างใครที่ชอบเปิดไฟในห้องนอนให้แสงสว่างจ้าพอดวงตาเจอแสงก็อาจทำให้สมองถูกหลอกว่าถึงเวลาตื่นแล้วและยังลดการผลิต“ เมลาโทนิน ”ฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายรู้สึกง่วงนอนนอกจากนี้หากอากาศในห้องนอนร้อนอบอ้าวก็อาจอึดอัดไม่สบายตัวและรู้สึกร้อนจนนอนไม่หลับได้เหมือนกันค่ะ
★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★
หลังจากที่ได้ลองเช็กไปจนครบทั้ง 7 ข้อแล้ว คราวนี้คุณสาวๆ ก็คงรู้แล้วนะว่ามีปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้นอนไม่หลับสารพัดอย่างเชียวละ ไม่ว่าจะเป็นการงีบหลับระหว่างวันที่ไม่ถูกต้อง, เกิดภาวะเครียด / ซึมเศร้า, ดื่มกาแฟเยอะเกินไป, เล่นสมาร์ทโฟนก่อนนอน, ออกกำลังกายใกล้เวลานอน ฯลฯ ซึ่งในบางครั้งสาเหตุที่ทำให้การนอนหลับเป็นเรื่องยาก หรือตาสว่างยิงยาวถึงเช้าอยู่บ่อยๆ มันอาจเกิดจากพฤติกรรมที่เผลอทำจนชินด้วยเช่นกัน แบบนี้หากอยากจะเปลี่ยนมาเป็นคนที่นอนหลับง่ายขึ้น ก็ต้องหยุดพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านั้นโดยไว แล้วหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะคะ
Cr. Forbes
https://www.forbes.com/sites/daviddisalvo/2012/10/11/10-reasons-why-you-cant-sleep-and-how-to-fix-them/?sh=393bccbd6e0c
Cr. healthline
https://www.healthline.com/health/healthy-sleep/tired-but-cant-sleep