ทริคเลือกกินอาหารให้เหมาะสม อิ่มท้องแถมสุขภาพดีในทุกมื้ออาหาร
อาหารเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยให้ร่างกายและสุขภาพของเราดีขึ้น เพราะอาหารในบางประเภทนั้นอุดมไปด้วยประโยชน์มากมายทั้งยังทำให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมไปอีกด้วย วันนี้เราเลยจะมาแจก ทริคเลือกกินอาหารให้เหมาะสม กับเพื่อนๆ ชาวซิสกัน
เผยแพร่: 6 ก.ย. 2566 16:50 น.
Views: 713
รหัสบทความ: 96217
" เลือกดี สุขภาพดี "การทำให้ร่างกายสุขภาพดีหรือแข็งแรงไม่ได้มีเพียงแค่การออกกำลังกายเท่านั้น การเลือกทานอาหารก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากคุณค่าของอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์สารพัดได้เช่นกัน ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงอาหารทุกประเภท เพราะอาหารนั้นสามารถให้ได้ทั้งผลดีและผลเสีย จึงทำให้เรานั้นต้องเลือกทานอาหารให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง สำหรับคนที่ต้องการสุขภาพดีจากการทานอาหาร วันนี้เราเลยนำทริคเลือกกินอาหารให้เหมาะสมสำหรับมื้ออาหารแต่ละมื้อ นอกจากอิ่มท้องก็ได้ประโยชน์ดีๆ ด้วยมาฝาก
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
พฤติกรรมการกินอาหารของคนไทย
พฤติกรรมการกินอาหารของคนไทยนั้น คือการเลือกซื้ออาหารจากความชอบและรสชาติเป็นหลักได้มีผู้สำรวจในปี 2560 เรื่องปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเมื่อเลือกซื้ออาหาร โดยได้ผลลัพธ์ตามลำดับ ดังนี้- ความชอบ (มีผู้ตอบ 22.1% ของกลุ่มตัวอย่างจากการสำรวจ)- รสชาติ (18.5%)- ความอยากทาน (18.2%)- ความสะอาด (17.8%)- คุณค่า (12.9%)- ความสะดวก (6.5%)โดยปัจจัยในกลุ่มที่สะท้อนเรื่อง "ความสุขจากการกิน" มีผู้ตอบรวมกันอยู่ที่ 57.1% ในปี 2556 และเพิ่มมาเป็น 58.8% ในปี 2560ในขณะที่ "คุณภาพของอาหาร" กลับมีสัดส่วนลดลงจาก 32.2% ในปี 2556 เหลือเพียง 30.7% ในปี 2560 นอกจากนี้ปัจจัย "ความชอบ" เพิ่มความสำคัญขึ้นมาอย่างมากจากสัดส่วนเพียง 17.7% หรือเป็นปัจจัยอันดับ 3 ในปี 2556 ขึ้นมาเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกซื้ออาหารของคนไทยในปัจจุบัน แซงปัจจัย "รสชาติ" ที่เป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในปี 2556
พฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่สามารถเข้าค่ายความเสี่ยงสำคัญที่ก่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ ถูกจัดอยู่ในอันดับ 5 ของปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด ขณะที่ภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนถูกจัดอยู่ในอันดับ 3สาเหตุหลักของการเกิดภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน คือการกินอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมในปริมาณที่มากจนเกินไปซึ่งในปัจจุบันคนไทยเกินกว่าร้อยละ 60 ถือว่ากินผักผลไม้ในปริมาณน้อย ทั้งยังมีแนวโน้มเข้าถึงอาหารแปรรูปต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเข้าถึงง่าย สะดวกสบายต่อการกินนั่นเอง
ทริคเลือกกินอาหารให้เหมาะสม 1 วันควรกินในปริมาณเท่าไหร่ ?
ปริมาณพลังงานจากการกินอาหารที่เหมาะสมใน 1 วัน ที่มีความแตกต่างกัน มีดังนี้- ผู้สูงอายุ, เด็กอายุ 6-13 ปี และหญิงวัยทำงาน ควรได้รับพลังงานที่ 1,600 แคล/ต่อวันโดยสัดส่วนปริมาณอาหารใน 1 วันคือ✔ ข้าว-แป้ง= 8 ทัพพี✔ ผัก =4-6 ทัพพี (ผักดิบ 1 ถ้วยตวงหรือผักสุก 1/2 ถ้วยตวง)✔ ผลไม้(หวานน้อย)=3-4 ส่วน (1 ส่วน คือผลไม้ประมาณ 6-10 คำ)✔ เนื้อสัตว์= 6 ช้อนทานข้าว (น้ำหนักโดยประมาณ 1 ช้อน = 15 กรัม)✔ นม=1-2 แก้ว (1 แก้วต่อ 240 มิลลิลิตร)- วัยรุ่นชาย-หญิง และชายวัยต่อทำงาน ควรได้รับพลังงานที่ 2,000 แคล/ต่อวันโดยสัดส่วนปริมาณอาหารใน 1 วันคือ✔ ข้าว-แป้ง= 10 ทัพพี✔ ผัก= 5 ทัพพี (ผักดิบ 1 ถ้วยตวงหรือผักสุก 1/2 ถ้วยตวง)✔ ผลไม้(หวานน้อย)= 4 ส่วน (1 ส่วน คือผลไม้ประมาณ 6-10 คำ)✔ เนื้อสัตว์= 9 ช้อนทานข้าว (น้ำหนักโดยประมาณ 1 ช้อน = 15 กรัม)✔ นม=1 แก้ว (1 แก้วต่อ 240 มิลลิลิตร)- ผู้ใช้แรงงานชายหรือหญิง ควรได้รับพลังงานที่ 2,400 แคล/ต่อวันโดยสัดส่วนปริมาณอาหารใน 1 วันคือ✔ ข้าว-แป้ง= 12 ทัพพี✔ ผัก= 6 ทัพพี (ผักดิบ 1 ถ้วยตวงหรือผักสุก 1/2 ถ้วยตวง)✔ ผลไม้(หวานน้อย)= 5 ส่วน (1 ส่วน คือผลไม้ประมาณ 6-10 คำ)✔ เนื้อสัตว์= 12 ช้อนทานข้าว (น้ำหนักโดยประมาณ 1 ช้อน = 15 กรัม)✔ นม=1 แก้ว (1 แก้วต่อ 240 มิลลิลิตร)
5 เมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อิ่มอร่อย แถมได้ประโยชน์
เมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ 1. น้ำพริกหนุ่ม ผักต้ม และไข่ต้มยางมะตูม
--------------------------------------เมนูน้ำพริกหนุ่ม ผักต้ม และไข่ต้มยางมะตูมได้ทั้งโปรตีนจากไข่ วิตามินและสารอาหารต่างๆ จากผักต้มหลากหลายชนิด ส่วนน้ำพริกหนุ่มนั้นมีกรรมวิธีในการปรุงน้อย จึงทำให้เป็นการเน้นรสชาติจากธรรมชาติของส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย--------------------------------------
เมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ 2. ผัดผักรวมมิตรกุ้ง
--------------------------------------ผัดผักรวมมิตรสามารถเลือกใช้ผักได้ตามความชอบทุกอย่าง แต่แนะนำให้เป็นผักใบเขียวอย่างคะน้าหรือปวยเล้ง เพื่อจะให้มาเพิ่มแมกนีเซียมต่อร่างกาย เพราะแมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการบำรุงที่ดีต่อหัวใจและกระดูก โดยใครกังวลเรื่องการผัดที่ใช้น้ำมัน ให้ลองใช้วิธีผัดแบบไร้น้ำมันดู หรือเลือกหาน้ำมันประเภทอื่นที่ดีต่อสุขภาพแทนน้ำมันพืช และปรุงรสชาติน้อยๆ ด้วยนั่นเอง--------------------------------------
เมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ 3. ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้
--------------------------------------เป็นเมนูทางเลือกสำหรับสายกินเจหรือวีแกนได้ และใครที่กำลังลดความอ้วนเมนูนี้นั้นเป็นเมนูที่แนะนำ เพราะในถั่วงอกให้พลังงานที่ต่ำ รวมถึงยังมีโปรตีน กรดอะมิโนแคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอการเสื่อมของเซลล์ในร่างกายได้--------------------------------------
เมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ 4. เมี่ยงปลาเผา
--------------------------------------เอาในสายชอบกินเนื้อปลาโดยเฉพาะการกินปลาเผา เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ให้รสจัดเล็กน้อย โดยเน้นผัก เน้นปลาตัวโตๆ ไร้น้ำมันมาให้ เป็นเมนูที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสูงมาก แถมมีไขมันน้อยทั้งยังให้พลังงานต่ำ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ที่ได้รับจากผักสดที่กินร่วมกันด้วย จึงทำให้มีส่วนช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น--------------------------------------
เมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ 5. ลาบอกไก่
--------------------------------------ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักต้องลองเมนูนี้ เนื่องจากเป็นเมนูที่มีไขมันต่ำแต่อุดมไปด้วยโปรตีนสูง จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอตามที่ต้องการทั้งรสชาติที่มีความเผ็ดเปรี้ยวเข้ามาหน่อยๆ ให้ต่อมรับรสดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นเมนูที่ให้แคลอรี่ที่ต่ำ ยิ่งลาบอกไก่ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ--------------------------------------
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
เป็นยังไงบ้างคะกับทริคเลือกกินอาหารให้เหมาะสมที่เราเอามาฝากกันวันนี้ เมนูอาหารนั้นหากเป็นเมนูทั่วไปที่เรากินนั้นแน่นอนว่าเราสามารถเลือกนำมากินได้ปกติ แต่สิ่งที่เราต้องคำนึงไปด้วยคืออาหารนั้นส่วนมากใช้กรรมวิธีที่ปกติเขาทำกันทั่วไป จึงทำให้ได้รสชาติที่ถูกปากของคนส่วนใหญ่นั่นเอง หากแต่ว่าเมื่อเราเริ่มคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้นกว่าเก่าการทำอาหารทานเองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเรานั้นสามารถควบคุมวัตถุดิบการทำได้ตามที่เราต้องการแล้ววัตถุดิบที่เรานำมาใช้เป็นกรรมวิธีของเมนูนั้นๆ เราก็ต้องคัดเลือกมาอย่างดีที่สุด เปลี่ยนแปลงส่วนผสมบางอย่างให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายให้มากขึ้นได้ด้วยตนเองนอกจากนั้นการคำนึงถึงปริมาณที่เราควรได้รับใน 1 วัน แบ่งย่อยๆ มาเป็น 3 มื้อ ต้องพิจารณาให้ดีๆ เพราะพลังงานที่ได้รับนั้นเราต้องแน่ใจว่าร่างกายสามารถนำไปเผาผลาญไปใช้ได้หมดในร่างกายเพื่อที่จะไม่ให้เกิดการสะสมจนกลายเป็นโรคร้ายแทนด้วย ซึ่งการทานอาหารใน 3 มื้อ ส่วนมากเราสามารถเน้นทานหนักเป็นมื้อเช้าหรือมื้อกลางวันได้ ส่วนมื้อเย็นควรทานแบบที่ย่อยง่ายและไม่หนักเช่นเดียวกับสองมื้อแรกที่ผ่านมานั่นเอง
บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด
https://sistacafe.com/summaries/81967
https://sistacafe.com/summaries/30852
https://sistacafe.com/summaries/7731