เคยไหม? อยากได้น้ำหอมแต่ไม่รู้จะเลือกเเบบไหนดี อันนี้ก็ฉุน อันนู้นก็จางอยู่ได้แป๊บๆ ก็หมดกลิ่น สำหรับอันที่ฉุนๆ อาจไปทำร้ายคนรอบข้างอีก โทษฐานที่ไม่เลือกก่อนซื้อจะมีกลิ่นหอมๆ สักหน่อยเดียวจะกลายเป็นโดนเหวี่ยงเเทนเพราะฉุนเหลือเกิน วันนี้เรามาแยกประเภทกันเถอะจะได้รู้ว่าไลฟ์สไตล์เเบบนี้ควรใช้น้ำหอมแบบใดตามมาๆ
1. Perfume
Perfume คือ หัวน้ำหอม มีส่วนผสมของน้ำหอมมากที่สุดมีความเข้มข้นของน้ำหอม 15% - 40% ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้ง
น้ำหอมชนิดนี้ให้ความหอมยาวนานกว่าบรรดาน้ำหอมทั้งหมด ใครชอบเเบบติดทนนานเลือกตัวนี้เลยจ้า
2. Eau de Parfum ( โอ เดอ พาร์ฟูม)
Eau de Parfume เรียกสั้นๆว่า EDP เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นของส่วนผสมน้ำหอมมากที่สุดรองจากหัวน้ำหอม
กลิ่นจะฉุนหน่อยๆ ประกอบไปด้วยส่วนผสมของน้ำหอม 15% - 20% คงความหอมยาวนานประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง เรียกได้ว่าหอมยาวนานทนทานสตรองสุด ๆ
3. Eau de Toilette ( โอ เดอ ตัวแลตต์ )
Eau de toilette เรียกสั้นๆว่า EDT เป็นน้ำหอมที่สาวๆ นิยมใช้กันมากเพราะมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 5% - 15% ไม่ก่อให้เกิดความฉุน เหมาะมากในตอนกลางวัน
ความหอมอยู่ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง ด้วยความที่กลิ่นจะติดอยู่ไม่นานเเต่จะมีความละมุนน่าค้นหามากด้วยเช่นกัน!
4. Eau de cologne (โอ เดอ โคโลญจน์ )
Eau de cologne เรียกสั้นๆ ว่า EDC มีส่วนผสมของน้ำหอม 2% - 4% ประกอบด้วยแอลกอฮอล์เป็นหลักทำให้คงความหอมได้ไม่นานและมีราคาถูกกว่าน้ำหอม
ต้องบรรจุในขวดที่ใหญ่เพราะต้องใช้ในปริมาณมากกว่าน้ำหอมตัวอื่นๆ ใครลองเเบบนี้เเล้วมาบอกกันด้วยนะ
5. Eau fraiche ( โอ แฟรช )
Eau fraiche คล้ายกับ Eau cologne คงความหอมนานประมาณ 2 ชั่วโมง มีส่วนผสมของน้ำหอมอยู่ที่ 1% - 3% ประกอบด้วยน้ำเป็นหลัก
น้ำหอมชนิดนี้จะเจอได้ใน After Shave ใครไม่อยากให้กลิ่นติดยาวนานเเนะนำเลย ลองดูๆ
นี่เเหละประเภทของน้ำหอมเเต่ละชนิด ใครมีไลฟ์สไตล์แบบไหนเลือกได้เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าที่บอกมาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวด้วย แล้วก็น้ำหอมที่เจือเข้าไปในโลชั่นต่างๆ อาจมีค่าความเข้มข้นหัวน้ำหอมต่างกันไป ยังไงก็ลองดูนะ จะได้หอมมมมมม