ติดหูดีจริง ๆ เลยค่ะสำหรับเพลง"พูดไปก็ไลฟ์บอย" จาก 4EVEเกิร์ลกรุ๊ปจากค่าย XOXO ENTERTAINMENT ที่ปล่อยออกมาล่าสุด ทำเอาติดเทรนด์ทวิตกันเลย และสิ่งหนึ่งที่เห็นเยอะมากคือ เเล้วเจ้าวลี "พูดไปก็ไลฟ์บอย" มันคืออะไร แปลว่าอะไรกันนะ วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันค่ะ"พูดไปก็ไลฟ์บอยย์

เจออย่างงี้ก็บ๊อยบ่อย"

ก่อนอื่นฟังเพลงนี้ไปด้วยกันก่อนนะ mood & tone ของเพลงนี้มีความสนุกสนานแต่ก็แอบบ่นและแอบนอยด์อยู่เหมือนกันนะ น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนเนอะ

พูดไปก็ไลฟ์บอย ( Life Boy )

จริง ๆ แล้ว คำว่า Life Boy มาจากชื่อยี่ห้อสบู่ ในตอนนั้นคนไทยนิยมใช้กันอย่างมาก และคำว่า ‘ไลฟ์บอยย์’ จริง ๆ เขียนแบบนี้ ‘Lifebouy’ ราคาขายในตอนนี้ คือ 2.50 บาท ต่อมาก็ได้มีคู่แข่งเป็นสบู่ยี่ห้อ ‘เซฟการ์ด’ (Safeguard) ราคาแพงกว่า หรูกว่า และมีคุณสมบัติที่ดีกว่า จึงได้เกิดวลีฮิตว่า "พูดไปก็ไลฟ์บอยย์ นิ่งไว้ก็เซฟการ์ด" ความหมายในทำนองเดียวกับ“พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง”แปลว่า พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร นิ่งเงียบเสียจะดีกว่า เป็นการเปรียบเปรยสบู่กับความถูกและแพงนั้่นเอง ในเพลงนี้ของ 4EVE จึงหมายถึง พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ไม่ได้มีการปรับตัว ยังทำนิสัยแบบเดิม ๆ มาสายเสมอประมาณนี้ค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลจาก เว็บไซต์ SPACEBAR

รูปภาพ:https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS4e4KafT8ba-oa39CATK-rMuP7rofxMz99Rw&usqp=CAU

"ไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน วันหนึ่งบอกมา อีกวันไม่อยากมา

วันนึงบอกรัก อีกวันมาบอกลา ไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน

เดี๋ยวจริง เดี๋ยวหลอก เดี๋ยวหยอก เดี๋ยวเล่น"

พูดถึงความเนื้อเพลงกันบ้าง เราว่าเพลงนี้สื่อความหมายค่อนข้างดีและเห็นภาพตามได้ชัดเลยนะ ทั้ง ๆ ที่เขาเล่นคำซ้ำบ่อย แต่ใจความกลับครบการตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เราเป็นฝ่ายที่ "รอ" เสมอ สุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์นี้อาจกลายเป็น Toxic Relationship ได้ จริง ๆ เพลงนี้ก็แอบ Empower เล็ก ๆ เหมือนกันนะว่า เมื่อเจอกับความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่ต้องทน พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ออกมาเลยดีกว่า จบ!

วิธีออกจากความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน ถ้าเจอแบบนี้ทำอย่างไรดี?

1.ระบายมันออกมา

อาจจะกับเพื่อนสนิท คนที่เราไว้ใจหรือระบายออกมาผ่านการเขียน เราจะได้รับรู้อารมณ์ของตัวเองมากขึ้น

2.ถามตัวเองว่าเราชอบเเบบไหน

ความสัมพันธ์นี้เราไม่ชอบที่ตรงไหน เพื่อการรีเช็กความสัมพันธ์ว่าสอดคล้องกับความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน

3.ลองตัดสินใจกับความสัมพันธ์นี้

ลองถามตัวเองดูนะคะว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่ทุกวันนี้สุขหรือทุกข์มากกว่ากัน? หากทุกข์สามารถพูดคุยและปรับจูนกันได้ไหม หากสุขสามารถยอมรับและมองข้ามเรื่องนั้นได้หรือเปล่า แต่ถ้าเขาไม่สามารถปรับได้ และตัวเราเองก็ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ก็อาจเข้าสู่ขั้นต่อไปที่ต้องตัดสินใจอย่างจริงจังแล้วว่าหรือความสัมพันธ์นี้ควรพอแค่นี้ดี

4.หันกลับมารักตัวเอง

หาเวลาที่จะได้อยู่กับตัวเอง โฟกัสที่การดูแลตัวเองมากขึ้น แล้วเราจะพบหนทางที่จะพาเราออกมาจากความสัมพันธ์นี้ได้เอง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/4d/07/74/4d0774a3516765a0a15a391acd4937e6.jpg

" Letting go of a toxic relationship is not a sign of weakness, but a display of self-love and strength. "

ถ้าเราเป็นฝ่ายที่รอหรือพยายามอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ เมื่อสื่อสารออกไปแล้ว กลับเป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง นี่อาจเป็นสัญญาณได้ว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่สมดุลและไม่ใช่

Healthy Relationship

การทนอยู่กับความสัมพันธ์รูปแบบนี้อาจส่งผลเสียกับสุขภาพจิตเราอย่างมาก เพราะฉะนั้นหากต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียว ประคับประคองความสัมพันธ์อยู่เพียงคนเดียว ย่อมหนักและเหนื่อยเป็นธรรมดา


ลองหันกลับมารักตัวเองอาจทำให้เราเห็นภาพความสัมพันธ์นี้ชัดขึ้นนะเพราะสำหรับคนบางคน...พูดไปก็ไลฟ์บอยค่ะซิส เชิ่ดแล้วมูฟออน!

เมื่อเป็นฝ่ายรอเสมอ พยายามอยู่ฝ่ายเดียว

บทความแนะนำ อ่านต่อกันเลยค่ะซิส!