ปัญหากวนใจสุดฮิตที่ไม่ว่าใครๆ ก็เจออย่างรอยดำรอยแดงถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย แถมใช้เวลานานมากกว่ารอยจะหาย จะออกไปไหนก็ไม่มั่นใจ ต้องเอาคอนซีลเลอร์มากลบไว้ตลอด คือเสียเซลฟ์สุดๆ วันนี้https://sistacafe.com/เลยรวบรวม 10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับรอยดำรอยแดงมาให้ ต้องใช้อะไร ต้องแก้ยังไง ให้รอยหายเร็วที่สุด มาดูไปพร้อมๆ กันจ้า
หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ กดสิวด้วยตนเอง
ผู้คนส่วนใหญ่เมื่อเกิดhttps://skinx.app/content/acne/blind-pimplesชอบนำมือไปสัมผัสหรือแกะ แต่การแกะหรือบีบสิวถือเป็นการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อผิวหนัง และรูขุมขนอักเสบมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเป็นรอยสิวและรอยแผลเป็นจากสิว การที่ใช้มือบีบ กดสิวบริเวณที่เป็นสิวโดยที่ไม่ได้ล้างมือ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม ส่งผลให้รอยแดงหายช้า
ไม่ใช่เพียงแค่การแกะ บีบ กดสิวเท่านั้น ควรงดการสครับ ถู ขัดบริเวณที่เป็นสิวอย่างรุนแรง ถือเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินอี
จากงานวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างได้ทดลองที่ใช้วิตามินอีกับผิวโดยทำให้เกิดภาวะผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis) นอกจากนี้การนำสารอาหารเข้าสู่ผิวหนังโดยตรงอาจจะรบกวนกระบวนการฟื้นฟูของผิวหนังหลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดสามารถกระตุ้นเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้นทำให้รอยสิวมีอาการแย่ลง พร้อมทั้งให้รอยดำ รอยแดงจากสิว ที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้รักษาได้ยากขึ้น และอาจจะชะลอกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิว หากจำเป็นต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง พร้อมสวมเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมบริเวณที่เป็นรอยสิว เพื่อป้องกันไม่ให้รอยสิวมีอาการแย่ลง ทั้งนี้ ค่า SPF ที่แนะนำสำหรับครีมกันแดดคือ SPF 30 PA ++ หรือมากขึ้นไป
เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว
ควรเลือกใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือระคายเคือง ให้ความชุ่มชื้น พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ลดจุดด่างดำและรอยสิว
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สำหรับผู้ที่มีรอยสิวอยู่แล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด และสำหรับผู้ที่เป็นสิว แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยสิวหลังการรักษา
รอยแดง (Post – Inflammatory Erythema)
รอยแดงจากสิว มีทั้งสีแดง ชมพู หรือสีม่วงจากสิว ส่วนใหญ่มักมาจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณนั้น กลไกของการเกิดสิวคือ การที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมามากเกินไป จนทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดสิว และการอุดตันของน้ำมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเชื้ออาจจะทำให้ผิวหนังอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบ
เมื่อผิวหนังเกิดอาการอักเสบทำให้ร่างกายเริ่มกระบวนการฟื้นฟูตัวเองด้วยการลำเลียงเลือดไปยังบริเวณผิวหนังที่มีการอักเสบ เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ทำให้บริเวณที่เป็นสิวอักเสบเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง จึงทำให้ผิวหนังกลายเป็นสีแดง ชมพู ม่วง หรือเกิดรอยแดงขึ้น รอยแดงจากสิวอักเสบหากไม่ได้รับวิธีรักษาที่ถูกวิธีอาจจะทำให้ผิวหนังเป็นรอยแดงอยู่นาน หรืออาจจะเป็นรอยแดงถาวรได้
รวม 10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ รอยดำรอยแดง
Q1. รอยแดงจากสิวเกิดจากอะไร
ก่อนจะไปพูดถึงรอยดำเราต้องมารู้จักรอยแดงกันก่อน เพราะรอยทั้งสองชนิดนี้จริงๆ แล้วเค้ามีความเกี่ยวข้องกันนะรอยแดงหรือ Post Inflammatory Erythema ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นได้ตอนที่เราเป็นสิว ซึ่งเกิดจากผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบจึงทำให้ที่เกิดรอยแดงขึ้นมา พอมีการอักเสบเกิดขึ้นกลไกร่างกายเราก็จะพยายามฟื้นฟูตัวเองโดยการลำเลียงเลือดไปยังบริเวณนั้นเพื่อฟื้นฟูเซลล์ พอหลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังบริเวณขยายตัวก็จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงนั่นเองค่ะ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและปล่อยทิ้งไว้ก็จะทำให้จากรอยแดงกลายเป็นรอยดำได้
Q2. รอยแดงจากสิว ใช้อะไรดี
สำหรับรอยแดง สกินแคร์ตัวที่ใช้ให้พยายามหาส่วนผสมที่จะมาช่วยต้านการอักเสบเป็นหลักค่ะ ซิสรวบรวมาให้ จดโพยเอาไว้ไปใช้ได้เลย
✿Niacinamide
(วิตามินบี 3) มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ลดรอยแดงจากสิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
✿Nicotinamide
สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใส และลดการอักเสบของผิวหนังลดได้
✿Licorice Extract
ลดการอักเสบของผิว ลดการระคายเคือง ควบคุมความมันบนใบหน้าจึงช่วยลดการเกิดสิวได้ด้วย
✿Aloe Vera Extract
ช่วยปรับสภาพผิวลดการอักเสบ ลดอาการแพ้ระคายเคือง สมานแผลเป็นต่างๆ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
Q3. ทำไมสิวถึงทิ้งรอยดำ
จากที่เราพูดถึงกันไปก่อนหน้าว่ารอยแดงเกิดจากการอักเสบของผิว และหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องก็จะพ่วงมาถึงการเกิดรอยดำ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะรอยดำจากสิวก็เกิดขึ้นจากการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งการอักเสบจะไปกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นเม็ดสีเข้ม ให้ผลิตเมลานินมากกว่าปกติ ซึ่งปริมาณเมลานินจะเป็นตัวกำหนดสีผิวและนี่จึงเป็นสาเหตุที่เกิดรอยดำขึ้นมานั่นเอง
Q4. รอยสิวสามารถหายเองได้ไหม
จริงๆ แล้วรอยดำรอยแดงจากสิวตามจะจางลงเรื่อยๆ ได้เองตามธรรมชาติ แต่ค่อนข้างที่จะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และระยะเวลาของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันด้วย ขึ้นอยู่กับรอยสิวว่าดำมากหรือน้อยแค่ไหน รวมถึงอายุเองก็มีส่วน ถ้าเป็นในผู้ใหญ่ รอยดำก็อาจจะจะจางช้ากว่าในเด็กได้เช่นกัน
Q5. รอยดำจากสิวกี่วันหาย
โดยปกติถ้าเป็นรอยที่เราไม่ได้รักษา รอยก็จะค่อยๆ จางลงเองภายใน 2 - 6 เดือนหรือในบางคนก็กินเวลายาวนานเป็นปีได้ด้วย แต่ถ้าหากเราได้รับการรักษาก็จะทำให้รอยจางลงได้เร็วขึ้นค่ะ
Q6. รอยดำจากสิว ใช้อะไรดี
สำหรับคนที่มีรอยดำจากสิวก็ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยยับยั้งเม็ดสีเป็นหลัก ถ้าผิวไม่เซนซิทีฟมากพวกโพรดักส์ผลัดสิวเค้าก็เริ่ดอยู่นะลองหามาใช้ดูได้ อะ ทีนี้มาดูส่วนผสมในสกินแคร์ที่น่าสนใจกันหน่อย ใครมีรอยดำรีบจดเลยจ้า
✿Kojic acid
เป็นสารจากเห็ดที่สามารถช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ และช่วยลดรอยดำให้จางลง
✿Retinoids
(เรตินอยด์) ยับยั้งกระบวนการผลิตเม็ดสีในเซลล์ผิวได้ และช่วยในการผลัดเซลล์ แต่เรตินอยด์เป็นยาที่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ก่อนที่จะซื้อมาใช้ได้
✿Thiamidol
ยับยั้งเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ต้นเหตุที่ทำให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานิน สะสมเป็นจุดด่างดำ
✿
หรือจะลองใช้สกินแคร์ในกลุ่ม Chemical peel อย่างเช่น
AHA , BHA, LHA
เพื่อผลัดเซลล์ผิวก็ได้เช่นกันค่ะ แต่วิธีนี้ควรจะระมัดระวังและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่าสามารถใช้ได้ถี่แค่ไหนต่อสัปดาห์หน้าเราถึงจะไม่แหกนะคะ
Q7. ทำไมรอยสิวไม่หายซักที
วิธีง่ายๆ เลยก็คือบีบสิว/กดสิวอย่างไม่ถูกวิธี ทำให้การอักเสบลึกขึ้น เกิดรอยสิวที่เข้มขึ้น และหายช้ากว่าปกติแกะสิว/แกะแผลสิวเป็นการทำให้ชั้นผิวฉีกขาดและอักเสบมากขึ้น จนแผลสมานได้ช้าลงผิวขาดความสมดุลไม่มีจุลินทรีย์ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว ผิวไม่ชุ่มชื้นมากเพียงพอชั้นคอลลาเจนไม่สมบูรณ์จึงไม่มีโปรตีนที่เข้ามาช่วยสมานผิวในส่วนที่เกิดบาดแผลจากสิวผิวไม่ผลัดเซลล์อาจเกิดจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวผลัดเซลล์ช้าลง หรือไม่มีการผลัดเซลล์ตามธรรมชาติ รอยสิวที่สีเข้มจึงจางหายช้ากว่าผิวปกติ ที่จะมีการผลัดชั้นผิวด้านนอกออกอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ กดสิวด้วยตนเอง
ผู้คนส่วนใหญ่เมื่อเกิดhttps://skinx.app/content/acne/blind-pimplesชอบนำมือไปสัมผัสหรือแกะ แต่การแกะหรือบีบสิวถือเป็นการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อผิวหนัง และรูขุมขนอักเสบมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเป็นรอยสิวและรอยแผลเป็นจากสิว การที่ใช้มือบีบ กดสิวบริเวณที่เป็นสิวโดยที่ไม่ได้ล้างมือ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม ส่งผลให้รอยแดงหายช้า
ไม่ใช่เพียงแค่การแกะ บีบ กดสิวเท่านั้น ควรงดการสครับ ถู ขัดบริเวณที่เป็นสิวอย่างรุนแรง ถือเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินอี
จากงานวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างได้ทดลองที่ใช้วิตามินอีกับผิวโดยทำให้เกิดภาวะผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis) นอกจากนี้การนำสารอาหารเข้าสู่ผิวหนังโดยตรงอาจจะรบกวนกระบวนการฟื้นฟูของผิวหนัง
หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดสามารถกระตุ้นเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้นทำให้รอยสิวมีอาการแย่ลง พร้อมทั้งให้รอยดำ รอยแดงจากสิว ที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้รักษาได้ยากขึ้น และอาจจะชะลอกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิว หากจำเป็นต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง พร้อมสวมเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมบริเวณที่เป็นรอยสิว เพื่อป้องกันไม่ให้รอยสิวมีอาการแย่ลง ทั้งนี้ ค่า SPF ที่แนะนำสำหรับครีมกันแดดคือ SPF 30 PA ++ หรือมากขึ้นไป
เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว
ควรเลือกใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือระคายเคือง ให้ความชุ่มชื้น พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ลดจุดด่างดำและรอยสิว
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สำหรับผู้ที่มีรอยสิวอยู่แล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด และสำหรับผู้ที่เป็นสิว แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยสิวหลังการรักษา
อย่างที่เราบอกไปว่าสาเหตุของรอยสิวเกิดจาก
การอักเสบของชั้นผิวในขณะที่เป็นสิว ซึ่งโดยปกติแล้วผิวของเราเค้าก็จะมีการผลัดเซลล์อย่างสม่ำเสมอ และรอยสิวเหล่านี้ก็จะจางหายไปเองตามวงจรธรรมชาติ แต่ถ้าหากเรามือซนไปพยายามบีบสิวหรือกดสิวบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดบาดแผลในชั้นผิวลึกขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นต้องห้ามใจ ไม่ไปยุ่งกับบริเวณที่เกิดสิวน้า
รอยดำสิว
โดยปกติถ้าไม่ได้รักษารอยดำจากสิวจะค่อยๆ จางเช่นกันค่ะ แต่ต้องใช้เวลาถ้าต้องการให้จางเร็วขึ้นมีแนวทางสำหรับการรักษาหลากหลายค่ะได้แก่กลุ่ม Hydroquinone, azeleic acid, kojic, licorice, Niacinamide, Vit cโดยใช้ AHA 20-70%, Salicylic acid(BHA) 20-30%, TCA หรือJessner peel
Q8. วิธีรักษารอยดำจากสิว เร็วที่สุด
ซิงค์
ซิงค์ เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ๆ โดยเฉพาะผิวหนัง เล็บ ผม ให้แข็งแรง และมีประโยชน์โดยตรงต่อการลดสิว ซึ่งเป็นผลมาจากการอักเสบของผิวหนัง
รอยสิวเป็นอะไรที่ต้องใจเย็นๆ และใช้เวลาค่อนข้างนานกว่ารอยจะหายไป สำหรับคนที่รอไม่ไหวยังมีอีกหนึ่งทางออกก็คือการทำหัตถการอย่าง
การทำเลเซอร์ลดรอยสิว
นั่นเองค่ะ วิธีนี้ก็จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการปัญหาได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้รอยดำ รอยแดงจากสิวดีขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เลเซอร์ตัวฮิตๆ ที่เราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ตัวอย่างเช่น Q Switch หรือ Pico Laser ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการลดร้อยสิวจะดีมาก แต่ข้อเสียก็คือเค้ามีราคาค่อนข้างสูงเลยละค่ะ ถ้าใครเงินไหว ใจถึง วิธีนี้ก็ถือว่าสะดวกและลดรอยได้รวดเร็วมากๆ ลองไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้
Q9. วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว
การทาครีมกันแดดอย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้รอยดำเกิดมาก
นอกจากการเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมในการช่วยลดรอยแล้วก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่จะสามารถป้องกันการเกิดรอยสิวได้เช่นกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง
วิธีง่ายๆ เลยก็คือพยายามหลีกเลี่ยงการบีบสิว กดสิว แกะสิวเพราะวิธีเหล่านี้ถือเป็นการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อผิวหนัง และรูขุมขนอักเสบมากขึ้น และไปทำให้เกิดเป็นรอยสิวและรอยแผลเป็นจากสิว
งดการสครับ ถู หรือขัดบริเวณที่เป็นสิวซึ่งถือเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม
หลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะแสงแดดจะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้นทำให้รอยสิวมีอาการแย่ลง ถ้าจำเป็นต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง สำหรับแดดเมืองไทยก็แนะนำค่า SPF สำหรับครีมกันแดดที่ SPF 30 PA ++ ขึ้นไป
วิตามินซี ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนอันเป็นแกนพยุงเซลล์ให้ชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง ผิวพรรณดูแข็งแรง
3. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีไม่ได้ช่วยลดการอักเสบของผิวโดยตรง แต่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิว เพราะเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อผิวหนังในร่างกาย จึงเป็นวิตามินสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้
Q10. คนเป็นรอยสิว ควรกินวิตามินอะไร
✿ซิงค์ (Zinc)เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ๆ โดยเฉพาะผิวหนัง เล็บ ผม ให้แข็งแรง และมีประโยชน์โดยตรงต่อการลดสิว ซึ่งเป็นผลมาจากการอักเสบของผิวหนัง
✿วิตามินอี (Vitamin E)อาจจะไม่ได้ช่วยลดการอักเสบของผิวโดยตรง แต่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีผลกระทบต่อผิวของเราโดยตรง และเป็นสาเหตุหลักขอวการเกิดปัญหาผิว ไม่ว่าจะสิว หรือผิวแก่ก่อนวัย
✿วิตามินซี (Vitamin C)ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดการอักเสบและป้องกันรอยแดงที่เกิดจากสิว
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 คำถามเกี่ยวกับรอยดำรอยแดงที่เราเอามาฝาก จะเห็นได้เลยว่าเป็นครั้งนึงต้องใช้เวลาไม่ใช่เล่นๆ เลยกว่าจะหาย เพราะฉะนั้นถ้าป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ควรทำ แกะสิวบีบสิวอะไรแบบนี้คือเลิกได้เลิก! กันดงกันแดดคือห้ามขาดเลยนะเธอ ไม่งั้นต้องไปเสียเงินรักษาแบบจุกๆ กันแน่นอนเนอะ วันนี้ซิสก็ฝากเอาไว้เท่านี้ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าจ้าา
AHA BHA PHA LHA ต่างกันยังไง? มาผลัด Dead Skin ฟื้นคืนชีพผิว Healthy กัน
https://sistacafe.com/summaries/92292
รวม 7 สกินแคร์ Spotless Product ตัวช่วยสุดปัง ลดจุดด่างดำ รอยดำจากสิวได้อยู่หมัด
https://sistacafe.com/summaries/92506
จุดดำทำลายชีวิต! รวม 10 ผลิตภัณฑ์ลดรอยดำจากสิว ใช้แล้วให้หน้าใส แบบวิ้งค์ๆ ไปเล้ย!
https://sistacafe.com/summaries/69871
รอยแดงจงหายไป! รวม ' 8 เบสเขียวตัวดัง ' ไอเทมเด็ดปกปิดรอยแดง
https://sistacafe.com/summaries/92545
หน้าเนียนใส มั่นใจอีกครั้ง กับ 6 วิธีง่าย ๆ ลดรอยแดงจากสิว ด้วยวิธีธรรมชาติ สำหรับสาวแพ้ง่าย
https://sistacafe.com/summaries/54486
- - - - - - - - - - - - - - -
Designer:kidasindahouse
Writer :BabyPeachy
อ่านบทความเพิ่มเติมจาก
https://sistacafe.com/
ได้ที่นี่
https://sistacafe.com/summaries/92292
https://sistacafe.com/summaries/92506
https://sistacafe.com/summaries/69871
https://sistacafe.com/summaries/92545
https://sistacafe.com/summaries/54486