คนทั่วไปจะมีภาษารักที่ตัวเองให้ความสำคัญอยู่มากกว่า1แบบ ประมาณ 2-3 แบบแต่จะให้ระดับความสำคัญแตกต่างกัน การรู้ว่าตัวเองและคนที่เรารักรวมไปถึงคนในครอบครัวมีภาษารักแบบไหน จะช่วยให้เข้าใจกันมากขึ้นสือสารกันตรงตามความต้องการของกันและกันมากขึ้น

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/cb/5a/d3/cb5ad3c5055c9ec2768d85226265361e.jpg

ไม่ใช่รักเราไม่เท่ากัน เราแค่บอกรักคนละภาษา

ในปี ค.ศ.1992 นักเขียนและนักให้คำปรึกษาชาวอเมริกาGary Chapman ได้เขียนหนังสือชื่อ The Five Love Languages ซึ่งเป็นหนังสือขายดีเล่มหนึ่งที่กล่าวถึงคอนเซ็ปต์ของ ‘ภาษารัก’ ที่ได้ช่วยให้คู่รักเรียนรู้การแสดงความรักของตัวเอง และรับรู้ถึงความรักที่อีกฝ่ายส่งกลับมาให้เนื่องจากแกรี่ได้ใช้เวลาหลายปี เพื่อสังเกตและจดบันทึกพฤติกรรมของคู่รักที่เข้ามาขอคำปรึกษาจากเขา และก็เห็นว่า คู่รักมักจะเกิดความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน เพราะพวกเขามีความต้องการในการแสดงความรักและรับรู้ถึงความรักที่แตกต่างกัน จนในที่สุด แกรี่ก็สรุปออกมาได้ว่า การสื่อสารความรักหรือภาษารักนั้น มีทั้งหมด 5 รูปแบบด้วยกัน

Words of Affirmation คำพูด

การแสดงความรักผ่านคำพูด เช่น คำบอกรัก คำชื่นชม คำยกย่อง หรือคำพูดให้กำลังใจ เพราะบางคนชอบที่จะได้ยินว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตนเอง ดังนั้น พวกเขาจะรู้สึกดีใจมากเมื่อคนรักชื่นชมหรือบอกรัก หรือถ้อยคำหวานๆ จากแจ้งเตือนในไลน์

Quality Time การใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

การแสดงความรักผ่านการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ บางคนจะรู้สึกถูกรักเมื่ออีกคนแสดงออกว่าอยากอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาไม่ได้ต้องการปริมาณหรือจำนวนชั่วโมงในการอยู่ด้วยกันมากนัก หากแต่ต้องการช่วงเวลาที่มีคุณภาพมากกว่า เช่น เมื่อได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องอยู่ให้คุ้ม ปิดมือถือแล้วใช้เวลาด้วยกันอย่างคุ้มค่า ดังนั้น การที่พวกเขาจะรู้สึกว่าตนเองถูกรัก ก็คงจะมาจากการที่อีกคนแสดงออกว่าอยากฟังหรือสนใจในสิ่งที่เขาพูดหรือทำมากกว่า

รูปภาพ:

Acts of Service การทำบางอย่างให้

คนที่ชอบสื่อสารภาษารักแบบนี้ จะเชื่อว่าการกระทำนั้นบางครั้งสำคัญกว่าคำพูด พวกเขาอาจจะไม่ได้มาคอยบอกรักหรือชื่นชมคุณด้วยคำพูดหวานๆ แต่พวกเขาจะคอยช่วยเหลือแบ่งเบาภาระเล็กๆ น้อยๆ เช่น ช่วยทำงานบ้าน ทำอาหารให้กิน การขับรถไปส่ง อาสานวดให้คุณเมื่อคุณบ่นว่าเมื่อย ภาษารักแบบนี้ยังรวมไปถึงการให้คำแนะนำ หรือพยายามช่วยแก้ปัญหาเวลาที่คุณมีปัญหาและเขาสามารถช่วยเหลือคุณได้

Physical Touch การสัมผัสทางร่างกาย

ที่หลายคนๆ เรียกว่า skinship นั้นเอง การแสดงความรักผ่านการสัมผัสตัว ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการมีเซ็กซ์เท่านั้น แต่หมายถึงการกอด จับถือ หอมแก้ม โอบไหล่ หรือลูบหัว คนที่มีภาษารักแบบนี้ชอบที่จะได้ใกล้ชิดกับคนที่รัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการตัวติดกันตลอดเวลานะ

Giving/Receiving Gifts การให้/ได้รับของขวัญ

การให้ของขวัญ หรือ สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ ของฝากต่าง ๆ ในโอกาสพิเศษ หรือ เดินเจอของถูกใจก็ซื้อมาฝาก เพราะการได้รับของขวัญนี้ แสดงถึงความคิดถึงกัน นึกถึงกัน และการเป็นคนสำคัญของกันและกัน ภาษารักด้วยของขวัญนี้ ไม่ได้แปลว่า คนกลุ่มนี้เป็นพวกวัตถุนิยม เพราะสิ่งสำคัญมันไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นคุณค่าทางใจที่รู้สึกถึงคนพิเศษจึงนำมามอบให้กัน และคนที่มีภาษารักแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะรับอย่างเดียว แต่คนกลุ่มนี้ก็หมักจะชอบซื้อของขวัญให้คนที่รักเช่นกัน

การที่จะรู้ว่าคนที่เรารักมีภาษารักแบบไหน คือการพูดคุยอย่างเปิดใจกัน แต่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน บางคนอาจจะขี้อายบางคนอาจกลัวว่าการคุยจะกลายเป็นการทะเลาะกัน ลองใช้วิธีส่งบทความนี้ให้คนที่คุณรักเป็นการเปิดบทสนทนาก็ได้ และสำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีภาษารักแบบไหนก็มีแบบทดสอบออนไลน์ฟรีให้ได้ลองทำกันด้วย


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

https://sistacafe.com/summaries/27608

https://sistacafe.com/summaries/91166https://sistacafe.com/summaries/91984https://sistacafe.com/summaries/96746

https://sistacafe.com/summaries/93419