☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂โควิด-19 ก็หนักแล้วนะนี่เข้าหน้าฝนแล้ว ไม่ใช่แค่โควิดที่น่ากลัวอย่างเดียว แต่ยังมีโรคอื่นๆ ที่น่ากลัวไม่แพ้กันตามมาอีก! เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ จะต้องดูแลสุขภาพกันให้ดีๆการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐไม่ต้องป่วย ไม่ต้องเสียเงินรักษา ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องนอนติดเตียง เรื่องสุขภาพในตอนนี้ เป็นเรื่องใหญ่เราทุกคนจะต้องหมั่นดูแลและใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีๆด้วยความที่ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน วันนี้เรามี7 โรคที่มากับหน้าฝนมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะรู้ไว้ก่อนเป็นดี จะได้รู้ว่าอาการเป็นยังไง ป้องกันตัวเองยังไงถึงคราวเป็นขึ้นมาจริงๆ จะได้ไม่ตื่นตระหนกเนอะ แม้โรคเหล่านี้อาจจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงเท่ากับโรคโควิด-19 แต่ก็อย่ามองข้ามเพราะมันก็อันตรายเหมือนกันหมด ลองไปดูกันหน่อยซิว่ามีโรคอะไรบ้าง ที่เราควรระมัดระวัง ไปอ่านกันเลย☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂
1. โรคไข้หวัดใหญ่
เรามาดูกันที่โรคแรก โรคนี้เป็นอีกหนึ่งโรคที่คนมักจะป่วยกันในช่วงหน้าฝนเยอะมากๆ
'โรคไข้หวัดใหญ่'
แม้จะดูเป็นโรคที่ใครๆ เค้าก็ป่วยกัน แต่รู้มั้ย แม้โรคไข้หวัดใหญ่ จะ
มีอาการเริ่มต้นเหมือนไข้หวัดธรรมดาๆ แต่อาจมีความรุนแรงจนถึงขนาดทำให้เกิดปอดอักเสบ และเสียชีวิตได้เลยนะ!
เพราะฉะนั้นอย่ามองว่า
มันก็คือไข้หวัด เป็นแล้วเดี๋ยวมันก็หายไป
เอ้า! แล้วถ้ามันเรื้อรัง ไม่หายล่ะ จะทำยังไง
วิธีการติดต่อของโรคนี้ มักจะเกิดจากการไอหรือจามรดกัน หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ เพราะงั้นใครที่รู้ตัวว่า
เริ่มมีอาการเหล่านี้ ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน!
ซึ่งวิธีการป้องกันตัวเอง นอกจากการดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีๆ แล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีคือ
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันโรค
แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละหนึ่งครั้งสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปและสำหรับผู้ใหญ่ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันโรคเบื้องต้นที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ
2. โรคไข้เลือดออก
อีกหนึ่งโรคฮิตที่มาพร้อมกับหน้าฝน ช่วงหน้าฝนยุงเยอะ ทุกคนรู้ดี และแน่นอนว่ายุงนั้นมาพร้อมกับโรค ซึ่งโรคนั้นก็คือ
'โรคไข้เลือดออก'
นั่นเอง โรคไข้เลือดออก
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกีซึ่งมี 4 ชนิด
และ
มียุงลายเป็นพาหะนำโรค
ทุกๆ คนมีสิทธิ์ที่จะป่วยเป็นโรคนี้ได้ ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็ตาม แล้วโรคนี้เป็นอีกหนึ่งโรคที่ค่อนข้างร้ายแรงมากๆ เลยนะ ถ้าเป็นหนัก แล้วไม่รีบรักษา อาจจะเสี่ยงถึงชีวิตได้
อาการของโรคไข้เลือดออก ส่วนใหญ่จะ
มีอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อหรือกระดูก มีผื่นขึ้นคล้ายผื่นของโรคหัด และอาจมีภาวะเลือดออกหรือไม่มีก็ได้
ซึ่งอาการเบื้องต้นของโรคนี้ จะคล้ายๆ กับโรคไข้หวัดใหญ่เลยค่ะ แม้บางครั้งอาการอาจจะไม่ได้รุนแรงมาก จนถึงขนาดต้องไปหาหมอ แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ
ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ และรับประทานอาหารอ่อนๆ
ทางที่ดี ไปตรวจสักหน่อย ก็ไม่เสียหาย ซึ่งวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคนี้ ไม่ยาก
หลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัดและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงที่มีอยู่ตามจุดต่างๆ ของบ้าน
นอกจากนี้ ควร
ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
ไว้ด้วยนะ
3. โรคฉี่หนู
'
โรคฉี่หนู
'
ภัยร้ายที่มาพร้อมกับหน้าฝน โรคนี้เป็นโรคที่มักจะพบบ่อยๆ ในช่วงหน้าฝน แพร่ระบาดได้ในพื้นที่ที่มีน้ำขัง อาการโดยทั่วไปคือ
ปวดศีรษะ มีไข้สูงเฉียบพลัน ตาแดง ปวดบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรงในบางรายอาจถึงขั้นไตวายหรือช็อคได้เลยนะ
ซึ่งมันค่อนข้างรุนแรงมากๆ แม้ตัวหนูจะไม่ได้เป็นโรค แต่ฉี่ของมัน ตัวดีเลยค่ะ เป็นตัวนำโรคมาสู่มนุษย์เดินดินอย่างเรา นอกจากหนูแล้ว เรายังพบเชื้อนี้ในสุนัข วัว ควาย ได้อีกด้วย
ซึ่งเชื้อโรคนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ 2 ทาง
ทางแรกคือ การสัมผัสสัตว์ที่มีเชื้ออยู่ หรือ โดนสัตว์ที่มีเชื้อกัด
กับ
ทางที่สองคือ การกินน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป การเดินลุยน้ำ หรือการสัมผัสเข้ากับเชื้อโรคดังกล่าว
วิธีการป้องกันเบื้องต้น เพื่อนๆ
ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำลุยโคลน
หรือถ้ามันจำเป็นจริงๆ ควรใส่รองเท้าบูทที่สามารถกันน้ำได้ รวมทั้งต้อง
ระวังน้ำไม่สะอาดกระเด็นเข้าปาก ตา หรือ จมูกด้วยนะ
ที่สำคัญ
กินอาหารที่ปรุงสุกทันที และเก็บอาหารในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
ทั้งนี้หากพบว่าตัวเองติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษานะคะ
4. โรคต่อมทอนซิลอักเสบ
นี่เป็นอีกหนึ่งโรคในช่วงหน้าฝน ที่เราเป็นค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน
'ต่อมทอนซิลอักเสบ'
โรคนี้ไม่ได้รุนแรง แต่ก็ทรมานมากๆ เหมือนกันนะ เพราะมัน
ส่งผลให้เรามีอาการเจ็บคอขั้นรุนแรงมากๆ กลืนน้ำลายก็เจ็บ
คือทรมานจริงๆ ค่ะ โรคต่อมทอนซิลอักเสบ เกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง ผู้ป่วยจะมีอาการ
ไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ กลืนน้ำลายลำบาก ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหารและบางรายอาจมีอาการท้องเดิน หรือถ่ายเหลวร่วม
ด้วย
แม้จะดูเหมือนไม่น่าเป็นห่วงอะไรมากมาย แต่
ถ้าใครมีอาการไข้ขึ้น 3 - 4 วันแล้ว ไข้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง แถมอาการแย่ขึ้นเรื่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
เพราะไม่งั้นอาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ วิธีการป้องกันตัวเองจากโรคนี้ ง่ายมากแม่!
ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ
แล้วถ้ามีคนใกล้ชิดมีอาการป่วย
อย่าเข้าใกล้หรือใช้ของร่วมกัน
เพราะคุณอาจจะเสี่ยงติดโรคนี้ตามไปด้วยได้ นอกจากนี้หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยนะ
5. อาหารเป็นพิษ
ไม่ว่าจะฤดูไหน เพื่อนๆ ก็มีสิทธิ์เป็น
'โรคอาหารเป็นพิษ'
ได้ ซึ่งโรคนี้
เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเข้าไป
ทำให้เกิด
อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือปวดท้อง
โดยปกติแล้ว โรคนี้ไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงอะไรมากมาย แต่! ถ้าเป็นแล้วหายช้าหรือไม่หายสักที อาจทำให้ร่างกายเสียน้ำและเกลือแร่จนเป็นอันตรายได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ อาการดีขึ้นได้ด้วยการดูแลตัวเองที่บ้าน วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นคือ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
โดยการดื่มน้ำให้มากๆ หน่อย หรือจะดื่มน้ำเกลือแร่ด้วยก็ได้นะ ที่สำคัญคือ
อย่าลืมรับประทานยาแก้ท้องเสียด้วย
นะจ๊ะ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือเริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่โอเคมากๆ แล้ว ให้รีบไปหาหมอเด้อ! สำหรับการป้องกันโรค ก็ง่ายมาก
อย่างแรกคือความสะอาดสดใหม่ ควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สดใหม่ และควรล้างมือและภาชนะให้สะอาดด้วย
เพียงเท่านี้ ก็ช่วยป้องกันโรคได้แล้ว
6. โรคเยื่อบุตาอักเสบ
'เยื่อบุตาอักเสบ หรือ ตาแดง'
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส แบคทีเรีย หรือสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการ เช่น
ตาแดง แสบตา คันตา หรือระคายเคือง ปวดเล็กน้อยในเบ้าตา น้ำตาไหล เปลือกตาบวม
คนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ จะหายเองภายใน 2 - 3 สัปดาห์ สาเหตุของโรคนี้ อาจเกิดจากการสัมผัสน้ำตาของผู้ที่เป็นโรคตาแดง แล้วนำมือที่เปื้อนนั้นมาสัมผัสตาตนเอง หรือได้รับเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ หรือจากสระว่ายน้ำ ซึ่งวิธีการรักษาเบื้องต้น
อาจใช้เพียงการประคบเย็น ร่วมกับหยอดยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนด้วยนะ อย่าไปซื้อยามาใช้เอง
เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้ค่ะ
วิธีการป้องกันโรคอย่างแรกเลยคือ
ไม่นำมือที่ไม่สะอาดมาจับหรือขยี้ตา ควรล้างมือทุกครั้งก่อนจับบริเวณตา
ที่สำคัญคือ
ไม่ควรใช้สิ่งของใดๆ โดยเฉพาะผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง
เพราะอาจจะเสี่ยงติดเชื้อได้
7. โรคผิวหนังอักเสบ
ต้องบอกก่อนว่า
'โรคผิวหนังอักเสบ'
ที่มาพร้อมๆ กับหน้าฝน มีหลายโรคมากๆ ทั้งโรคกลาก, โรคเกลื้อน, ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง,
รังแค อาการคันศีรษะ, โรคน้ำกัดเท้า หรือเชื้อราที่เท้า, โรคเท้าเหม็น และโรคบาดทะยัก ซึ่งส่วนใหญ่
มักจะเกิดจากการลุยน้ำ เดินย้ำน้ำ หรือตัวเปียกชื้น
แม้จะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมายในเบื้องต้น แต่ก็เป็นโรคที่ไม่มีใครอยากจะเป็น จริงมั้ย!
ฉะนั้นในช่วงหน้าฝน ใครที่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงาน ต้องลุยน้ำ ต้องตากฝนบ่อยๆ แนะนำว่าให้ดูแลในเรื่องของความสะอาดให้ดีๆ อย่างน้อยๆ คือ
ไม่ควรเดินเท้าเปล่าลุยน้ำที่ขังหรือสกปรก
เพราะนั่นเป็นสาเหตุของการเกิดโรคดังกล่าว
ถ้าใส่รองเท้าบูทได้ ใส่เลยค่ะ เพราะเป็นการช่วยป้องกันขาและเท้าของเราให้ห่างจากน้ำสกปรก
หลังใส่เสร็จแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดรองเท้าบูทและตากให้แห้งด้วยนะ
แต่ถ้าใครไม่สะดวกใส่ ก็ไม่เป็นไรนะ แนะนำว่า
หลังจากลุยน้ำกลับบ้านมาปุ๊บ ให้รีบล้างเท้าหรืออาบน้ำให้สะอาด เช็ดตัว เป่าผมให้แห้ง
เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าเป็นการป้องกันโรคเบื้องต้นได้แล้วค่ะ
☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂ ▫ ☂และทั้งหมดนี้ ก็คือโรคที่มากับหน้าฝน ดูเหมือนจะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ขึ้นชื่อว่าโรค มันก็รุนแรงเหมือนกันหมด วันนี้ถ้าใครรู้ตัวว่าป่วย รีบไปหาหมอนะ รักษาให้หายตั้งแต่เนิ่นๆ มันย่อมดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ แล้วค่อยไปทีหลัง ป่วยแล้วก็ต้องรักษา อย่าปล่อยให้อาการหนักแล้วค่อยไปหาหมอ เพราะมันจะยิ่งเสี่ยงยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ สำหรับวันนี้ บ๊ายบาย
Cr. 5 โรคที่มากับหน้าฝน
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/5-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B8%99/?cli_action=1592364866.012
Cr. รู้ไว้ป้องกันก่อน "6 โรค ที่มากับหน้าฝน"
https://bit.ly/3dfvZpK