Hello สวัสดีค่าาาามาดามลูลู่ขาประจำกลับมาแล้ววว อ๊ะ!! แต่วันนี้ไม่ได้มาตรวจดวงชะตาสาวๆ แต่อย่างใด แต่จะมาแนะนำสถานที่เที่ยวเก๋ๆ เวอร์วัง อลังการล้านแปด ให้เธอๆ ๆ ทั้งหลายได้พาแม่ไปเที่ยวกันในวันหยุดที่จะถึงนี้

รูปภาพ:http://ed.files-media.com/ud/news/1/2/3976/7346_39e5c910ac81d110d3a71ebf94833348-600x339.jpg

ซึ่งสถานที่ที่มาดามจะแนะนำนั้นก็คือพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณค่ะ!!!

มาดามเชื่อว่า สาวๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยิน หรือได้เห็นกับไอเท็มของสถานที่แห่งนี้มาบ้างแล้ว ด้วยรูปปั้นช้างสามเศียรขนาดมหึมา ตั้งเด่นเป็นสง่าอย่างในรูป แต่....ใครจะรู้บ้างมั้ยน้อว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เกี่ยวกับอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนสร้าง ???เอ๊ะ!!! เอ๊ะ!! เอ๊ะ!! เดาไม่ถูกกันล่ะสิ....

ไม่ต้องเดาค่ะ เดี๋ยวมาดามจะจำแลงแปลงกายเป็นไกด์สาว พาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้เอง

มามะ...อะฮ้าาา...มาเลยย!!

รูปภาพ:

ตามปกติแล้วพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่มักจัดแสดงเกี่ยวกับวัตถุ หรือสิ่งนั้นๆ ตามชื่อของพิพิธภัณฑ์ เช่น พิพิธภัณฑ์ผ้าไทย ก็จะจัดแสดงเกี่ยวกับผ้าไทยในสมัยก่อน พิพิธภัณฑ์แมลง ก็จะจัดแสดงเกี่ยวกับพวกแมลงสายพันธุ์ต่างๆ อีกอย่างถ้าพูดถึงพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับช้าง ก็จะมีที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติช้างต้น ที่กรุงเทพมหานครอยู่แล้ว ซึ่งที่นั่นก็จะเล่าถึงประวัติศาสตร์ของช้างมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีฮั่นแน่!! สาวๆ หลายคนคงสงสัยกันล่ะสิว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับอะไร ??? แน่นอนว่า ไม่ได้รวบรวมซากของช้างเอราวัณไว้แน่ๆ ค่ะ /// แหม...ของอย่างนั้นจะไปมีได้ยังไงกันล่ะคู้ณณณณณณแต่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ กลับเป็นสถานที่ที่รวบรวมโบราณวัตถุที่ล้ำค่า หายาก และมีค่ายิ่งของประเทศชาติเอาไว้ โดยได้จำลองพื้นที่โดยรอบของพิพธภัณฑ์ให้เป็นป่าหิมพานต์ค่ะ ว้าวววว!!! บอกเลยว่าที่นี่เหมาะแก่การถ่ายรูปจริงๆ

รูปภาพ:http://www.klongdigital.com/images_webboard3/id_49732.jpg

ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ ต. บางเมืองใหม่ อ. เมือง จ. สมุทรปราการไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไรนักโดยสาวๆ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีแบริ่ง แล้วนั่งรถเมล์สาย 25, 102, 142, 365, 507, 511 และสาย 536มาตามถนนสุขุมวิทได้เลยค่ะ ซึ่งพิพิธภัณฑ์จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ใกล้กับทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก

รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/erawan-eye-view.gifรูปภาพ:http://i11.photobucket.com/albums/a181/net-mania/krajeaw/27.jpg

หลังจากที่ลงรถแล้ว สาวๆ ทั้งหลายขาาา เดินตามมาดามมาเลยค่ะ เมื่อเราเข้ามายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ภายในก็ดูกว้างขวางโอ่อ่าดี โดยเฉพาะกับรูปปั้นช้างสามเศียรที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ ดูเลอค่าไม่เบาเลยค่ะ!!

อ้อ!! ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องมาซื้อตั๋วเข้าไปก่อนนะคะผู้ใหญ่ราคาอยู่ที่ 200 บาท ส่วนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ก็ 100 บาท ค่ะถ้าหากใครมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติก็สามารถพามาได้นะคะ เพราะที่นี่มีบริการไกด์ต่างภาษาให้ด้วย เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีนค่ะ

ที่นี่เปิดทุกวันนะคะ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า - 4 ทุ่ม

รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/shop/shop2.gif

เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูมาแล้ว ภาพแรกที่เราจะได้เห็นก็คือ ภายในพื้นที่โดยรอบถูกจัดตกแต่งเป็นสวนสวยๆ จำลองเป็นป่าหิมพานต์เอาไว้ ซึ่งภายในสวนก็จะมีรูปปั้นของสัตว์ในวรรณคดีไทยต่างๆ เช่น กินนร-กินรี นาค นางเงือก วารีกุญชร นกหัสดีลิงค์ รวมไปถึงช้างเอราวัณด้วย

ภายในพิพิธภัณฑ์มีส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของผู้สร้าง รวมทั้งที่มา และวัตถุประสงค์ของการจัดสร้างสถานที่แห่งนี้ ซึ่งหลังจากที่มาดามไปสืบค้นเวชระเบียนมาก็พบว่า ผู้สร้างคือคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ซึ่งเป็นผู้สร้างคนเดียวกับเมืองโบราณ และปราสาทสัจธรรม ที่จังหวัดชลบุรี

รูปภาพ:รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/gallery/dsc_7451.gifรูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/gallery/dsc_7460.gif

โดยวัตถุประสงค์ของการสร้างสถานที่อันวิจิตระการตาแห่งนี้ ก็เพราะต้องการที่จะให้คนรุ่นหลังอย่างพวกเธอๆ ได้ชื่นชมกับของเก่า และวัตถุโบราณซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่ท่านได้สะสมมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งขณะนั้นท่านเองก็คงกลัวว่า เมื่อสิ้นท่านไป ของหลายๆ ชิ้นที่ท่านสะสมจะถูกขายออกนอกประเทศ หรือสูญหาย ซึ่งมีบางชิ้นก็เป็นของสำคัญของบ้านเมือง

เพราะคุณเล็กไม่ได้เป็นเพียงพวกนักสะสมทั่วไป แต่ท่านยังศึกษาและเรียนรู้ถึงที่มาของวัตถุชิ้นนั้นๆ อย่างแท้จริง จนในที่สุดก็เกิดเป็นพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นมาตามความประสงค์ของท่านเป็นครั้งสุดท้าย แหม่!!...น้ำตาจะไหล T ^ T

รูปภาพ:http://ed.files-media.com/ud/attachment/forum/201208/23/103335i2e4mkjkhlejmkhb.jpg.thumb.jpg

เมื่อทราบถึงประวัติ และที่มาของพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว ก่อนจะเที่ยวชม...มาดามขออนุญาตพาสาวๆ มาไหว้เจ้าพ่อช้างเอราวัณทางด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ก่อน ซึ่งเป็นองค์จำลองของรูปปั้นช้างสามเศียรขนาดใหญ่ที่เราๆ เห็นในตอนแรกนั่นแหละค่ะ จะมีผู้คนมากราบไหว้ขอพรอยู่เป็นจำนวนมาก แถมมีเสียงลือ เสียงเล่าอ้างมานักต่อนักแล้วนะคะว่า เจ้าพ่อช้างฯ องค์นี้ให้หวยแม่นอย่าบอกใคร หากอธิษฐาน หรือขอพรดีๆ ก็จะได้สมปรารถนาทุกราย///ตอนไหว้อย่าลืมสะกิดบอกคุณแม่นะคะและทางด้านขวามือของที่สักการะนั้นก็มีเทวรูปองค์พระพิฆเนศสำริดประดิษฐานอยู่ ซึ่งสามารถให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้าไปกราบสักการะได้เช่นกัน

รูปภาพ:รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/gallery/dsc_7452.gif

เอาล่ะ!! หลังจากที่แสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะได้เยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้กันจริงๆ เสียที

เริ่มจากในส่วนที่เป็นตัวตึกใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ ถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ตามความเชื่อของไตรภูมิพระร่วง โดยแบ่งออกเป็นชั้นบาดาล ชั้นโลกมนุษย์ และชั้นสวรรค์โดยในส่วนของชั้นบาดาล ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินของตัวอาคารนั้น ทางพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพในทุกกรณี/// เป็น Top Secret สุดๆ

รูปภาพ:

เอาเป็นว่า ถ้าใครอยากรู้ว่าแต่ละชิ้นมีอะไรบ้าง คงต้องไปดูกันเอาเอง เพราะถ้าให้มาดามสาธยาย คงจะแซยิดกันพอดี เพราะมีเยอะมากกกกกกอ่ะ!! แต่ก็จะเล่าคร่าวๆ ให้ฟังละกัน ซึ่งในส่วนของชั้นนี้ได้จัดแสดงโบราณวัตถุที่มีค่า และสำคัญอย่างมากต่อประเทศ โดยบางส่วนก็เป็นของสะสมจากคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ที่ได้มอบไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ตรงกลางห้องมีเทวรูปของมนุษยนาคประดิษฐานอยู่ เป็นนัยยะแฝงว่ามนุษยนาคตนนี้เป็นเทพารักษ์ที่คอยดูแลโบราณวัตถุแห่งนี้อยู่ใต้ผืนน้ำ

รูปภาพ:http://www.siamganesh.com/osotho/osotho7/6.jpg

ชั้นต่อมาคือส่วนของโลกมนุษย์เป็นชั้นที่จัดแสดงงานศิลปะให้ได้ชมกันถึง 3 ประเภทนั่นก็คืองานปูนปั้นสดประดับด้วยเครื่องถ้วยเบญจรงค์ งานต้นเสาดีบุกดุนลายและกระจกสี Stain Glass( ถ้านึกภาพไม่ออก เดี๋ยวมีภาพประกอบให้ด้านล่างค่ะ ) ซึ่งในชั้นนี้ได้บอกเล่าถึงเรื่องของ4 ทวีปใหญ่ในตำนานไตรภูมิ คือชมพูทวีป บุรพวิเทหทวีป อุตรกุรุทวีปและอมรโคยานทวีปเป็นตัวแทนเสาทั้ง 4 เสาภายในอาคาร โดยในแต่ละเสามีภาพวาดเล่าเรื่องราวของศาสนาทั้ง 4 คือศาสนาคริสต์ ศาสนาพรามณ์-ฮินดู ศาสนาพุทธนิกายมหายาน และศาสนาพุทธนิกายเถรวาทตรงกลางชั้นลอยที่เชื่อมกับบันได ประดิษฐานเทวรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือองค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเสาทั้ง 4 เสา เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุที่ตั้งอยู่ตรงกลางของทวีปทั้ง 4  นอกจากนี้ด้านบนเพดานของตัวอาคาร ก็ประดับด้วยกระจกสี Stain Glass  อย่างโบสถ์คริสต์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของท้องฟ้า และดวงดาวในจักรราศีต่างๆ อย่างสวยงาม และดูเป็นเอกลักษณ์

รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/gallery/dsc_7536.gifรูปภาพ:รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/gallery/dsc_7511.gifรูปภาพ:http://ed.files-media.com/ud/attachment/forum/201208/23/103324mhd4vhgvtvvsh7hg.jpgรูปภาพ:

และชั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นส่วนของด้านบน คือชั้นสวรรค์โดยชั้นนี้ตั้งอยู่ภายในส่วนของตัวช้างเอราวัณ บริเวณท้อง ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นมาชั้นนี้ได้โดยบันไดวน ที่อยู่ภายในส่วนของเท้าหลังข้างขวาของตัวช้าง ชั้นนี้ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปที่เก่าแก่เป็นองค์ประธานและรายล้อมด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ ตามแต่ละยุคสมัยของไทย

ในส่วนของบรรยากาศโดยรอบถูกจำลองด้วยงานศิลปะภาพเขียนสีฝุ่นโดยช่างชาวเยอรมัน บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลบนผนังท้องช้าง ซึ่งหากเปรียบเข้ากับทางพระพุทธศาสนาแล้วก็คือ การเข้าสู่พระนิพพาน ตามประสงค์อันสูงสุดของพุทธศาสนิกชนทั่วไป///ได้ขึ้นมาเห็นแล้วอยากจะนิพพานเลยค่ะ

รูปภาพ:http://www.ancientcitygroup.net/erawanfiles/images/banner2.jpgรูปภาพ:http://static.tlcdn2.com/data/6/travels/807/20120425_596792807.jpgรูปภาพ:http://f.ptcdn.info/635/006/000/1372272119-MYX4806-o.jpgรูปภาพ:http://www.siamganesh.com/osotho/osotho7/2.jpg

รูปภาพ:http://www.payer.de/thailandchronik/images5/thai03176.jpg

เป็นไงบ้างคะ สถานที่ที่มาดามแนะนำในวันนี้ หลายๆ คนคงอยากมาเยี่ยมชมกันแล้วล่ะสิท่า

อ๊ะๆ ๆ ๆ !!!ดังนั้น อย่ารอช้าค่ะ วันแม่ปีนี้พาคนในครอบครัวของเธอ มาชื่นชมความงดงามกันดีกว่า

มาดามขอบอกเลยค่ะว่า  ใครที่ได้มา จะต้องมีแต่ความสุข อิ่มอก อิ่มใจกลับไป เพราะนอกจากจะมาเที่ยวชมสถานที่สวยๆ แล้ว ยังได้ทำบุญ ทำจิตใจให้เป็นกุศลอีก เหมาะแก่การพาคนในครอบครัวมาเที่ยวจริงๆ ค่ะ สำหรับวันนี้มาดามต้องขอตัวก่อนนะคะบ๊ะบี!!!