1. SistaCafe
  2. เอ้า ถึงว่ากางเกงคับ! 7 ' ไลฟ์สไตล์ Ver. เด็กอ้วน ' ถ้ายังทำแบบนี้ ไดเอทอีกกี่สิบปี พุงก็กลมเท่าเดิม T^T

ฮัลโหลววว สาวๆSistaCafeที่อยากผอม หุ่นดีทุกคน  ♡ ( ̄З ̄)ใครมี resolution ที่อยากทำตั้งแต่ก่อนปีใหม่ว่า ' ต้องผอม ' แต่ผ่านมาจะครึ่งปีแล้วก็ยังทำไม่ได้บ้างยกมือขึ้น! ( นี่ยกก่อนเลย แหะๆ ) คือมันก็ปัญหาโลกแตกเหมือนกันนะ ถ้ากินแหลกเช้าสายบ่ายเย็น ดึกๆ ก็ยังต้มมาม่ากินอันนี้ยังพอเข้าใจแต่หลายคนที่ลดน้ำหนักไม่ลง ไม่ได้กินเยอะ ออกกำลังกาย ไปฟิตเนสก็ทำอยู่ตลอด ใช้ชีวิตปกติเลย แต่วันนึงก็รู้สึกนั่งแล้วอึดอัด เสื้อคับเฉย พอไปชั่งน้ำหนักเท่านั้นแหละ ตกใจหนักมาก ทำไมอ้วนขึ้นบางทีไม่ใช่ 1-2 กิโลด้วยนะ เด้งขึ้นมาที 5 กิโลเลยก็มี เห้ย งงมากแม่!?ตัวเลขไม่โกหกแน่ๆ น้ำหนักของเธอคือของจริงเสมอ ดังนั้นอะไรล่ะที่ปลอม ก็พฤติกรรมที่เธอคิดว่าเฮลท์ตี้ยังไงล่ะ!การที่คิดว่าตัวเองคุมอาหารดีแล้ว เธออาจจะลืมพิซซ่าที่กินกับเพื่อนไปเมื่อวาน เค้กช็อกโกแลตสองคำตอนที่เพื่อนเอามาฝาก หรือขนมที่กินแก้เครียดอยู่ทุกวันก็ได้ ( บางคนไม่ได้ปกปิดข้อมูล แต่ลืมจริงๆ ว่ามันก็เป็นแคลอรี - - ) ถ้าเธอเป็นหนึ่งในคนที่อ้วนขึ้นมาซะเฉยๆ บางทีเหตุผลที่แท้จริงอาจอยู่ใน' 7 ไลฟ์สไตล์เวอร์ชันเด็กอ้วน 'ในบทความนี้ก็เป็นได้ ขอให้รู้ไว้ ถ้ายังทำแบบนี้ อีกกี่สิบปีก็ไม่ผอมจ้า


1. กินจุบกินจิบทั้งวัน ปากว่างไม่ได้ ' คำเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก! '

ข้อแรกน่าจะเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ลดน้ำหนักกันไม่ลง นั่นคือ ' กินจุบจิบ ' เหงาปาก ปากว่างไม่ได้ต้องหานั่นนี่มาเคี้ยว มาแทะ มาอมตลอด จะสังเกตได้ว่าสาวๆ หลายคนมักพกลูกอม หมากฝรั่ง หรือขนมแท่งเก็บไว้ในกระเป๋า

ยังไม่นับมื้อว่าง มื้อปาร์ตี้ มื้อเผลอๆ สุดท้ายนับไปนับมาวันนึงเอาของที่มีแคลอรีเข้าปากเป็นสิบรอบ ซึ่งการกินไม่หยุดหย่อนเนี่ย แม้ข้อดีคือช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ดีขึ้น แต่ข้อเสียที่อาจหนักกว่า คือมันก็จะกระตุ้นอินซูลินในเลือดเช่นกัน




ผลลัพธ์คือร่างกายจะกักเก็บไขมันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพิ่มการอักเสบในเซลล์ และปล่อยฮอร์โมนเลปติน ( ฮอร์โมนหิว ) ให้เธอยิ่งกินก็ยิ่งหิว ยิ่งหิวก็ยิ่งกิน วนลูปเป็นวงจรอุบาทว์ไปเรื่อยๆ


ทริคในการหลุดพ้นคือ กินให้น้อยลง เว้นระยะห่างระหว่างมื้อมากขึ้น จะทำให้เธออิ่มนานขึ้น เพราะเป็นการเซ็ตระบบฮอร์โมนให้ไม่หลั่งพร่ำเพรื่อ หลักการเดียวกับลดน้ำหนักด้วยการทำ IF ( Intermittent Fasting ) หรือการอดอาหารเป็นช่วงๆ นั่นเองค่ะ



2. ดื่มกาแฟดำไม่เป็น ต้องเติมครีมเทียม ไซรัป น้ำตาล บีบวิปครีมตลอด

คนหลายประเทศมีพฤติกรรมติดรสหวาน ไม่อย่างนั้นขนมหวานคงไม่ขายดีทั่วโลกหรอกค่ะ แต่คนไทยอย่างเราๆ เรียกว่าติดหวานเป็นพิเศษ!

ทั้งขนม อาหาร ( เช่นก๋วยเตี๋ยวที่เทน้ำตาลลงไปเป็นช้อนๆ ) ก็ลามไปถึงเครื่องดื่มด้วย ถ้าเธอเคยสั่งน้ำปั่น น้ำหวานตามร้านข้างทาง บางร้านหวานจนแทบจะต้องบ้วนทิ้ง ลูกค้าบางคนก็ขอรีเควสต์ให้หวานจัดๆ 100% 150% ไม่ห่วงไขมันและเบาหวานในอนาคตกันเลย #หมอยืนเท้าสะเอวแล้วนะ



นอกจากชานมไข่มุกสุดฮิตที่มีทั่วทุกหย่อมหญ้า เครื่องดื่มคู่หูคู่ใจวัยมหาลัยและวัยทำงานอย่าง ' กาแฟ ' ก็หายากมากที่จะมีคนดื่มกาแฟดำเพียวๆ ส่วนใหญ่จะบอกว่ากินไม่เป็น ต้องขอเติมไซรัป นม ครีมเทียม น้ำตาลลงไปสักหน่อยก็ยังดี ซึ่งนั่นอาจหมายถึงแคลอรีส่วนเกิน 100 แคลอรี++ ในทุกๆ แก้วที่ดื่ม


ใครดื่มเยอะกว่าหนึ่งแก้วก็คูณเลขกันไป ดื่มไปดื่มมาอาจพลังงานพุ่งกว่าข้าวไปแล้วก็ได้ ก็นั่นแหละค่ะสาเหตุที่น้ำหนักทะยานขึ้นแบบเงียบๆ แถมด้วยไขมันในเลือด ความดัน เบาหวานอีกมากมาย




ดังนั้นพยายามดื่ม

' กาแฟดำแบบไม่ใส่อะไรเลย '

ให้ได้ รับแค่คาเฟอีน ไม่ต้องรับแคลอรีเข้าไปด้วย ดีต่อสุขภาพกว่า ช่วงแรกอาจจะขมหน่อยแต่เดี๋ยวก็ชิน

หรือถ้าโหยหาความหวาน ใส่น้ำตาลเทียมหรือสตีเวีย ( หญ้าหวาน ) แทนจะดีต่อหุ่นมากกว่านะคะ



3. ปล่อยให้ท้องร้องระหว่างมื้ออาหาร ' นานเกินไป '

เดี๋ยวนี้เทรนด์ลดน้ำหนักที่กำลังมาแรง คงหนีไม่พ้นการทำ IF อย่างที่อธิบายไปแล้วในข้อบนๆ ซึ่งข้อดีคือการอดอาหารเว้นระยะที่เหมาะสม ทำให้ฮอร์โมนหิวหยุดหลั่ง ร่างกายเบิร์นไขมันเก่าที่สะสมไว้ ทำให้น้ำหนักลด หุ่นดีขึ้นได้จริง


แต่มันก็มีหลักการของมัน คือต้องเริ่มอดจากเวลาน้อยๆ ก่อน เช่น 16/8 ( กิน 6 อด 18 ) วิชาแกร่งกล้าแล้วค่อยขยายเวลาให้นานขึ้นเป็น 20/4, 23/1 หรืออด 24 ชั่วโมง 72 ชั่วโมงก็ว่ากันไป เพราะจะได้ไม่เกิดอาการ ' ตบะแตก ' นั่นเอง



แม้จะทำ IF ที่บางคนคิดว่า' อดแล้ว จะกินอะไรก็ได้ 'แต่ที่จริงก็ยังต้องคุมอาหาร กินของที่มีประโยชน์ คาร์บต่ำ ไขมันต่ำ โปรตีนสูง หรือเรียกง่ายๆ ว่าควรจะกินคลีนอยู่ดีเพื่อให้น้ำหนักลดลง

ในทางกลับกัน ถึงเธออดนานเป็นวันๆ กะว่าร่างกายใช้ไขมันเก่าหมดแล้ว พอถึงเวลากิน ซัดพิซซ่า ไก่ทอด ไอติมถ้วยใหญ่ อันนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เสี่ยงจะกินเกินลิมิต น้ำหนักพุ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป



วิธีง่ายสุดที่อยากแนะนำคือเว้นระยะมื้อทุกๆ 3-5 ชั่วโมง ( เป็นเวลาที่กระเพาะย่อยหมดพอดี )แบ่งแคลอรีให้ไม่เกินที่ได้รับต่อวัน เน้นของมีประโยชน์ คาร์บเชิงซ้อน โปรตีน ผักผลไม้สด เท่านี้ก็กินได้เรื่อยๆ ไม่โหย ไม่ทรมาน ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สวิง น้ำหนักก็จะลดลงตามปกติแล้วค่ะ


4. คิดว่าขนมสูตร Sugar-free ไม่มีน้ำตาล ไม่อ้วน ก็กินได้ไม่อั้นสิ!

สาวๆ หลายคนติดกับดักคำว่า ' Sugar-free ' ( ไม่มีน้ำตาล ) โดยไม่รู้ตัว เช่น ลูกอมชูการ์ฟรี ขนมปังกรอบชูการ์ฟรี โปรตีนบาร์ชูการ์ฟรี ซึ่งก็จริงที่ว่ามันไม่มีน้ำตาลฟอกสี แต่สิ่งที่ตามมาคือรสชาติเฝื่อนๆ แปลกๆ กินแล้วไม่ค่อยอิ่ม

มีแนวโน้มที่จะกินมากกว่าปกติจนเกินแคลอรีต่อวัน โดยเฉพาะพวกน้ำอัดลม 0 แคลอรีที่ไม่ใส่น้ำตาลจริง แต่ใส่แอสปาร์แตมหรือหญ้าหวานแทน ก็เสี่ยงทำให้อ้วนได้เช่นกัน เสี่ยงมากกว่ากินขนมด้วยซ้ำไป




นั่นเป็นเพราะว่าน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเทียม เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะกระตุ้นอินซูลินในเลือดอย่างรุนแรง และยังเพิ่มรสชาติในการลิ้มรสความหวานด้วย จึงทำให้หลายคนที่ดื่มไม่จบที่เครื่องดื่ม แต่รู้สึกอยากหาขนมหวานๆ มากินคู่กัน



เช่น ขนมถุง ไอติม ช็อกโกแลต คุกกี้ เค้ก ป๊อบคอร์นคาราเมล คือตัวน้ำอัดลมเพียวๆ น่ะไม่อ้วนหรอก แต่ตัวแถมที่เธอกินคู่กับมันอยู่ทุกวันนี่สิ จะไม่ให้อ้วนยังไงไหว



5. ระหว่างเตรียมอาหารมื้อหลัก ก็ ' เคี้ยวขนม ' ไปด้วย

เชื่อว่าหลายคนเป็นแบบไม่รู้ตัว ยิ่งตอนที่กำลังทำอาหารมื้อหลักแต่ตัวเองหิวจัด และเมนูนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา เช่น รอต้มน้ำ รออบสุก รอข้าวหุงเสร็จ ความหิวน่ะเนอะ ไม่เข้าใครออกใคร แค่ไม่กี่นาทีก็คุ้ยหาขนมเข้าปากได้


ขนมถุงนี่ตัวดี เชื่อว่าต้องมีหลายคนแหละ ที่กินจุบจิบเพลินจนพอมื้อหลักเสร็จ อิ่มขนมจนกินไม่ไหวแล้ว สุดท้ายต้องเทใส่ทัปเปอร์แวร์แช่ตู้เย็นไว้กินมื้ออื่นอยู่ดี = =



ที่จริงทางออกที่ดีที่สุด ก็ไม่ควรกินอะไรก่อนมื้อหลักนั่นแหละ แต่ถ้าห้ามใจไม่อยู่จริงๆ แนะนำให้มีผักผลไม้สดแคลอรีต่ำติดบ้านไว้ ระหว่างรอน้ำเดือด รอข้าวสุก เธอก็เคี้ยวเบบี้แครอทชิ้นจิ๋วๆ ลูกมะเขือเทศ แอปเปิ้ลเขียวสัก 2-3 ชิ้น

อย่างน้อยก็ยังได้กินอะไรที่มีรสชาติ แต่แทบไม่มีแคลอรี ไม่หนักท้อง กระเพาะพร้อมรับมื้อหลักได้อย่างเต็มที่ด้วยค่ะ



6. โหมออกกำลังกายหนักเกินไป เบิร์นไขมัน รีดแคลอรีทั้งวันทั้งคืน

mindset คนลดน้ำหนัก ( แต่ลดไม่ค่อยจะสำเร็จ ) หลายคนคิดว่า ยิ่งออกกำลังเยอะก็ยิ่งเผาผลาญเยอะ เพราะฉะนั้นต้องออกให้เยอะที่สุด แต่หารู้ไม่ว่า การฝืนกำลังตัวเองออกเยอะขีดจำกัดของร่างกาย จะทำให้ไขมันเพิ่มขึ้นไม่รู้ตัว!

หากสาวๆ มีความเครียดจากการใช้ชีวิต การทำงานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่มาออกกำลังเอาเป็นเอาตาย อาจมีโอกาสที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลพุ่งพรวด ซึ่งเป็นสาเหตุให้ร่างกายกักเก็บสะสมไขมัน แต่สลายกล้ามเนื้อเพื่อพลังงานแทน



ออกกำลังกายก็เหมือนคุมอาหารค่ะ น้อยไปก็ไม่เกิดผล มากไปก็อาจมีโทษย้อนหาตัวเองได้เช่นกันดังนั้นใครที่จองที่ 3-4 ชั่วโมงบนลู่วิ่งหรือเครื่องมือใดๆ ในฟิตเนส ลองลดเวลาและความเข้มข้นลง 45-90 นาทีต่อครั้งก็เพียงพอ แล้วเธอจะแปลกใจว่าทำไมออกกำลังน้อยลง แต่น้ำหนักกลับลด ของแบบนี้ต้องลองค่ะ

7. กิน ' โปรตีน ' เยอะเกินไป ( เช่น โปรตีนบาร์ ) ก็อ้วนขึ้นไม่รู้ตัวนะ!

จากที่เคยอ่านตำราไดเอทมามากมาย หลักการข้อนึงที่เรามักคุ้นตากันดีก็คือ ' โปรตีน ' คือฮีโร่ในการลดน้ำหนัก อยากผอม ต้องกินโปรตีนให้ได้เยอะๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะกินเยอะเท่าไหร่ก็ได้นะคะ

บางคนไปออกกำลังกายมาเหนื่อยๆ ซัดโปรตีนบาร์ 3-4 แท่ง ชงเวย์โปรตีนกินเป็นถังๆ เพราะคิดว่ากินเท่าไหร่ก็กลายเป็นกล้ามเนื้อแทน โอ้โนว โน้วโนว ไม่จริงเลยยย! แม้แต่สิ่งที่ดีที่สุด ถ้ากินเกินลิมิตที่กำหนด มันก็คือแคลอรี คือไขมันส่วนเกินได้เช่นกันค่ะ



โปรตีนบาร์ที่ขายๆ กันอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้ แทบจะไม่มียี่ห้อไหนพลังงานต่ำกว่า 180 แคลอรี ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 200-250 แคลอรีซึ่งแทบจะเท่าข้าวหนึ่งมื้ออยู่แล้ว ให้นึกภาพว่าเธอกำลังกินข้าวทั้งมื้ออัดแท่งในการกัดแค่ 3 คำ แล้วเธอจะขนลุกว่ารับพลังงานเกินไปเยอะขนาดไหน

ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเริ่มมีพุงทั้งที่ออกกำลังหนัก อาหารมันสำคัญแบบนี้ล่ะ! วิธีแก้ก็ง่ายมาก กินให้น้อยลง แท่งเดียวก็เกินพอแล้ว ยิ่งถ้าออกเสร็จแล้วจะไปกินข้าวต่อ ก็ไม่จำเป็นต้องกินโปรตีนบาร์ด้วยซ้ำค่ะ




----------------------------------


ไลฟ์สไตล์เด็กอ้วนทั้ง 7 ข้อ อ่านจบแล้วใครรู้สึกยิบๆ ในใจ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นพฤติกรรมของตัวเองบ้าง ถ้าใช่ก็ไม่แปลกใจที่จะอ้วนขึ้น เพราะเกินครึ่งในบทความนี้คือการกินเกินโควต้าล้วนๆ! แต่เราก็เข้าใจนะ ด้วยวัฒนธรรมคนไทยที่กินได้เรื่อยๆ กินได้ทุกที่ทุกเวลา มันต้องมีบ้างแหละที่ไดเอทอยู่ แต่เราก็อยากกินระหว่างมื้อ กินขนมชูการ์ฟรี กินระหว่างทำกับข้าว ออกกำลังกายหนักเกินพิกัดแล้วซัดโปรตีนชนิดที่กินได้ทั้งเดือน สุดท้ายร่างกายหาทางออกให้พลังงานมหาศาลไม่ได้ ก็มาจบที่น้ำหนักพุ่งนี่ละค่า T__T


สาวๆ คนไหนอยากกลับมา back on track จะคุมหุ่นอย่างจริงจังอีกครั้ง อย่างแรกก็ต้องเลิกทำสิ่งเหล่านี้ มี food diary จดอาหารทุกอย่างที่เข้าปากอย่างเคร่งครัด กินทุกอย่างให้พอดี ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม แม้จะใช้เวลานานหน่อย แต่สุดท้ายน้ำหนักจะค่อยๆ กลับมาเข้าที่แน่นอน เป็นกำลังใจให้ทีมอยากผอมทุกคนค่ะ ฮึบๆ!! (*¯ ³¯*)♡


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้