1. SistaCafe
  2. แบกกล้อง!! ท่องไปกับโอซาก้า เที่ยวญี่ปุ่นแบบมือโปรให้ครบทุกโลเคชั่น 6 วัน 5 คืน ( EP.2 )

今日は คอนนิจิวะเป็นยังไงกันบ้างคะกับ EP.1 ที่ทางเราได้รีวิวไป


บอกเลยว่าแค่ 2 วันแรกก็ตะลุยกันอย่างหนักหน่วง วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปตะลุยกันต่ออีก 4 วันที่เหลือแอบกระซิบก่อนเลยว่ารอบนี้ไม่ได้เที่ยวแค่ในเมืองเราจะพาเพื่อนๆ ไปเมืองเก่าแก่อย่างเกียวโต เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งมรดกโลก พาไปเสพบรรยากาศที่นู่นและพกกล้องฟิล์มไปถ่ายด้วย บรรยากาศเก่าๆ กับกล้องฟิล์มเค้าเป็นของคู่กันอยู่แล้วอะเนอะ  เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่าว่าแพลนวันต่อไปจะเป็นยังไงบ้าง


Day 3 ( Gyukatsu Motomura ร้านเนื้อชุบแป้งทอด >> Tempozan Giant Ferris Wheel )

ออกจากโรงแรมปุ๊ปหิวปั๊ป ทางเราก็มุ่งหน้าไปยังร้านเป็นร้านเนื้อชุบแป้งทอด ใครสายเนื้อห้ามพลาด ร้านนี้เป็นร้านดังที่ควรลงลิสไปกินปัจจุบันเค้ามีสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่วันนี้ทางเราจะพาเพื่อนๆ มากินสาขา Numbaซึ่งห่างจากโรงแรมเราแค่ 1 สถานีเท่านั้น


โดยเนื้อที่ทางร้านนำเสิร์ฟจะอยู่ในระดับแรร์ที่นำมาชุบเกล็ดขนมปังทอด เสิร์ฟพร้อมเตาร้อนๆ ให้เรานำไปปิ้งที่เตาอีกทีโดยทริคที่จะทำให้อร่อย ก็คือแช่เนื้อค้างไว้ที่เตาร้อนๆ ข้างละ 1 นาทีแล้วกินคู่กับข้าวสวย บอกเลยว่าอร่อยแบบละมุนลิ้นมาก~


เวลาเปิด– ปิด : 11.00 –  23.00 น.

การเดินทาง: สถานี Numba ( Exit 19 )



กินอิ่มแล้วเรามาต่อกันที่“Tempozan Giant Ferris Wheel”นั่งชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานชมวิวกันสักหน่อย  เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักจะปักหมุดไปที่นี่กัน เพราะเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโอซาก้า มีความสูงถึง 112.5 เมตร และสามารถดูวิวรอบๆ ได้แบบ 360 องศาค่าเข้าชม 800 Yenเท่านั้น


ซึ่งชิงช้าสวรรค์มีให้เลือก 2 กระเช้าให้เลือกคือแบบพื้นใสที่สามารถมองเห็นวิวข้างล่างได้แต่ก็จะเสียวๆ หน่อยกับพื้นธรรมดาซึ่งทางเราเลือกนั่งกระเช้าแบบพื้นธรรมดา เนื่องจากพื้นใสต้องรอคิวประมาณ 30 นาที แต่จะบอกว่าวันที่เราไปลมค่อนข้างแรงเลยทีเดียว ทำให้พอกระเช้าลอยขึ้นสูง แล้วมันโยกเยก ตอนนั้นกลัวมาก คงไม่ขึ้นไปอีก  ขึ้นไปงอแงมากเวอร์ ฮือ~


เวลาเปิด– ปิด : 11.00 – 22.00 น.

การเดินทาง: จากสถานีรถไฟ Asakako Station ( Exit 1 ) เดินประมาณ 15 นาที



ระหว่างทางที่เดินกลับสถานีรถไฟฟ้า ก็ขอแวะถ่ายภาพมุมนี้สักหน่อย

ช่วงที่เราไปเป็นฤดูใบไม้ร่วง

เลยได้หลายมุมไว้ลงไอจีเลยแหละ



ลืมบอกไปเลย ว่า

แถวนั้นเป็นแถวริมอ่าวโอซาก้า ลมค่อนข้างแรงให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ หน่อยน้า

อากาศตอนที่เราไปประมาณ 8-9 องศา แต่ถ้ามีลมก็จะหนาวกว่านั้นคูณสองเลย~



Day 4 ( Fushimi Inari Shrine วัดเสาแดง >> ย่าน Higashiyama )


ออกเดินทางในวันที่ 4 วันนี้เป็นวันที่เราจะอยู่เกียวโต เป็นการเดินทางข้ามเมือง จากโอซาก้า ไป เกียวโต ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเผื่อเวลาในการเดินทางซึ่งทางเราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. มุ่งหน้าไปยัง


Fushimi Inari Taisha

หรือที่รู้จักกันในนาม

" วัดเสาแดง "





ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือเสาโทริอิสีแดงส้ม ที่เรียงรายไปสุดลูกหูลูกตากันเป็นอุโมงค์

โดยเสาโทริอิก็มาจากการบริจาคจากผู้ที่มีศรัทธา อีกทั้งวัดเสาแดงหรือศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเป็นสถานที่ที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจำนวนมากอีกด้วย



การเดินขึ้นไปบนยอดเขา ใช้เวลาเดินไปและเดินกลับประมาณ 2-3 ชั่วโมง

หากใครที่จะมาควรมาเช้าๆ จะได้เผื่อเวลาไปที่อื่นได้ด้วย แต่ทางเราไม่ได้เดินขึ้นไปสุดยอดเขา ถ้าใครจะตามรอยเราก็สามารถทำได้ เพราะมีทางขึ้น-ลงอยู่เป็นช่วงๆ



เวลาเปิด - ปิด : เปิดตลอดทั้งวัน



การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Inari



มาลุยต่อกันที่ย่าน

Higashiyama Kyoto

ตลอดสองข้างทางในย่านฮิกาชิยาม่าเต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ ร้านขนมพื้นเมืองเกียวโต

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาย่านนี้ มักจะใส่ชุดกิโมโนกัน เพราะเป็นย่านเมืองเก่า และถ่ายรูปสวยใส่มาก็เข้ากับบรรยากาศอีกด้วย

หากใครอยากแต่งชุดกิโมโน ก็มีร้านให้เช่าอยู่มากมายในย่านฮิกาชิยาม่า



ย่านนี้เหมาะกับการควักกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายมากๆ ได้บรรยากาศย้อนยุคในเกียวโตได้เป็นอย่างดี ถ้าใครมีกล้องฟิล์มก็พกติดไม้ติดมือไปด้วยก็ดีน้า~



เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 18.00 น.


การเดินทาง : เดิน 10 นาที จากป้ายรถบัส Gojozaka  [สายรถบัส 100, 206]



Day 5 ( osaka castle ปราสาทโอซาก้า >> umeda sky building )

วันที่ 5 กันแล้วนะคะ จะเป็นวันที่ทางเราจะมาเก็บสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซาก้ากันต่อ สถานที่ที่เราเลือกในวันนี้เป็นที่แรกก็คือOsaka Castleหรือปราสาทโอซาก้านั่นเองซึ่งสถานที่นี้เป็นที่แรกๆ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะลงลิสต์ไว้ในแพลนเที่ยว หรือเรียกได้ว่า ถ้ามาโอซาก้าแล้วไม่มาปราสาทโอซาก้าถือว่ามาไม่ถึงทางเราก็ไม่พลาดที่จะไปตำ ส่วนเรื่องค่าเข้าชมภายในปราสาททางเราก็ไม่ได้เข้าไปชมปราสาทด้านใน ได้แต่เดินถ่ายรอบๆ ปราสาทก็จะครึ่งวันแล้ว เนื่องจากทางเข้าค่อนข้างไกล และก็เดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆ กว่าจะถึงตัวปราสาทก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยแหละแนะนำสำหรับใครที่จะตามรอยเรา ควรมาช่วงหน้าซากุระ เพราะที่นี่คือแลนด์มาร์กสำหรับในหน้าซากุระที่ต้องมาให้ได้เลยแหละเวลาเปิด - ปิด : 9:00 - 17:00 น.

หลังจากนั้นเราก็มาเก็บสถานที่ที่ 2 ที่ยอดฮิตอีกเช่นกัน นั่นก็คือ

Umeda Sky Building

ซึ่งที่นี่ก็เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกที่นึง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเช็คอินกัน ตึกนี้มีความสูงถึง 173 เมตร และมีทั้งหมด 40 ชั้นเลยแหละ เมื่อมาถึงแล้วให้ขึ้นไปยังชั้น 3 ของตึก เพื่อที่จะรอลิฟต์แก้วสุดหวาดเสียวลงมารับขึ้นไปยังชั้น 35 แล้วต่อด้วยบรรไดเลื่อนที่เป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อไปยังจุดขายบัตร

ซึ่งบัตรค่าเข้าชมวิวด้านบนราคา 1500 Yen



แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆ จะได้บรรยากาศมากกว่า วิวของตึกรามบ้านช่องต่างๆ ผสมไปด้วยแสงไฟ แต่หากไปตอนกลางวันแบบเราก็จะสวยไปอีกแบบนึง

เราสามารถดูวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว





เวลาเปิด - ปิด : 10:00 - 22:30 น.


การเดินทาง :

เดิน 9 นาทีจากสถานีรถไฟใต้ดิน Umeda สาย Midosuji Line ( Exit 5 )

Day 6 ( ถนนช้อปปิ้ง Shinsaibashi >> ย่าน Dotonbori >> สนามบินนานาชาติคันไซ KIX )

เดินทางกันมาถึงวันสุดท้ายแล้วนะค้า~ วันนี้จะเป็นวันที่ทางเราจะเดินทางกลับไทย ซึ่งไฟล์ทบินของเราคือ 5 ทุ่มครึ่ง เลยมีเวลาเที่ยวต่ออีกหน่อย จึงเลือกสถานที่ที่ใกล้กับที่พัก นั่นก็คือ

ถนนช้อปปิ้งShinsaibashiและ ย่านDotonbori

บอกเลยว่าวันสุดท้ายเป็นการตะลุยกิน และ ช้อปปิ้งกันอย่างหนักหน่วง

ซึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของย่านโดทมโบริก็คือ"ป้ายกูลิโกะแมน"

ที่ใครมาต้องถ่ายรูปเช็คอินกันแทบทุกคน และที่แห่งนี้จะคึกคักมากในยามค่ำคื่น ย่านนี้เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ตลอดทางเดิน

ของกินยอดฮิตที่เหล่านักท่องเที่ยวต่างก็ต้องไปตำนั่นก็คือขาปูยักษ์ , ทาโกะยากิ , เกี๊ยวซ่า , ดังโงะ , ราเมงข้อสอบส่วนย่านชินไซบาชิส่วนใหญ่จะย่านช้อปปิ้ง ตรงนี้แหละค่ะที่ต้องกำเงินในกระเป๋าให้แน่นที่สุด เพราะตลอดทางเดินมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านABC Mart ,Disney Store ,Sanrio Gallery , ร้านดองกี้นอกจากนี้ยังมีร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านรองเท้า อีกมากมายหลายแบรนด์ บอกเลยว่ามีล้มละลายแน่นอนจ้าเวลาเปิด - ปิด : แตกต่างกันตามร้านค้าการเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดิน Shinsaibashi สาย Midosuji Line ( เดิน 3 นาที )

สำหรับทริปเที่ยวของทางเราได้จบลงแล้ว เพื่อนๆ เป็นยังไงกันบ้าง ได้ตะลุยไปกับเราจนครบ 6 วัน

บอกเลยว่ามือใหม่หัดเที่ยวก็สามารถเที่ยวตามเราได้สบายๆ เลยเพราะการเดินทางไม่ยากมีรถไฟฟ้าอำนวยความสะดวกไว้หมดแล้วและสถานที่ที่ทางเราเลือกมาก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า แถมยังเป็นสถานที่ยอดฮิตของเหล่านักเที่ยวอีกด้วยทริปนี้บอกเลยว่าเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา ก่อนหน้านี้เราศึกษาแผนที่การเดินทาง แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว จองตั๋วต่างๆ ล่วงหน้าเป็นเดือน พอถึงวันเดินทางจริงเลยไม่หลงเราปล่อยใจไปกับธรรมชาติและการเดินทาง การที่เราได้เจอผู้คนใหม่ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ได้กินอาหารใหม่ๆ ได้ซึมซับบรรยากาศที่แตกต่างจากบ้านเรา รู้สึกสบายใจกับการออกเดินทางในครั้งนี้มากถ้ามีโอกาสจะวนกลับมาเที่ยวอีกนะ :)

ติดตามบทความ Ep.1

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้