ฮัลโหลเพื่อนๆ ทุกคนน
ช่วงนี้ทำงานหนักพักผ่อนเพียงพอกันบ้างรึเปล่าเอ่ย?
อย่าหักโหมและหันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันเยอะๆ นะคะ เพราะบางทีการที่เราทำงานมากไปก็อาจจะทำให้เราละเลยกลิ่นหรือสิ่งรอบๆ ตัวไปบ้าง
แต่เอ๊ะ! เพื่อนๆ น่าจะงงกันแล้วว่า
แล้วกลิ่นมันจะเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพได้ไง?
ดังนั้นค่ะซิสวันนี้เราเลยรวม
ข้อสังเกตร่างกายตัวเองจากการได้กลิ่น
ที่สามารถบ่งบอกถึง
อันตรายและปัญหาสุขภาพมาเล่าให้ฟัง
ว่า
ถ้าเราได้กลิ่นจาก 1 ใน 9 อย่างนี้ลอยมาแบบไม่เคยใช้ หรือมีอยู่แถวๆ นั้นมาก่อน
ก็ให้ระวังตัวกันไว้ก่อนเลย
เพราะเรื่องฟืนไฟหรือปัญหาสุขภาพไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ อยากรู้แล้วว่ามีกลิ่นอะไรบ้าง ซิสก็เตรียมจมูกให้พร้อมแล้วมาเริ่มดูที่กลิ่นแรกกันเลยดีกว่า
♡♡ 9 กลิ่นที่อาจนำมาซึ่ง “อันตราย” และ “ปัญหาสุขภาพ” ที่ไม่ควรมองข้าม ♡♡
1. กลิ่นขนมปังไหม้
การได้
“กลิ่นขนมปังไหม้”
อาจเป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพของ
Brain trauma อย่างเช่น โรคเนื้องอกในสมอง หรือ โรคหลอดเลือดสมองอย่าง stroke ได้
เกิดจากการที่
ทางเดินเลือดบางสายที่ไหลเข้าสมองถูกตัดขาดไป ทำให้คนไข้บางคนได้กลิ่นที่ไม่อยู่จริง (Phantosmia) และจินตนาการถึงกลิ่นที่ได้ดมว่าคล้ายๆ กับกลิ่นขนมปังไหม้
เรียกอีกอย่างว่า
olfactory hallucination คือมีอาการประสาทหลอนทางการรับกลิ่น
ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่สงสัยว่าตัวเองมีโอกาสเสี่ยง ขอแนะนำให้ลองไปหาหมอเพื่อตรวจดูก็ได้นะคะ จะได้สามารถรักษาได้ทันท่วงที
2. กลิ่นคาวปลา
มีวันไหนที่ได้
“กลิ่นคาวปลา”
แต่ไม่ได้ซื้อปลามาทำอาหารไหมคะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่า
เต้ารับปลั๊กไฟที่บ้านเกิดไฟไหม้ขึ้นมา หรือ white goods ที่บ้านทำงานหนักและร้อนเกินไป
โดย white goods คือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และเตาอบ
อาจทำงานมากเกินไปจนร้อน
ซึ่งต่อให้ได้กลิ่นแค่นิดเดียว เพื่อนๆ
ก็ควรรีบเดินหาที่มาของกลิ่นและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าจากตรงที่ได้กลิ่นออกให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดเพลิงไหม้
และรีบเรียกช่างมาดูดีกว่านะคะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดไฟไหม้ได้เลย
3. กลิ่นไข่เน่า
มีใครตดรึเปล่า?
“กลิ่นไข่เน่า”
เป็นอีกกลิ่นที่ควรระวังสำหรับบ้านใครที่ใช้เตาก๊าซ
เนื่องจากเตาก๊าซที่เราใช้ทำมาจาก Carbon monoxide ซึ่งเดิมทีก๊าซชนิดนี้เป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่น เราจึงสังเกตได้ยากหากก๊าซมีการรั่วไหลออกมา
ทางบริษัทที่ผลิตถังก๊าซจึงได้ใส่
sulphuric หรือ ก๊าซไข่เน่า เข้าไปเพื่อเตือนว่า ถ้าได้กลิ่นไข่เน่าแสดงว่าก๊าซในถังอาจเกิดการรั่วไหล
ให้รีบโทรเรียกช่างซ่อมบำรุงมาช่วยดูและรีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุดนะคะ
เพราะ Carbon monoxide เป็นก๊าซที่มีความอันตรายต่อร่างกาย และสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
หากมีการสูดดมเป็นระยะเวลานาน
4. กลิ่นแอมโมเนีย
เพื่อนๆ คนไหนเคยจะเป็นลมในงานกีฬาสีแล้วมีคนเอา
“แอมโมเนีย”
มาให้ดมบ้างไหมคะ? ขอบอกเลยว่า แอมโมเนียเนี่ยทำให้เราฉุนติดจมูกไปหลายนาทีมากก สำหรับเพื่อนๆ
คนไหนที่ได้กลิ่นแอมโมเนียหรือน้ำยาลอกสีในบ้าน ให้สันนิษฐานได้เลยว่า อาจจะมีซากสัตว์ที่มาตายอยู่ในบ้านก็ได้
เพราะไม่ว่าจะเป็น
สัตว์ชนิดไหนที่ตาย ก็สามารถสร้างกลิ่นที่ทำให้ความรู้สึกรำคาญใจได้
ไม่เพียงแต่ปัญหาจากกลิ่นเท่านั้น
เราอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาจากซากสัตว์ตายและแบคทีเรียที่กระจายตัวออกมาได้ด้วย
ดังนั้นถ้าได้กลิ่นแปลกๆ ของแอมโมเนียก็อย่าเฉย และรีบเดินหาต้นตอกันนะคะ
5. กลิ่นน้ำเชื่อม
มีใครขับรถแล้วไม่ค่อยได้เช็คหรือตรวจสอบเครื่องยนต์รถตัวเองบ้างคะ เราอยากแนะนำเลยว่าถ้ารถเสียกลางทางหรือมีปัญหา ถือเป็นเรื่องที่ลำบากมากสำหรับคนที่มีรถคันเดียว ยิ่งถ้าเพื่อนๆ ได้กลิ่นหวานๆ เหมือน
“น้ำเชื่อม”
ตอนขับรถอยู่นี่ไม่แน่ว่า อาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับรถของเราก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของสารหล่อเย็น
หรือเป็นไปได้ว่า
ตัวเครื่องยนต์ร้อนจัดมากก็ได้
ถ้าเกิดเพื่อนๆ เข้าใจการทำงานของรถยนต์คร่าวๆ ก็ให้ลองลอง
เปิดกระโปรงรถ เพื่อเช็คความผิดปกติดูเบื้องต้นก่อนได้ แต่ถ้าไม่ไหวอาจจะเอารถไปเข้าศูนย์เพื่อซ่อมและเช็คจะดีที่สุดค่า
6. ไม่ได้กลิ่น
ใน 5 ข้อก่อนหน้านี้พูดถึงการได้กลิ่นมาหมดเลย
แล้วถ้าเราไม่ได้กลิ่นทั้งที่ควรจะได้กลิ่นล่ะ?
มันหมายความว่ายังไง ในกรณีนี้สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ซึ่งถ้าการ
"ไม่ได้กลิ่น"
ของเพื่อนๆ
คือร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีอาการไอร่วมด้วย ก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะติดเชื้อโควิด 19 รึเปล่า
ดังนั้นถ้าเป็นแค่ในขั้นเริ่มๆ ก็ให้ลองสังเกตอาการของตัวเองดู
ว่าผิดปกติตรงไหนอีกรึเปล่า เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นได้ไปบอกคุณหมอ และตรวจเช็คร่างกายเพื่อรักษาได้ทันท่วงทีมากขึ้น
7. กลิ่นฉี่แมว
เอ๊ะ? ฉี่แมวกลิ่นเป็นยังไงน้า หลายๆ คนที่ไม่เคยเลี้ยงแมวอาจจะเกิดคำถามนี้ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งเราก็เหมือนกันค่ะ ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเพราะไม่เคยเลี้ยง แต่เขาว่า
“ฉี่แมว”
จะฉุนๆ เปรี้ยวๆ และมีกลิ่นแรงค่ะ ดังนั้น
ถ้าบ้านไหนไม่ได้เลี้ยงแมวแล้วได้กลิ่นแบบนี้แสดงว่าที่บ้านเราอาจจะมีราดำขึ้นได้
ส่วน
บ้านไหนที่มีแมว อาจจะต้องลองหาที่มาดูว่าถ้าไม่ใช่ฉี่น้อง ก็อาจจะมีราดำขึ้นที่บ้านรึเปล่า
ซึ่งการเกิดราในบ้านนั้น นอกจากจะ
ทำให้บ้านดูสกปรกแล้ว ยังอาจทำให้คนที่แพ้เกิดอาการหายใจไม่สะดวกและคลื่นไส้ได้ด้วย
วิธีแก้คือพยายามทำให้อากาศในบ้านถ่ายเทสะดวกขึ้นนั่นเองค่ะ
8. กลิ่นน้ำยาล้างเล็บ
ถ้าเพื่อนๆ
รู้สึกว่าลมหายใจของเราหวานๆ เหมือนผลไม้
คล้าย
“น้ำยาล้างเล็บ”
ก็ไม่แน่ว่า
เราอาจจะเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หรือ 2 ก็ได้
ซึ่งกลิ่นเหมือนน้ำยาล้างเล็บนั้นมาจาก
อะซิโตน ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาของคีโตนในตับที่ทำงานเพื่อย่อยไขมัน ส่วนใหญ่เพื่อนๆ จะได้กลิ่นนี้เวลาที่มีอินซูลินในเลือดต่ำ
ถ้าฟังแล้วเพื่อนๆ รู้สึกว่าอาการใกล้เคียงกับตัวเองอาจลองไปวัดระดับน้ำตาลในเลือดดูได้นะคะ
9. กลิ่นอัลมอนด์
ใครเคยดูหนังแนวสืบสวนหรือการ์ตูนชื่อดังอย่างโคนันคงต้องรู้จัก
cyanide ที่เป็นยาพิษที่ถ้าดมหรือลิ้นแตะโดนนิดเดียวก็สามารถตายได้เลย
เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า cyanide สำหรับบางคนมีกลิ่นเหมือนกับ
“อัลมอนด์ขมๆ”
ซึ่งคนที่สามารถได้กลิ่นอัลมอนด์ จาก cyanide ได้นั้น
ต้องมียีนด้อยหรือ recessive gene ซึ่งมีโอกาสแค่ 1 ใน 4 คนเท่านั้น
ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ
ได้กลิ่นอัลมอนด์ขมๆ จากอาหารที่ไม่มีอัลมอนด์ผสมอยู่เลยก็อาจต้องศึกษาเพิ่มเติม และหากมีความผิดปกติก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ
**✿❀❀✿**จบลงไปแล้วกับ9 กลิ่นที่อาจนำมาซึ่ง “อันตราย” และ “ปัญหาสุขภาพ” ที่ไม่ควรมองข้ามมีใครอ่านแล้วลองสูดดมกลิ่นรอบๆ บ้านบ้างไหมคะ อิอิยังไงการดมกลิ่นหรือสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากดังนั้นเราหวังว่าหลังจากนี้เพื่อนๆ จะสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบๆ ตัวจากการดมกลิ่นได้มากขึ้นนะคะแล้วก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพให้ดีๆ ด้วยล่ะไว้เจอกันใหม่ในบทความถัดไปนะคะ บ๊ายบาย~