[บทความนี้ใช้เวลาอ่าน 4 นาที]

#คุยกับตัวเองพื้นที่ของคนที่ชอบหาเวลาคุยกับตัวเอง เพื่อให้เกิดความคิดที่ตกผลึกก่อนไปสื่อสารกับคนอื่น

แต่จะคุยแบบเปล่งเสียงออกมาหรือไม่ก็ได้ ไม่ต้องกลัวใครมองว่าบ้า

เพราะบอกเลยว่าคนเราน่ะบ้ากันทั้งนั้น!

สำหรับ ep.7ว่าด้วยเวลาที่ต้องเลือกระหว่างคนที่เมื้อนเหมือนกับเรา พูดอะไรก็เข้าใจ เข้าขากันได้ดี กับคนที่เค้าช่างแตกต่าง ไม่คุ้นเคย แปลกใหม่ ตกลงว่าเราควรเลือกคนแบบไหนมาใช้ชีวิตด้วยกันกันแน่นะ ถ้าสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นกับคุณล่ะ คุณจะเลือกใคร !?

∞ ขาดเธอก็เหงา ขาดเขาก็คงเสียใจ

ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน..ถ้าเป็นเพียงเนื้อเพลงก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากแต่พอในความเป็นจริงมันยากเกินกว่าที่จะปล่อยให้คาราคาซังได้ หลายคนก็เลยมักจะเกิดคำถามขึ้นมาว่า เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกใครสักคนมาเป็นคนรักหรือเป็นคู่ชีวิตจริงๆ แล้วเราควรจะเลือกคนแบบไหน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตัวเลือกทั้งสองคนนั้นมีสิ่งที่นำมาตรฐานมาใช้วัดร่วมกันได้ยากมากเพราะมาในคนละแบบโดยสิ้นเชิง แต่ดันดึงดูดเราได้ทั้งคู่ อย่างคนที่เหมือนเราสุดๆกันคนที่ต่างกับเราอย่างสุดขั้วไปเลย

เพราะเมื่อลองชั่งน้ำหนัก ดูเสน่ห์ของคนที่เหมือนกันแล้ว มีใครบ้างที่ไม่ประทับใจในความเหมือนเวอร์ๆ นั้นเราย่อมรู้สึกว้าวที่มีคนคนนึงท่ามกลางคนเป็นล้าน ที่ชอบกินอะไรเหมือนเรา ชอบเที่ยวแบบเดียวกับเรา ใช้เงินไปในทิศทางเดียวกับเราหรือแม้แต่พื้นเพก็ไปในโทนเดียวกัน การเติบโตก็ใกล้เคียงกัน หูยอะไรจะเพอร์เฟ็คต์ขนาดนี้ เหมือนเราอีกคนในเวอร์ชั่นผู้ชาย เรียกได้ว่า มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดแบบนี้แน่ๆ เพราะอะไรน่ะหรอ.. เพราะชั้นก็คิดแบบนั้นอยู่น่ะสิ บี 1!

รูปภาพ:

แต่ในขณะที่เมื่อชั่งน้ำหนักเสน่ห์ของคนอีกคนซึ่งไม่เหมือนเราเลยคือต่างจากเราทั้งที่มา พื้นเพ การเติบโต มุมมองความคิดหลายๆ เรื่อง ต่างทั้งวิธีการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ความรู้ความสนใจ ความถนัด การเลือกตัดสินใจและอีกสารพันแต่กลับมีความดึงดูดอย่างประหลาด จะว่ามาเติมเต็มราวหยินกับหยางก็ได้ หรือจะเรียกว่าเป็นการเปิดโลกให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ใช้ชีวิตมุมใหม่ๆ ดูเป็นเรื่องที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นไปอีกก็ไม่ผิด

เจอแบบนี้เข้าไปเริ่มรู้สึกว่าตัดสินใจยากขึ้นมั้ย.. แต่ก็นั่นแหละโลกนี้ไม่ได้มีเพียงเนื้อเพลงที่ร้องว่า ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคนเพราะมันยังมีเพลงที่ร้องว่า‘ ไม่มีเบอร์หนึ่งถึงสองคน ’เพราะงั้นด้วยเหตุผลทางศีลธรรม ความสงบทางจิตใจ และการให้เกียรติกันและกันแล้ว ยังไงก็ต้องเลือกให้รู้แล้วรู้รอด

∞ เมื่อเก็บไว้ทั้งสองคนไม่ได้ ก็ต้องเลือก

เมื่อกี๊เราใช้เกณฑ์ความมีเสน่ห์มาเป็นเกณฑ์ช่วยเลือกแล้วถ้าจะไม่มองข้อเสียหรือสิ่งที่จะเกิดในแง่ลบบ้างเลยก็ใช่เรื่องเพราะเจ้าข้อเสียเหล่านี้ อาจทำให้การเลือกนั้นง่ายขึ้น มาถูกทางยิ่งขึ้นก็ได้นะ

ถ้าพูดถึงข้อเสียของคนที่เหมือนเราความจริงแล้วอาจไม่มีกฎตายตัวว่าคนที่เหมือนกันมักจะรู้สึกถึงข้อเสียกันและกันแบบนี้ แต่นี่คือสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้และเกิดขึ้นได้คืออาจมีความเหมือนกันจนรู้ไส้รู้พุงกันมากเกินไป หรือคิดเหมือนกันมากไปจนรู้ทันกัน กลายเป็นความต้องการที่ทำร้ายกันและกันเอง ตั้งแต่เคสที่เบาที่สุดคือแย่งกันกินสิ่งที่ชอบเหมือนๆ กัน ไปจนถึงเคสที่ร้ายแรงอย่างแย่งความดีเด่น ต้องการเอาชนะกัน ตีกัน หรือกระทั่งเบื่อในความเหมือนกันและกันไปในที่สุด( ถ้านึกไม่ออกว่าตีกันยังไง ให้นึกถึงกระทู้พันทิปที่เราชอบกดเข้าไปอ่านกันบ่อยๆ น่ะ )

รูปภาพ:

ส่วนในฝั่งที่ต่าง ผลกระทบก็จะไม่พ้นเรื่องทัศนคติไม่ตรงกัน เหนื่อยใจในความคิดความเชื่อที่ไม่ตรงกัน ชอบใช้ชีวิตกันไปคนละทิศละทาง คนนึงชอบเดินห้าง อีกคนชอบอยู่บ้าน คนนึงชอบกินอาหารจืด อีกคนขอรสจัดๆ คนนึงชอบช้อปปิ้ง อีกคนชอบเก็บเงิน จนเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วก็จะยอมแพ้ให้กับคำว่าปรับตัว เหลือเพียงเหตุผลที่ว่าเราต่างกันเกินไป เพราะเหนื่อยที่จะปรับทั้งตัวและใจเข้าหากันแล้ว

มาถึงตรงนี้ชั่งน้ำหนัก ข้อดีข้อเสียแล้ว ทำให้คุณพร้อมปล่อยมือข้างนึงไป และพร้อมที่จะกระชับมืออีกข้างให้แน่นขึ้น ได้บ้างรึยัง ?แต่ถ้ามันยังยากอยู่ เราลองมองข้ามช็อตจากความเหมือนและควมต่างนั้นไป อาจมองเห็นอีกเกณฑ์นึงที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้

และสิ่งนั้นมันก็คือ...

∞ ศีลรึเปล่า ? ศีลไม่เสมอกันรึเปล่า !?

ศีลเสมอกันหรือเคมีตรงกันอะไรทำนองนั้นแหละ ต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่าศีลเสมอกัน ไม่ได้หมายถึงต้องถือศีล 227 ข้อเท่ากัน หรืออย่างน้อยต้องศีล 10 ข้อ 8 ข้อ เท่ากัน เพราะเราไม่ใช่พระ แม่ชี หรือเณร!

แต่หมายถึงความคิด การกระทำ ที่มีทิศทางคล้ายๆ กัน อาจไม่เหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว แต่มุ่งไปให้เกิดผลลัพธ์เดียวกันยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น a เป็นคนบริหารจัดการเวลาในชีวิตอย่างดี ในหนึ่งวันเขาจะทำตามแผนของตัวเองได้ครบตามเวลาทุกกิจกรรมส่วน b มักจะมาก่อนนัดเสมอ หรือเผื่อเวลาในการเดินทางเสมอ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนานเกินไปแม้ว่ารายละเอียดเรื่องเวลาของทั้งคู่ต่างกัน แต่แสดงให้เห็นว่าความเสมอกันคือทั้งคู่ต่างก็ให้ความสำคัญกับเวลาและการรักษาเวลาเป็นที่หนึ่ง

หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ C เชื่อในการรักกับคนเพียงคนเดียว ไม่นิยมการคบซ้อน มีกิ๊ก ส่วน D ไม่ได้ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มองเป็นเพียงสีสันในชีวิต ก็แค่ขำๆ เท่านั้น จริงจังซะที่ไหนไม่ต้องทำนายก็รู้ว่าในอนาคตผลจะออกมาเป็นยังไงต่อให้นิสัยเหมือนกัน แต่ความเห็นชอบต่าง การประพฤติชอบต่าง เคสนี้จึงถือว่าเป็นศีลไม่เสมอกันได้หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ว่าดีก็ดีพอๆ กัน ชั่วก็ชั่วเสมอกัน ก็อาจจะเห็นภาพมากขึ้น

รูปภาพ:

และต้องยอมรับว่า ต่อให้ศีลเสมอกันแค่ไหน ก็อาจต้องอาศัยอีกเงื่อนไขนึงควบไปด้วย ทำให้ความเสมอกันของศีลนั้นอยู่ได้นาน คงทนยิ่งขึ้นนั่นก็คือความรักและความเข้าใจจากคนทั้งสองคน

เพราะบางทีคำพูดที่ว่า รักชนะทุกสิ่ง มันใช้ได้จริงๆเมื่อรักมาเจอกับความเข้าใจ ต่อให้ต่างกันหรือเหมือนกันแค่ไหน ศีลเสมอหรือไม่เสมอกันเพียงใด หากแต่ละฝ่ายมีธงในใจที่จะทำความเข้าใจอีกฝ่าย และมองอีกฝ่ายด้วยความรักและความเมตตาได้อยู่เราจะพร้อมที่จะเข้าใจในความต่างนั้น เราจะมองความเหมือนนั้นเป็นเสน่ห์ที่ไม่รู้จบได้อยู่ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน โดยที่ไม่มีอะไรมากั้นเราได้เลย

เพราะงั้นเมื่อย้อนมาที่คำถามว่าควรเลือกใคร ระหว่างคนที่เหมือนเรา กับคนที่เค้าแตกต่างซะเหลือเกิน ก็อาจมองข้ามช็อต ให้ลึกขึ้นอีกนิด สังเกตความเป็นไปได้ของศีลที่เสมอกัน และดูต่อให้นานว่าความรักและความเข้าใจจะยังอยู่มั้ยเมื่อเวลาได้ผ่านเลยไปแล้วสิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้คุณเรดาร์ไม่พัง เลือกเส้นทางในการสานสัมพันธ์ได้แม่นขึ้น หรือแม้กระทั่งตอนจบคุณไม่ได้เลือกใครเลย เพราะมันยังมีบางสิ่งมากั้นระหว่างคุณกับพวกเขาอยู่ ก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดซักนิดเลย

- - - - - - - - - - - - - - - -แล้วคุณล่ะ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก จะใช้วิธีไหน เวิร์ครึเปล่าแล้วตกลงระหว่างคนที่เหมือนกับคนที่ต่างฝากคุยกับตัวเองแล้วมาบอกกันด้วยนะว่าเป็นคุณ จะเลือกใครจบ ep.7 เพียงเท่านี้ เจอกันใหม่ ep. หน้า บายจ้า ❤

เรื่อง :ภาพ :