" ตอนที่ 1 "

เด็กสาวคนหนึ่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียนของเธอ ดวงตาเรียวฉายแววแห่งความเบื่อออกมา เธอเบื่อชีวิตนักเรียนของที่นี่ เบื่อเสียงกรี๊ดกร๊าดแสนหนวกหูของบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องที่ชื่นชมเธอ และเบื่อคนคนหนึ่งที่เธอคิดว่าคงจะเป็นต้นเหตุของความเบื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาของเธอ

" พ่อคะ แม่คะ.... หนูจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น "”

เด็กสาวบอกความต้องการของเธอให้พ่อแม่ทราบหลังจากการสอบวันสุดท้ายเสร็จสิ้นไปได้เพียงไม่กี่วัน ด้วยฐานะทางบ้านที่เรียกว่าไม่ต้องทำงานก็ยังไม่อดตายนั้น ทำให้เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้

“ อิง ”

เด็กสาวอายุ 17 ปีผู้ไม่เคยคิดจะทำอะไรเป็นพิเศษได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นสมใจ

ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา อิงก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาติคันไซ อากาศภายนอกสนามบินค่อนข้างเย็นเมื่อเทียบกับหน้าหนาวของเมืองไทย เธอเดินไปติดต่อที่เคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่สนามบินเรื่องการส่งสัมภาระของเธอไปยังที่อยู่แห่งใหม่ที่เธอจะไปอยู่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

หลังจากที่ทำการย้ายสัมภาระของเธอไปที่หอที่พ่อและแม่ตั้งใจหามาให้เสร็จนั้น อิงจึงตัดสินใจลงไปเดินเล่นรอบ ๆ หอ

อันที่จริง ที่นี่จะเรียกว่าหอก็คงไม่ถูกนัก เพราะความกว้างขวางและสะดวกสบายของสถานที่ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นแมนชั่นที่มีขนาดเล็กแต่หรูในสายตาของคนญี่ปุ่นได้ไม่ยาก คงต้องยกความดีความชอบให้กับพี่ชายตัวดีของเธอที่ขยันหาข้อมูลจนได้ที่ดี ๆ อย่างนี้มาได้

เฮ้อ เย็นดีจัง คิดถูกแล้วที่มาที่นี่”

อิงหลับตาพูดกับตัวเองเบาๆขณะที่นั่งพักอยู่ที่สวนสาธารณะ เธอรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะอิสระที่เธอได้รับเมื่อยามที่เธอได้อยู่เพียงลำพังโดยที่ไม่ใส่ใจกับสายตาจากชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนภายในสวนที่จ้องมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ

ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่ง ผมซอยสั้นคล้ายผู้ชายเพื่อเพิ่มความคล่องตัว ดวงตาคมโตสีน้ำตาลไหม้แบบหญิงไทย และผิวสีน้ำผึ้งของเธอ ทำให้มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนต่างชาติแน่ ๆ แถมหน้าตาระดับเธอนั้นจะเรียกว่าเป็นสาวสวยสุดเท่ก็คงจะไม่ผิดอะไร แล้วจะไม่ให้ทุกคนมองมาที่เธอผู้มาใหม่ได้อย่างไรกัน

“ อ๊ะ นั่นใครกันนะ... คงไม่ใช่คนญี่ปุ่นแหงเลย... ”’

เด็กสาวหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาลอ่อนประกายทองที่เพิ่งไปย้อมมานึกอยู่ในใจเมื่อเธอได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเหม่อมองอะไรบางอย่างอยู่ที่เก้าอี้ในสวนสาธารณะเล็กๆ

ถ้าได้เป็นเพื่อนกันก็ดีสินะ ท่าทางคงอายุเท่ากับเรา แล้วถ้าได้เป็นจริงล่ะก็คราวนี้ล่ะจะได้ไม่มีคนมาดูถูกว่าชั้นอ่อนอังกฤษซะที

’

เด็กสาวได้แค่นึกหวังให้คนต่างชาติคนนี้มาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเธอ แต่พอคิดดูให้ดีแล้ว เด็กสาวก็มองว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็เพราะโรงเรียนของเธอ เป็นเพียงโรงเรียนเกรดบีธรรมดาที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย แถมยังไม่เคยมีประวัติว่ามีคนต่างชาติเข้ามาเรียนอีกด้วย ถึงจะได้ยินว่ามีแผนจะรับเด็กนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในปีนี้ก็ตาม แต่ใครจะมาเรียนโรงเรียนโนเนมแบบนี้ เธอสลัดความคิดเช่นนี้ออกจากหัวแล้วหันหน้าเดินกลับไปทำธุระของเธอต่อให้จบ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนมีแววเครียดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่คิดจะทำต่อจากนี้ ...เธอเองก็มีบางอย่างที่จะต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนเปิดเทอม ไม่เช่นนั้นเทอมนี้เธอคงไม่มีสมาธิให้กับการเรียนอย่างที่ตั้งใจเป็นแน่

หลังจากเด็กสาวคนนั้นเดินจากไปไม่นาน อิงก็เงยหน้ามองท้องฟ้าและลุกขึ้นยืนช้า ๆ

“ ฮึบ... เริ่มจะมืดแล้วแฮะ เดี๋ยวไปซื้อของมาทำกับข้าวกินดีกว่า ว่าแต่ที่นี่มืดเร็วจัง ไม่ยักเหมือนบ้านเราเลย” ” อิงพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ จากนั้นจึงเดินไปยังร้านขายของที่เธอพบระหว่างทางมาที่สวนแห่งนี้ หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อย เธอก็อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนทันที เพราะวันต่อไปนั้น จะเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนนั่นเอง

*********************

ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ   ตี๊”......

เสียงนาฬิกาปลุกส่งสัญญาณดังลั่นเพื่อปลุกเจ้าของของมันให้ฟื้นจากนิทรา

บี๊บ !”

อิงเอื้อมมือไปกดนาฬิกาให้หยุดปลุกอย่างเสียไม่ได้ เธอเพิ่งจะมาถึงที่นี่แค่เพียงไม่ถึงสัปดาห์ แม้ว่าเวลาจะต่างกันเพียงแค่ 2 ชั่วโมง แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนชอบนอนอย่างเธอรู้สึกว่ายังนอนได้ไม่เต็มอิ่มนัก และด้วยอากาศเย็นสบายในเดือนเมษา มันยิ่งทำให้เธอแทบไม่อยากออกจากผ้าห่มผืนหนาไปเลย

ถึงเวลาจะปาเข้าไป 7 โมงเกือบจะครึ่งแล้วก็ตาม อิงก็ไม่มีทีท่าว่าอยากจะลุกเลยสักนิด หากแต่เสียงดังปึงปังข้างห้องก็ทำให้เธอจำใจตื่นขึ้นมาจากที่นอนอันสุดแสนจะอบอุ่น อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น เธอเดินไปล้างหน้าล้างตาแล้วคว้าเครื่องแบบมาใส่ จากนั้นก็ไปหยิบนมสดในตู้มาดื่มเป็นอาหารเช้า

หลังจากเสร็จภารกิจเรียบร้อยเธอจึงหยิบกระเป๋าสะพายแล้วค่อยๆเดินไปโรงเรียนอย่างสบายใจ ขณะที่นักเรียนที่สวมใส่เครื่องแบบแบบเดียวกันอีกหลายคนกลับทยอยกันเดินเร็วขึ้นจนแทบจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง

เธอเดินมาถึงโรงเรียนแบบที่เรียกว่าฉิวเฉียดสุดๆ

“ อืม ห้องไหนนะ...ห้องนี้ล่ะมั้ง ” เธอเดินมองป้ายบอกชั้นปีหน้าห้องไปเรื่อย ๆ จนพบห้องเรียนของตัวเอง” แล้วเธอก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปก่อนเวลาโฮมรูมเพียงนิดเดียว จากนั้นอีกแค่เพียง 2 - 3 วินาทีต่อมาอาจารย์ประจำชั้นก็เข้ามาในห้องเรียน

“ นักเรียน ตรง เคารพ ”” เสียงหัวหน้าห้องดังขึ้นสั่งให้ทำความเคารพอาจารย์ประจำชั้น หลังจากที่สั่งให้ทุกคนนั่งลง คุณครูสาวก็เรียกอิงที่กำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะหาที่นั่งไม่ได้มาหน้าชั้นพร้อมกับแนะนำตัวเธอให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก

“ เอ่อ อิงซัง ครูเรียกอิงซังได้ใช่มั้ยจ๊ะ ชื่อของเธอมันอ่านยากไปหน่อยน่ะ ”” ครูสาวหันมาถามหลังจากที่พยายามอ่านชื่อจริงของอิงอยู่หลายครั้ง

อิงไม่ตอบอะไร เธอเพียงแต่พยักหน้าช้าๆ เท่านั้น

“ ทุกคนจ๊ะ นี่อิงซัง เธอเพิ่งมาจากประเทศไทยได้แค่ไม่กี่วัน เพราะงั้นทุกคนช่วยกันให้คำแนะนำเธอด้วยนะจ๊ะ ส่วนที่นั่ง เอ่อ อิงซังช่วยไปนั่งข้างๆ มิยาโมโตะซังแล้วกันนะ ”” หลังจากที่อิงเดินไปนั่งที่เรียบร้อยแล้วครูสาวก็หันมาบอกข่าวกับนักเรียนของเธอ “อ้อ ทุกคน อย่าลืมทำตัวดี ๆ นะ วันนี้ยังโชคดีที่ไม่มีการเรียนการสอน แต่อย่าให้รู้เชียวว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรกันแล้วก็อย่าลืมเรื่องสอบก่อนเรียนกันล่ะไม่งั้น... ”” ครูสาวไม่วายหันมาขู่ใส่นักเรียนห้องเธอ แน่ล่ะ ก็กิตติศัพท์ห้องนี้มันใช่ย่อยซะเมื่อไหร่

“ อ๊ะ นั่นมันเด็กคนนั้นนี่นา ว่าแล้วไม่ใช่คนญี่ปุ่นจริง ๆ ด้วย ย้ายจากประเทศตัวเองมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นกลางคันได้นี่แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็เรื่องภาษาล่ะน่ะ นี่ถ้าได้ยัยนี่มาติวให้ล่ะก็นะ หึๆๆ’ ” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนมองไปทางนักเรียนใหม่ที่กำลังเอาคางเกยกับโต๊ะเรียนอยู่เงียบ ๆ อย่างหมายมั่น

“ นี่ เธอ เธอ ชั้น คุมินะ มิยาโมโตะ คุมิ ยินดีที่ได้รู้จัก มีอะไรถามกันได้นะจ๊ะ ”” คุมิตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อน

“ .....อือ ”” อิงตอบกลับเบา ๆ ราวกับจะบอกปัดไม่ให้คุมิมารบกวนเวลานอนอันแสนมีค่าของเธอ อากาศอุ่นๆ ในห้องเรียนเนี่ย มันช่างสบายซะจนเธอเริ่มเคลิ้มแล้วพร้อมที่จะหลับได้ทุกเมื่อจนไม่มีความคิดจะตอบสนองไมตรีจิตของเด็กสาวข้างๆแม้แต่น้อย

“ .......ฮัลโหล ได้ยินชั้นมั้ยนี่ ” คุมิส่งเสียงเรียกขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ไร้ผล.....

นี่ขนาดวันแรก เจ้าหล่อนยังไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้างขนาดนี้เชียวหรือนี่ เธอคิดพร้อมกับ มองใบหน้าที่ฟุบหลับบนโต๊ะเรียนอย่างพิจารณา

คนอะไรสวยจัง ตาก็คม ผิวสีน้ำผึ้งนั่นอีก... น่าอิจฉาจังน้า เนี่ยหรอคนไทย เฮ้ย ไม่ใช่สิ เราจะไปอิจฉายัยนี่ทำไมนะ เราต่างหากที่สวยที่สุด...

“ ยะโฮ เป็นไงมั่ง ๆ ไม่เจอกันนานเลยนะ อ้าว แล้วนี่ใครกันหรอ เด็กใหม่ใช่มะ แล้วนี่แกจะจ้องเค้าอีกนานมั้ยอยากกินเค้าอยู่รึไง? ” เสียงของเพื่อนสนิทนาม นัทสึกิ ดังขึ้นข้างหลังเธอ แม้ว่าจะหมดช่วงโฮมรูมมาแล้วก็ตาม แต่เพราะชมรมของเธอมีซ้อมเช้าทุกวัน ทำให้เจ้าหล่อนได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องมาเข้าโฮมรูมนั่นเอง

คุมิหันกลับไปทำหน้าเบื่อโลกใส่เพื่อนรักของเธอ ไอ้ปากแบบนี้นี่เมื่อไหร่จะหายซะทีนะ

“ ไง มาแล้วเหรอยะ นึกว่าวันนี้แกจะโดดซ้อมซะอีก เนี่ยเหรอ นักบาสดาวรุ่ง แล้วใครจะกินใครกันฮะ ชั้นก็แค่สำรวจหน้าตาของเพื่อนใหม่แค่เนี้ย ””

“ แหมๆๆ แก้ตัวทันทีเชียวนะ ที่จริงตกหลุมรักเค้าใช่ม้า รู้หรอก เหอะ ๆ  แล้วอีกอย่าง มันมีเหตุหรอกย่ะ ชั้นถึงได้แหกขี้ตามาซ้อมเช้าได้น่ะ ”” นัทสึกิตอบกวนกวนพลางมองไปที่เพื่อนใหม่ ใจก็คิดถึงเหตุการณ์ต่อจากวันนี้ไป มันจะสนุกแค่ไหนกันน้า ในที่สุดก็จะมีคนเก่ง ๆ มาอยู่ในห้องเราแล้ว

“ ว่าแต่ นี่จะไม่แนะนำกันหน่อยเรอะ ชั้นไม่ได้เข้าโฮมรูมกะพวกเธอนะยะ แล้ว รีบปลุกเค้าดีกว่านะ จวนจะเริ่มเรียนแล้วนี่” ”

“ อือ เธอก็ปลุกเองแล้วกัน เมื่อกี้ชั้นลองแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักนิดนึง ”” คุมิตอบพลางมองไปที่อิง แล้วนี่ตกลงเค้าจะเรียนรึหลับล่ะนี่ เฮ้อ เห็นแล้วกลุ้มสาวสวยมองเพื่อนใหม่ฟุบหลับอยู่ได้เพียงครู่เดียว จู่ ๆ อิงก็ตื่นจากนิทรา พร้อมทั้งหันไปทางต้นเสียงที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมา

“ อือ... หวัดดี เราอิงเพิ่งย้ายมาจากไทยนะ ยินดีที่ได้รู้จัก จากนี้ไปฝากตัวด้วยนะ ”” อิงพูดรัวราวกับโปรแกรมมาให้พูดเช่นนี้ด้วยเสียงเบลอ ๆ ทำเอาเพื่อนรักทั้งสองคนสะดุ้งแล้วหันมามองทางต้นเสียงแบบงง ๆ

“ อ้ะ จริงสิ นี่กลุ่มทำเวรช่วงครึ่งเทอมแรกเธอทำความสะอาดแถบกระดานดำนะ อ้อ แล้วก็เราชื่อคุมินะ นี่นัทสึกิ มีอะไรถามเราได้เลย ”” คุมิที่ตั้งสติได้รีบบอกเรื่องที่ควรรู้ให้กับเพื่อนใหม่ ด้วยกลัวว่าเจ้าหล่อนอาจจะฟุบหลับไปอีกเมื่อไหร่ก็ได้

กริ๊งงง

”

เสียงกริ่งบอกเวลาเรียนในคาบแรกที่เริ่มขึ้น ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตะลึงของเพื่อนร่วมชั้น ก็รู้ว่าเด็กนักเรียนต่างชาติที่ย้ายเข้าโรงเรียนในช่วงม.5 ได้นี่ต้องไม่ธรรมดา แต่นี่ทั้งภาษา ทั้งวิชายาก ๆ ทั้งหลาย เธอกลับทำได้ง่ายราวกลับเป็นวิชาของเด็กประถม ทั้งที่ทุกคนอยากเข้าไปถามเรื่องต่างๆ จากเธอ แต่มาดนิ่งๆ ของเธอทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาชวนคุยนัก จะมีก็แต่พวกคุมินี่ล่ะ ที่เข้ามาชวนเธอคุยตั้งแต่ต้น เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งบ่ายสามโมงก็ถึงเวลาทำเวร… นักเรียนทุกคนแยกย้ายไปทำความสะอาดตามส่วนต่างๆ ของโรงเรียนที่ตนเองได้รับมอบหมาย พวกคุมิต้องลงไปทำความสะอาดลานอเนกประสงค์ด้านล่าง ส่วนอิงก็ทำความสะอาดกระดานอยู่ในห้อง

ในขณะที่เธอกำลังจะเอากล่องใส่เศษชอล์กไปทั้ง อิงก็พบว่าถังขยะของห้องได้ถูกยกเอาไปทิ้งซะแล้ว

“ อืม... เอาไงดี ทิ้งตรงหน้าต่างละกัน ลอยตามลมไปคงไม่มีอะไรหรอก ”” อิงมองกล่องในมือ แล้วเดินไปที่หน้าต่างแล้วเทเศษชอล์กในกล่องทิ้งลงไปเบื้องล่างทันที...

ฝุ่บ!”

เศษชอล์กทั้งกล่องที่อิงคิดว่าจะลอยไปตามลมแล้วนั้น กลับหล่นลงบนหัวของคุมิที่กำลังกวาดลานอเนกประสงค์ของโรงเรียนเต็ม ๆ

“ ย้ากกก ใคร ใครก๊าน บังอาจมาทำให้ผมสุดสวยของชั้นต้องเปรอะเปื้อน เมื่อวานเพิ่งจะไปทำมาหมาด ๆนะเนี่ยยย ”” คุมิเริ่มโวยวายพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองทางต้นเหตุ เมื่อเห็นว่ามาจากทางชั้นเรียนของเธอแน่แล้ว คนสวยขี้วีนก็ไม่รอช้า รีบจ้ำไปที่ห้องเรียนทันทีด้วยรู้ว่าคนที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดกระดานนั้นมีเพียงคนเดียว

ครืดดดด”

“ ยัยอิงงง เธอใช่มั้ยที่ทำกับชั้นอย่างนี้น่ะ ”” สาวสวยชี้ไปที่ผมของเธอที่บัดนี้เต็มไปด้วยฝุ่นชอล์กหลากสีเดินพุ่งตรงเข้ามาหาอิงด้วยความเร็วสูง แววตามาดมั่นหมายจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

“ ...หือ อ้อ ไปทำสีมาใหม่หรอ แปลกดีนะ ”” อิงที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ที่ตนก่อไว้กลับชมผลงานตัวเองแล้วเดินผ่านหน้าคุมิไปเฉย ๆ แล้วเริ่มต้นเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านทันที

หญิงสาวที่ตอนนี้ผมสีน้ำตาลแสนสวยของเธอกลายเป็นสีขาวเพราะฝุ่นชอล์กมองต้นเหตุเดินผ่านหน้าเธอไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาถึงความผิดของตัวเอง ด้วยความหงุดหงิดขั้นสุด เธอนึกแค้นในใจ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้าเมินเธอเลยสักครั้ง แต่ยัยนี่... คิดว่าเป็นเด็กต่างชาติแล้วคนจะยกโทษให้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทางซะล่ะ !

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านกัน บ้างก็ไปเข้าชมรม โดยเฉพาะชมรมกีฬาที่ฝึกซ้อมกันแทบทุกวัน แถมเป็นวันแรก ๆ ของการเปิดเรียน ทำให้นัทสึกิจำต้องไปเข้าประชุมกับชมรมของเธออย่างเสียไม่ได้

ระหว่างทางกลับบ้าน คุมิพบว่าอิงนั้น เดินไปทางเดียวกันกับหอของเธอ“ ยัยนี่บ้านอยู่ทางนี้งั้นหรอ ทางเดียวกันกะหอเรานี่นา ดีล่ะแบบนี้ลองตามไปดูดีกว่า เผื่อว่าจะได้เอาขี้หมาไปวางไว้หน้าบ้านให้เหม็นซะ หึ ๆ ”

เธอแอบตามไปเงียบ ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะเด็กใหม่ที่เธอหมายหัวจะแก้แค้นนั้น อยู่ห้องติดกันกับเธอ แต่เจ้ากรรม อยู่ ๆ อิงก็หยุดเดินแล้วหันขวับมาทางคุมิที่แอบอยู่ด้านหลังเธอ

“ เธอ ที่อยู่ห้องเดียวกันใช่มั้ย อยู่หอเดียวกันงั้นเหรอ ว่าง ๆ แวะมากินข้าวด้วยกันมั้ย? ” อิงทักขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ตามแบบฉบับของเธอ...

“ ย่ะ.. .”” คุมิตอบสั้น ๆ ด้วยความหงุดหงิดใจแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว

“ อ้าว พูดด้วยดีๆ ทำไมมาโมโหเราล่ะเนี่ย หนีเข้าห้องไปซะงั้น ” อิงมองประตูห้องของคุมิที่ถูกปิดลงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก็เดินเข้ากลับห้องตัวเองไปอย่างอารมณ์ดี เธอจำได้ลาง ๆ ว่าเด็กสาวข้างห้องคนนี้เป็นคนที่พยายามชวนเธอคุยทั้งวัน เพียงแต่พยายามนึกอย่างไรก็นึกชื่อไม่ออก และถึงแม้เธอจะยังจำชื่อไม่ได้ แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกสนใจในตัวคนคนนี้อย่างน่าประหลาด เธอรู้แค่เพียงว่ามันช่างเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับเด็กคนนั้นมากเลยทีเดียว