รวมลิงค์นิยาย : [ Missing Pieces เสี้ยวสาบสูญ ]
https://sistacafe.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D
⇐ คลิกอ่าน บทนำ
https://sistacafe.com/summaries/5242
Missing Pieces
บทที่ 1 - The First Light
แดดยามเช้าอาบไล้โรงเรียนกว้างใหญ่อย่างอ่อนโยน แสงจางส่องกระทบผิวน้ำสีเขียวของสระบัว แลเห็นฝุ่นละอองล่องลอยในไอแสง เด็กหนุ่มสาวในเครื่องแบบเดียวกันเดินหนาตาเพียงบริเวณประตูทางเข้าและโรงอาหารที่ส่งเสียงจอแจจนจับใจความไม่ได้ ขณะที่อาคารเรียนที่อยู่สองข้างฝั่งสระบัวยังดูเงียบสงบเหมือนยังไม่ตื่นจากการหลับใหล
คินวางข้าวของลงบนม้านั่งหินข้างสระบัวก่อนทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง น้ำหนักของสัมภาระไม่ได้เพิ่มจากวันอื่น ระยะทางจากรถไฟฟ้ามาโรงเรียนก็ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ แต่สายตาที่มองเห็นโลกใบนี้ผิดแปลกไปทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง
เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงเวลาเข้าแถว ฝ่ามือเรียวรูดซิปกระเป๋ากีตาร์ หยิบเครื่องดนตรีในนั้นออกมา ปลายนิ้วด้านขยับดีดโน้ตสองสามตัวแผ่วเบาราวเอ่ยคำทักทาย
เขาชอบความเป็นส่วนตัวของห้องเรียนมากกว่า ทว่าในเวลาเช่นนี้ คนที่มาถึงแล้วหากไม่ฟุบหลับกับโต๊ะก็คงอ่านหนังสือหรือทำการบ้านตามแบบฉบับที่เด็กเตรียมเข้ามหาลัยควรทำ หากไปเล่นกีตาร์บนนั้นคงเป็นการรบกวน ทั้งการได้จ้องมองระลอกคลื่นเล็กบนผิวน้ำพลิ้วไหวตามลมหรือการแหวกว่ายของสัตว์น้ำข้างใต้ก็ให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง
ปลายนิ้วซ้ายขยับกดคอร์ดเปลี่ยนไปตามช่องเป็นจังหวะลื่นไหลเสมือนการก้าวเดิน ท่วงทำนองเนิบช้าเปลี่ยวเหงาแผ่วเบาราวสายลมจางริมชายหาด เด็กหนุ่มเปล่งเสียงร้องด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
“เด็ก ๆ มีเกมหนึ่งเกมที่ทุกคนไม่ว่าใครเราต่างมีความสุขใจ ได้ซ่อนหากันไปกันมา...”
บทเพลงที่บรรเลงเอง กลับพาเขาย้อนกลับไปยามบ่ายของวันที่รู้สึกว่าผ่านเลยมานานมากแล้ว วันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มแต่ฝนก็ยังไม่ตกลงมา เขาเดินตามหลังเพื่อนสองคนข้างหน้า รับฟังบทสนทนาโดยไม่พูดอะไร เพียงฮัมเพลงกับตนเองแผ่วเบา
“...เราปิดตายืนนับถอยหลังค่อยลืมตาขึ้นมาต่างก็มีมุมลับที่เก็บซ่อนไว้ให้เราตามหา...”
ขณะที่ปล่อยตัวจมลงกับความว่างเปล่าของตัวเองเช่นนั้น
น้ำเสียงใสแผ่วเบาก็ดังขึ้น“พี่คิน”
สำหรับเขามันชัดเจน ดุจระฆังเงินที่สั่นพ้องขึ้นตรงหน้า
บทเพลงเปลี่ยวเหงาในใจพลันสงบนิ่ง
เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติมัดรวบตามกฎโรงเรียนทั่วไปส่งยิ้มดีใจมาให้ ดีใจแต่ก็มีความเคอะเขินในแววตา เขารู้จักเธอมานาน ไม่ได้บังเอิญเดินสวนกันแบบนี้ก็นานแล้วตอนนั้นเขาสงสัย ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของชีวิต เขาลืมรอยยิ้มนี้ไปได้ยังไงกันนะ?
เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความฝันเนิ่นนานด้วยเพียงเสียงเรียกแผ่วเบาเหมือนคนหลงทางอยู่กลางทะเลมืดมิดได้พบกับแสงบางอย่างตอนที่ลมหายใจใกล้หมดลงคินออกแรงเฮือกสุดท้าย เอื้อมมือออกไป
โดยไม่รู้เลยว่านั่นเป็นกับดัก อาจเป็นเพียงแสงของสัตว์ใต้น้ำบางชนิดที่หักเหส่องกระทบผลึกหิวแวววาวที่อยู่ลึกลงไปเบื้องล่าง
ไม่มีแสงสว่างแท้จริงอยู่ในที่แห่งนั้น
กว่าที่เขาจะรู้สึกตัว ก็จมลึกลงไปเกินกว่าจะย้อนกลับแล้ว
“...จนวันที่เราเติบโตมันไม่ได้ต่างกันไปถ้าอยากจะเจออะไรต้องเสาะหาให้ได้มันมามีสิ่งเดียวที่ฉันนั้นอยากจะพบทุกช่วงเวลา...”
เปล่งเสียงร้องอย่างเลื่อนลอยขณะที่ตัวเองหลุดลอยไปในความทรงจำไกลโพ้น
“”ก็คือความรักแท้ที่แอบซ่อนไว้ให้เราตามหา””
เสียงหนึ่งพลันดังสอดประสาน เสียงที่มีพลังและมีทั้งความร่าเริงของคนร้องกับความเหงาของบทเพลงผสานกันอย่างลงตัว ฉุดกระชากคินออกจากห้วงภวังค์ ปลายนิ้วยังคงดีดสายกีตาร์ เด็กหนุ่มหันมองด้านข้างที่ซึ่งผู้มาใหม่ยืนอยู่ นัยน์ตาสีนิลสองคู่สบประสาน
เด็กสาวตัวสูงเมื่อเทียบกับผู้หญิงไทยทั่วไป ผมสีน้ำตาลเข้มมัดรวบยาวเกือบถึงกลางหลัง ริมฝีปากอวบอิ่มขยับเป็นรอยยิ้มทั้งยังคงเปล่งเสียงร้องเพลง เบื้องหลังมีเด็กสาวผิวสีแทนอีกคน ทว่าเขาไม่อาจละสายตาจากคน ๆ นี้ได้เลย
“...ไปหลบอยู่ตรงที่ใด ใจฉันนั้นอยากจะรู้...”
เสียงของเธอสอดรับกับท่วงทำนองทุ้มต่ำของเขาอย่างลงตัว
สิ่งที่ช่วงชิงสายตาเขาไป ไม่ใช่ว่าเธองดงามจนใคร ๆ ต้องหยุดมอง เพียงความสวยงามเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรียกให้คินสนใจได้
แต่เป็นเพราะแสงที่ส่องประกายอยู่กึ่งกลางร่างกาย
คินหยุดเล่นกีตาร์โดยไม่รู้ตัว ได้แต่นิ่งมองแสงนั้น
ประกายสีม่วงแกมน้ำเงินหมุนวนอยู่ภายใน ทว่าสิ่งที่โดดเด่นออกมากลับเป็นสีแดงสว่างสดใส เหมือนคริสตัลสีแดงที่โอบล้อมแสงสีม่วงน้ำเงินหลากไล่โทนสีผสมผสานกัน ทำให้สีแดงที่เห็นนั้นไม่ได้ร้อนแรงแสบตา ทว่าเป็นสีแดงแกมม่วงหรือแดงอมชมพู ถึงอย่างนั้นกลับส่องประกายสว่างอย่างดึงดูด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีสีอะไรอยู่ภายใน แต่ก็รู้ว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับความสว่างของคนตรงหน้า ทว่าคินกลับหลงใหล เสมือนมีแรงดึงดูดประหลาด รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ามีบางสิ่งที่เขาขาดหาย เหมือนได้พบท่วงทำนองที่ขาดไป และยามนี้กำลังประสานกับบทเพลงของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
“อ้าว หยุดเล่นแล้วเหรอ ขอโทษที่มาขัดจังหวะ ไม่กวนละ”เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มพลางหันกลับไป คินเพิ่งสังเกตว่าเธอก็สะพายกีตาร์เช่นกัน
“ไม่ทันแล้วเจ้อัญเจ้ไปกวนเขาแต่แรกทำไมเล่า”เด็กสาวผิวสีแทนว่าก่อนผงกหัวเล็ก ๆ ให้เป็นเชิงขอโทษ แล้วเดินจากไปพร้อมกัน
อัญ...?
แม้สองคนนั้นจะเดินห่างไปหลายก้าวแล้ว คินยังไม่อาจละสายตาจากแผ่นหลังนั้นได้ หากปล่อยให้จากไปเช่นนี้โดยไม่ทำอะไร เขาจะได้พบเธออีกไหม
หากเธอมีหนึ่งในชิ้นส่วนที่เขาตามหาอยู่จริง ๆ เขาจะได้รับมันมาได้อย่างไร
“เจ้ว่าใช่พี่เขาป้ะวะ”
ถึงจะห่างออกไปแล้ว แต่เสียงพูดที่ไม่ได้เบาเท่าไหร่ ทั้งรอบกายก็มีแต่ความเงียบ ทำให้คินได้ยินค่อนข้างชัดเจน
“อยากรู้ก็ไปถามดิ”
“บ้าเหรอ เดี๋ยวพี่เขาก็ด่าให้หรอก ไปกวนเขาขนาดนั้นแล้ว”
“ไม่ด่าหรอก เออแต่ถ้าเป็นเค้าจริง ๆ ก็ดีนะ”
คินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
คนในบทสนทนานั่น...หมายถึงเขาหรือเปล่านะ?
คลิกอ่าน บทที่ 2 ⇒
https://sistacafe.com/summaries/5452