*~บทที่ 12~*

รุ่งเช้านันทวดีตกใจตื่นขึ้นมาตอนหกโมง เหตุเพราะเมื่อคืนเธอฝันร้ายเกี่ยวกับโชติวุฒิ ซึ่งในความฝันหล่อนถูกเขาขับไล่ให้ออกไปจากชีวิต โดยชายหนุ่มได้ผลักเธอให้ล้มลงไปกับพื้น จากนั้นเขาจึงเดินไปหาใครอีกคนหนึ่ง โชติวุฒิกุมมือบุคคลผู้นั้นเอาไว้ ราวกับว่าอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ครั้นเมื่อนันทวดีเหลือบมองไปที่บุคคลผู้นั้น กลับพบว่าเป็นผู้ชายเช่นเดียวกันกับสามีของเธอ หญิงสาวกรีดร้องลั่น ก่อนที่จะกระเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน

มิสเตอร์หว่อง...” หล่อนพึมพำ พลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

หญิงสาวมองหาสามี แล้วพบว่าขณะนี้เขากำลังอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างกับสิ่งที่เห็นว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้นันทวดีนิ่งนอนใจลงได้เกี่ยวกับบุคคลปริศนาที่มาเยือนแม้ในยามหลับ

ครั้นพอโชติวุฒิขับรถออกจากบ้านไป เจ้าหล่อนจึงได้ทีรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอแอบบันทึกเบอร์ของมิสเตอร์หว่องเอาไว้ ทีนี้หญิงสาวก็จะได้รู้เสียทีว่าบุคคลปริศนาผู้นี้เป็นใคร แล้วทำไมสามีของเธอถึงได้ให้ความสำคัญนัก

นันทวดีเปิดเบอร์ที่บันทึกเอาไว้ออกมา โดยหญิงสาวใช้ตัวอักษรอย่าง ว.แหวน เป็นชื่อย่อในการบันทึก สำหรับช่วงเวลาที่เธอต้องกระทำการอย่างเร่งรีบ หล่อนเปิดเลขหมายนั้นขึ้นมาแล้วจัดการต่อสายโดยทันที ทำให้สัญญาณโทรศัพท์ของเธอมุ่งตรงไปยังเจ้าของหมายเลข...

ช่วงเวลาที่เร่งด่วนอย่างในช่วงเช้าของวันจันทร์ วาดลัดดารีบรุดขึ้นบันไดมายังชั้นห้าของอาคารเพื่อให้ทันเรียนวิชาในคาบแรก หญิงสาวมาถึงห้องก่อนพิมพ์ประภัสร์เล็กน้อย หล่อนฉีกยิ้มให้พี่สาวเป็นเชิงว่ามาถึงแล้ว และขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

วาดลัดดาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากเครื่องโทรศัพท์ เจ้าหล่อนรีบหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋า แล้วกดปุ่มรับสายทันที ก่อนที่พี่สาวของตนจะได้ยิน

“ สวัสดีค่ะ ” เธอกล่าวทักทายหลังจากกดรับ

“ เอ่อ...ไม่ทราบว่านั่นใช่เบอร์ของ มิสเตอร์หว่อง หรือเปล่าคะ ?? ” คนในสายถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ ใครนะคะ ?? มิสเตอร์หว่อง ?? ไม่ใช่ค่ะ...คุณคงโทรฯ ผิด ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้มาก่อน!! ” นักศึกษาสาวกล่าวปฏิเสธด้วยท่าทีงุนงง ก่อนที่จะกดปุ่มวางสาย จากนั้นจึงจัดการตั้งค่ามือถือให้เป็นระบบสั่น เพราะเห็นว่าอาจารย์สาวกำลังจะเริ่มสอนแล้ว

ทางด้านนันทวดี หญิงสาวรู้สึกแปลกใจในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะยังไม่ทันที่หล่อนจะได้พูดอะไรต่อก็ถูกอีกฝ่ายตัดสายลงไปอย่างดื้อๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าหล่อนได้รับรู้หลังจบการสนทนานี้ก็คือ มิสเตอร์หว่องไม่ใช่ผู้ชาย นั่นหมายถึงภรรยาสาวเริ่มสงสัยกับปริศนาที่สามีของเธอได้สร้างขึ้น บางทีเขาอาจมีอะไรบางอย่างปิดบังเธออยู่ โดยเฉพาะคำตอบจากผู้หญิงในสายที่บอกว่าไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อมิสเตอร์หว่องมาก่อน

ความสงสัยและความหวาดระแวงค่อยๆ คืบคลานผ่านเข้ามาจับเข้าที่ร่างของนันทวดี บางทีมิสเตอร์หว่องคนนี้อาจจะเป็นเพียงตัวละครสมมติที่โชติวุฒิสร้างขึ้นเพื่อปิดบังอะไรบางอย่าง หรืออาจเฉพาะกับเธอก็ได้ และเพื่อความแน่ใจ เธอจึงไม่รีรอที่จะรีบโทรศัพท์กลับไปหาบุคคลที่อยู่ปลายสายอีกครั้ง...

วาดลัดดาสะดุ้งโหยงทันทีที่มีสายเรียกเข้า เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพราะแรงสั่นของมันทำให้สะเทือนไปทั้งโต๊ะ ครั้งนี้สาวน้อยดูเลขหมายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ พลางพึมพำกับตนเองอย่างสงสัย เมื่อเห็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ต่อสายเข้ามา นักศึกษาสาวนึกย้อนขึ้นได้ว่า น่าจะเป็นเบอร์ของบุคคลที่ต่อสายมาเมื่อสักครู่

“ วาด!! ” พิมพ์ประภัสร์ร้องเรียกน้องสาวอยู่ทางหน้าห้อง พลางใช้ไม้เคาะกระดานเพื่อให้เธอสนใจ

วาดลัดดามองดูพี่ของตนที่ยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของพิมพ์ประภัสร์ดูราวกับกำลังเตรียมตัวตำหนิเธอทันทีที่รับสาย สาวน้อยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกดปฏิเสธ แล้วปิดเครื่องโทรศัพท์ลงในบัดดล

คราวนี้นันทวดีถึงกับประหลาดใจหนักกว่าเก่า เพราะบุคคลที่เธอต้องการจะเรียนสายไม่ใช่แค่กดปฏิเสธอย่างเดียว แต่กลับปิดเครื่องหนีด้วย...นี่มันอะไรกัน ?? มีใครจงใจแกล้งเธอหรือเปล่า ??

หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าจวนเจียนเวลาที่จะต้องไปดูร้านคัพเค้กแล้ว เจ้าหล่อนจึงต้องพักเรื่องราวเหล่านี้ไว้ จากนั้นจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมการปฏิบัติหน้าที่หลัก

ทางด้านวาดลัดดา หลังจากที่เห็นว่าพี่สาวเลิกสนใจตนแล้ว เธอจึงแอบหยิบถุงใส่มะม่วงขึ้นมาจากกระเป๋า แล้วค่อยๆ บรรจงกัดเพื่อลิ้มรสชาติของมันอย่างเอร็ดอร่อย

“ ยายวาด...ไม่แบ่งกันเลยนะ ” เพื่อนสาวจากทางด้านหลังร้องทักขึ้น เมื่อเห็นเธอนั่งรับประทานผลไม้ยั่วน้ำลาย

“ ขอมั่งสิ…เร็ว!! เดี๋ยวอาจารย์เห็น ” เพื่อนอีกคนเร่ง สาวน้อยจึงรีบหยิบมะม่วงในถุงส่งให้เพื่อนของเธอทั้งคู่ แต่เพียงแค่ชิ้นมะม่วงสัมผัสปลายลิ้นของหญิงสาวทั้งสองเท่านั้น พวกเธอก็ถึงกับเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เหตุเพราะมะม่วงที่ดูโอชารสชวนให้น้ำลายสอ กลับมีรสชาติที่เปรี้ยวเข็ดฟันราวกับผลมะนาว

“ วาดดด...เธอกินเข้าไปได้ยังไง ?? เปรี้ยวมากกก!!! ” เพื่อนสาวเอ็ด

“ เหรอ ?? ฉันว่าอร่อยดีนะ ” สาวน้อยบอกด้วยท่าทางแช่มชื่น ราวกับว่าเธอมีความสุขที่ได้รับประทาน

ทางด้านคณิตที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับมองดูนักศึกษาสาวอย่างเป็นกังวล เขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวของเธอ พักนี้วาดลัดดาอ่อนเพลียง่ายแถมจมูกไวเป็นพิเศษ ยิ่งพักหลังๆ ก็ชอบทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอยู่บ่อยๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่แอบภาวนาอยู่ในใจเพื่อไม่ให้สิ่งที่เขาคิดไว้เกิดขึ้นกับเธอ สาวน้อยยังเด็กเกินไป อีกทั้งยังไม่พร้อมที่จะต้องมารับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้

เวลาเดินเข้าสู่ช่วงพักเที่ยง ทั้งพิมพ์ประภัสร์ วาดลัดดา และคณิต ต่างมารับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์การค้ากลางเมืองเหมือนอย่างปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมนั้นก็คือ วาดลัดดากลับไม่พิสมัยอาหารที่เธอสั่งเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่ชอบทานอยู่เป็นประจำ อย่าง สปาเก็ตตี้ขาหมูรมควัน อาหารจานเด็ดของร้านที่ขึ้นชื่อ ทว่าหนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งกลิ่นไหม้จากขาหมูที่ย่างสุก และความเลี่ยนของเส้นสปาเก็ตตี้ หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความแห้งผากจากลำคอโดยทันที เมื่อค่อยๆ กลืนอาหารลงไป และไม่ทันที่เนื้อหมูชิ้นแรกจะตกลงถึงกระเพาะ สาวน้อยกลับลุกขึ้นกระวีกระวาดไปเข้าห้องน้ำเพื่อสำรอกเอาอาหารของเมื่อวาน และสิ่งที่เธอเพิ่งทานเข้าไปเมื่อครู่ออกมา

ทั้งคณิตและพิมพ์ประภัสร์ต่างมองหน้ากัน อาจารย์สาวและลูกศิษย์หนุ่มได้แต่งุนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น หญิงสาวไม่เข้าใจถึงอาการที่น้องของเธอเป็น บางทีวาดลัดดาอาจเกิดการสำลัก หรืออาจเกิดจากอาหารเป็นพิษขึ้นมาอย่างเฉียบพลันก็เป็นได้ ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงลุกขึ้นตามสาวน้อยเพื่อไปดูอาการ แต่ทางฝ่ายคณิตกลับไม่คิดอย่างนั้น ชายหนุ่มรู้โดยทันทีว่าเพื่อนของเขาเป็นอะไร บัดนี้วาดลัดดาไม่ใช่หญิงสาวตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว เธอกำลังมีชีวิตน้อยๆ ที่เพิ่งปฏิสนธิถือกำเนิดเกิดขึ้นในท้อง หล่อนตั้งครรภ์ และกำลังจะเป็นแม่

คณิตเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของหญิงสาว ถ้าหากพิมพ์ประภัสร์และแม่ของเธอรู้เข้าจะทำอย่างไร สาวน้อยจะมีโอกาสได้เรียนต่อหรือไม่ แล้วเขาจะต้องทำตัวเช่นไรเมื่อถึงเวลานั้น...

+++++++++++++++++++++++++++++

รถสีส้มประกายทองของพิมพ์ประภัสร์ขับเคลื่อนมายังหน้าหอพักของวาดลัดดา นักศึกษาสาวดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งต่างจากเมื่อตอนแรก อาจารย์สาวและคณิตค่อยๆ ประคองเธอออกมาจากรถ แล้วพยุงเธอขึ้นไปส่งยังห้องพัก สาวน้อยทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนแรง พิมพ์ประภัสร์เอาผ้าชุบน้ำค่อยๆ เช็ดตัวอยู่ไม่ห่าง โดยที่เข้าใจว่าอาการของเธอนั้นเกิดจากอาหารเป็นพิษ

“ ครูว่า...จะพาวาดไปหาหมอ ” พิมพ์ประภัสร์บอกคณิต

“ ไม่ต้องหรอกครับอาจารย์ เดินขึ้นๆ ลงๆ อาคารแบบนี้ เดี๋ยววาดจะแย่ ” หนุ่มน้อยรีบแย้งโดยทันที เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเจ้าหล่อนพาวาดลัดดาส่งโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจ


“ ผมว่าให้วาดพักผ่อนเถอะครับ ดูท่าทางแล้ว...คงจะเพลีย ” เขาเสนอ

“ แต่...ครูกลัวว่ามันจะร้ายแรง ” อาจารย์สาวเป็นห่วง

“ ผมเคยเป็นอาหารเป็นพิษมาก่อนครับ พักผ่อนคืนเดียวก็หาย เช็ดตัวไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไข้ก็ลด ” เขารีบพูด

อาจารย์สาวมองหน้าลูกศิษย์ ก่อนวางใจขึ้นบ้าง แต่กระนั้นก็ยังเป็นห่วงน้องสาวอยู่ดี

“ เดี๋ยวผมโทรฯ ตามเพื่อนๆ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนวาดละกันครับ เพราะผมคิดว่าผมเป็นผู้ชาย อยู่กับวาดสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ ” เขาเสนอ

พิมพ์ประภัสร์รู้สึกแปลกใจในคำพูดของลูกศิษย์ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเป็นเกย์อย่างที่น้องสาวของเธอบอก ซึ่งอาจารย์สาวเองก็ไม่ปักใจเชื่อมาตั้งแต่แรก ยิ่งครั้งนี้เธอก็ยิ่งไม่เชื่อใหญ่

“ ก็...แล้วแต่เธอละกัน ให้มา เร็วๆ ก็ดีนะ...เพราะครูมีสอนต่อตอนบ่าย ” พิมพ์ประภัสร์กล่าว ก่อนที่จะมองดูวาดลัดดาที่นอนป่วยด้วยความเป็นห่วง

คณิตลุกขึ้นออกมาจากตรงนั้น เพื่อโทรศัพท์ตามเพื่อนๆ ของวาดลัดดา หนุ่มน้อยอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นห่วงอนาคตของนักศึกษาสาวด้วย ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หญิงสาวจะรู้ตัวหรือยังว่าตนตั้งท้อง แต่ที่แน่ๆ หากเธอท้องขึ้นมา โชติวุฒิก็ต้องเป็นอีกคนหนึ่งที่จะต้องรับรู้เรื่องนี้ และมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ

+++++++++++++++++++++++++++++

บ่ายนั้นหลังจากที่พิมพ์ประภัสร์กลับออกไป และเพื่อนๆ ได้มาอยู่กับวาดลัดดาที่ห้องแล้ว อาการของสาวน้อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ทุกคนต่างเป็นห่วงกับอาการป่วยอย่างกะทันหันในครั้งนี้ โดยเฉพาะคณิต เขาเป็นห่วงเธอมากกว่าใครๆ แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดถึงเรื่องที่เขาสงสัยให้ใครฟัง หนุ่มน้อยปล่อยให้วาดลัดดาอยู่กับเพื่อนๆ ตามลำพัง ก่อนที่จะกล่าวลาและเดินออกมาจากห้องพัก

ชายหนุ่มเดินไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ หรือท้องฟ้าจะเปลี่ยนจากสีอะไรเป็นสีอะไรเมื่อเข้าสู่อีกช่วงเวลาหนึ่ง คณิตครุ่นคิดถึงแต่เรื่องวาดลัดดา เขารู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มันเหมือนกับเป็นความฝัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ทว่ามันต่างกันตรงที่ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นจริง ในชีวิตจริง บนโลกของความเป็นจริง และไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร เพราะมันไม่ได้จบลงด้วยการลืมตาตื่นขึ้นมา

คงจะเป็นอีกคืนที่ชายหนุ่มจะไปนั่งหมกตัวยังร้านประจำที่ตั้งอยู่มุมถนนด้วยความหม่นหมอง เขาสั่งเบียร์มาดื่มเหมือนอย่างเคย และสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด คณิตยกแก้วเบียร์ขึ้นซดเพียงรวดเดียว ก่อนที่จะเรียกบริกรให้มาเสิร์ฟแก้วใหม่

“ ไปอดอยากมาจากไหนเนี่ยพ่อหนุ่มน้อย ?? กระดกซะเป็นว่าเล่น!! ” เสียงที่ดูคุ้นหูกล่าวขึ้นข้างๆ จนทำให้เขาต้องหันไปมอง

“ ครั้งที่สามแล้วที่เราเจอกันโดยบังเอิญ ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั่น

ทิพย์อำพันหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เขาพลางฉีกยิ้มให้

“ ผิดแล้ว!! ครั้งนี้ฉันตั้งใจต่างหาก ” เธอว่า

“ รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ ? ” เขาถาม

“ ฉันคิดว่าคนอย่างเธอคงมีที่ไปอยู่ไม่กี่ที่...และยิ่งอยู่ในช่วงที่เป็นอย่างนี้ด้วยแล้ว ที่นี่คงจะเป็นที่แรกที่เธอจะมา ” หญิงสาวพูดราวกับว่าเธอเป็นนักจิตวิยาที่อ่านใจคนได้ พลางหยิบบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือของเขาเอามาสูบ

“ พยาบาลอย่างคุณเขาสูบบุหรี่กันด้วยเหรอ ? ” หนุ่มน้อยถามพร้อมกับอมยิ้ม

“ เยอะแยะไป!! ” หล่อนตอบก่อนพ่นควันใส่

“ แล้วคุณหมอเขาไม่เป็นห่วงคุณบ้างเหรอไง ?? ออกมาเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ แถมบางทีก็มากับผู้ชาย ” เขาถาม

“ ทำไม ?? หึงฉันเหรอ ?? ” เธอย้อน

“ เปล่า!! ผมนี่นะจะหึงคุณ ” ชายหนุ่มปฏิเสธ

“ นั่นน่ะสิ!! ฉันก็ลืมไป...เธอมียายวาดเป็นสาวในดวงใจอยู่แล้วนี่!! ” ทิพย์อำพันยิ้มเยาะ

แต่คณิตกลับเบือนหน้าพลางถอนหายใจเสียงดัง เขารู้สึกเหมือนถูกดึงให้กลับมาสู่ห้วงแห่งความกังวลดังเดิม


“ สีหน้าของเธอดูแย่นะ...เป็นอะไรหรือเปล่า ? ” เธอถาม

หนุ่มน้อยไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่ายหน้า

“ ระบายให้ฉันฟังได้นะ ” หญิงสาวเชิญชวน เพื่อขอให้เขาเข้าสู่กระบวนการเปิดใจ

“ ไม่มีอะไรหรอก!! ผมก็เป็นของผมอย่างนี้แหละ!! ” คณิตกล่าว แล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นซดรวดเดียวอีกครั้ง

“ สงสัยคืนนี้ท่าจะยาว...ฉันสั่งมาดื่มเป็นเพื่อนดีกว่า ” หล่อนว่า พลางยกมือเรียกบริกรเพื่อให้เสิร์ฟเบียร์เพิ่มอีกแก้ว

ทั้งคู่ต่างนั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา แม้ว่าคณิตจะไม่ได้ปริปากพูดในสิ่งที่เขาปวดใจ หรือพูดในสิ่งที่ทิพย์อำพันต้องการ หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะเธอเองก็มีความประสงค์อื่นที่อยากเจอเขาเช่นกัน

สองหนุ่มสาวสนทนากันอย่างออกรสอยู่นาน จนเริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็จวนเจียนเวลาที่ร้านเหล้าใกล้จะปิด เสียงเพลงจากด้านในยังคงเปิดคลออย่างต่อเนื่อง ผิดกับผู้คนที่เริ่มบางตาจนเหลือแต่พนักงานกับลูกค้าอยู่ไม่กี่คน

คณิตคลายความกังวลเรื่องวาดลัดดาไปชั่วขณะเมื่อมีทิพย์อำพันเป็นเพื่อนเที่ยว เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาวที่รู้สึกได้ว่าจุดประสงค์ของเธอเริ่มเปลี่ยนไปจากในตอนแรก จริงอยู่ที่ตอนนั้นเจ้าหล่อนต้องการจะเข้ามาล้วงความลับจากเขา แต่บัดนี้เหตุผลนั้นเริ่มตกไป กลับกลายเป็นว่าเธออยากที่จะคบหาเป็นเพื่อนกับเขาขึ้นมาจริงๆ

ทิพย์อำพันเดินมาส่งคณิตที่หน้าหอพักก่อนที่จะเรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับอพาร์ทเม้นท์ พยาบาลสาวหันหลังมองเขาจากในรถก่อนที่จะเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

บางทีชายหนุ่มผู้นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกสงสารบ้างอยู่เหมือนกัน เพราะเขาก็มีชะตากรรมที่ไม่ต่างจากเธอเสียเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเรื่องที่แอบชอบใครข้างเดียวแต่อย่างน้อยคณิตก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งชิงใคร และนั่นคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา และรู้สึกสมเพชตนเองทุกครั้งเมื่อนึกเปรียบเทียบ…

♥ Special : ผู้ร่วมก่อการหัวใจ ♥

รูปภาพ:

คณิต อารยณัต ( ก้อง )

" ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด ชอบทำทีเหมือนเอาใจใส่ แต่สุดท้ายก็ทำเพื่อตัวเอง "

นักศึกษาหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทของวาดลัดดา เขาหลงรักหญิงสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ โดยที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเกย์ ซึ่งนั่นทำให้เขาค่อนข้างที่จะหมดความมั่นใจในตัวเอง และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หญิงสาวกลับมีคนรักอยู่แล้ว หนุ่มน้อยจึงได้แต่เฝ้าดูเธออยู่ห่างๆ และคอยให้กำลังใจเรื่อยมา จนกระทั่งชีวิตของเขาเข้าไปพัวพันกับทิพย์อำพันพยาบาลสาวสุดเปรี้ยวที่เข้าใจเขาดีในทุกๆ เรื่อง ชายหนุ่มจึงเริ่มสนิท และใช้ชีวิตอยู่กับเธอบ่อยขึ้น ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการนั้นคืออะไร ???

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้