*~บทที่ 22~*นันทวดีทิ้งตัวลงนอนกับเตียงภายในห้องพักของจิตติมา หลังจากที่พวกเธอทั้งคู่นั่งรถแท็กซี่กลับออกมาจากหอพักของนักศึกษาสาวแล้ว นันทวดีนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นหลังจากที่เข้ามาถึงห้อง เธอช็อค และเสียใจกับการกระทำที่เกิดขึ้น เธอไม่คิดว่า เด็กสาวจะตั้งท้องกับสามีของเธอจิตติมารีบปิดประตูห้องตามหลัง เพื่อไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงเพื่อนของเธอกำลังร้องไห้ หนูน้อยวัยสองเดือนที่เธอกำลังอุ้มอยู่ก็ร้องไห้ตามเช่นกัน เมื่อเห็นแม่ของเขากำลังฟูมฟายอยู่อย่างนั้นหญิงสาวรู้สึกเหมือนกับจะเป็นไข้เมื่อเธอเห็นสองแม่ลูกส่งเสียงร้องระงมแข่งกันอยู่ภายในห้อง เธออุ้มเด็กชายตัวน้อยแนบอิงกับอก แล้วลูบหลังปลอบไปมา ขณะเดียวกันเธอก็ห้ามเพื่อนสาวของเธอให้เลิกร้องไห้เช่นกัน“ ฉันไม่ได้ตั้งใจเจี๊ยบ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ” นันทวดีพูดพร่ำอยู่อย่างนั้น เพราะเธอไม่ได้ต้องการที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น“ ฉันรู้แนน...ฉันรู้...ฉันรู้ เธอไม่ได้ตั้งใจ ” จิตติมาโผเข้ากอดเพื่อนสาว โดยใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่โอบไหล่เธอไว้“ เด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ??...จะแท้งลูกไหม ?? ” หญิงสาวร้องถาม พลางซุกหน้าสะอึกสะอื้นอยู่ที่ไหล่ของเพื่อนสนิท“ ไม่หรอกแนน...ไม่หรอก ” จิตติมาพูดปลอบใจ เพราะไม่อยากให้นันทวดีเสียใจไปมากกว่านี้ ทั้งที่ความจริงเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เด็กสาวนักศึกษาคนนั้นจะมีชะตากรรมอย่างไรนันทวดียังคงเสียใจอยู่อย่างนั้น หญิงสาวกอดจิตติมาไว้แน่น ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือข้างหนึ่งไปโอบลูกน้อยที่เพื่อนของเธอกำลังอุ้มอยู่ไว้ด้วยจิตติมารู้สึกได้ว่า บัดนี้เธอต้องเข้มแข็งกว่าเพื่อนของเธอเอาไว้ให้มาก หากเธอยังปล่อยหัวใจให้ตรอมตรมไว้กับความเศร้า เพื่อนของเธอ และลูกชายก็จะไม่มีที่พึ่งพิง หญิงสาวเหลือบมองดูนาฬิกา และเห็นว่า เลยเวลาเข้าทำงานของเธอมาพักหนึ่งแล้ว เธอจึงบอกเพื่อนสาวให้นอนพักอยู่ที่ห้องของเธอก่อน และไม่ต้องคิดมาก หากจะออกไปไหน หรือจะกลับออกไป ก็ให้โทรศัพท์มาบอกเธอนันทวดีพยักหน้าเชิงเข้าใจ อย่างน้อยเธอก็ยังรู้สึกได้ว่า ยังมีจิตติมาเป็นเพื่อนที่คอยปลอบใจอยู่ข้างๆ เธอรับลูกน้อยกลับเข้ามากอดกับอก หนูน้อยมองดูแม่ของเขา แล้วส่งยิ้มให้ พลางหลับตาพริ้ม เธอรู้ได้ทันทีว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยเธอจะต้องมีสติ และเข้มแข็งเพื่อที่จะอยู่เป็นที่พึ่งต่อไปให้แก่ลูกของเธอสองสาวกอดกันเป็นการส่งท้ายเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จากนั้นจิตติมาจึงลุกขึ้นเก็บของ และเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงาน พร้อมๆ กับนันทวดีที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพลางกอดลูกน้อยเอาไว้ไม่ห่างกาย หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดช่วงเช้า ก่อนที่จะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว…++++++++++++++++++++++++++++++ช่วงขณะที่จิตติมากำลังเดินทางอยู่บนรถโดยสารนั้น มือทั้งสองข้างของเธอได้กุมโทรศัพท์มือถือไว้แน่น พลางครุ่นคิดอยู่ในใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอยอมรับว่า เธอเองก็เป็นห่วงนักศึกษาสาวคนนั้นเช่นกัน ซึ่งไม่รู้ว่า บัดนี้ลูกของเจ้าหล่อนที่อยู่ในท้องจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อคิดได้หญิงสาวจึงตัดสินใจโทรฯ หาอัศนัยเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟัง…“ ...เรื่องมันไม่น่าจะเลยเถิดได้ถึงขนาดนี้... ” อัศนัยทอดถอนใจออกมาหลังจากที่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น“ ...ตอนนี้พี่กลับรู้สึกผิดที่บอกให้แนนไปคุยกับเขา ” ชายหนุ่มกล่าวโทษตนเอง“ ไม่หรอกค่ะพี่อัศ...พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เด็กคนนั้นท้อง และก็ไม่มีใครคาดคิดด้วยว่า ยายแนนจะใจร้อนถึงขั้นลงไม้ลงมืออย่างนี้ ” จิตติมาอธิบาย“ ยายแนนเป็นคนใจร้อนมาแต่ไหนไร ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังหรอก ” ชายหนุ่มว่า พลางนึกถึงน้องสาวตนเอง“ ก็คงมีแต่คุณโชติคนเดียวแหละค่ะ...ที่เธอจะยอม เธอรักของเธอมาก ถึงแม้จะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ก็ตาม ” จิตติมากล่าวเสริม“ เอาเป็นว่า ยังไงเราก็ช่วยดูแลยายแนนแทนพี่ด้วยละกัน เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้พี่จะลงไปหา ว่าแต่...เราพอจะรู้ไหมว่า เด็กคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ? ” อัศนัยถามทิ้งท้าย พลางนึกถึงนักศึกษาสาวชู้รักของโชติวุฒิ“ ไม่รู้เลยค่ะ...เจี๊ยบเองก็วิ่งตามแนนออกมา ภาพสุดท้ายที่จำได้คือ เห็นเลือดไหลออกมาเป็นทางยาวเต็มขาของเด็กคนนั้นเลย เจี๊ยบเองก็ได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้เธอเป็นอะไรมาก อย่างน้อยก็ขอให้ทั้งแม่ และลูกปลอดภัยก็พอ ” หญิงสาวว่า พลางหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น…++++++++++++++++++++++++++++++บางทีชีวิตของคนเราก็ไม่สามารถที่จะกำหนด หรือลิขิตอะไรได้ด้วยตัวของเราเอง แม้ว่า สิ่งที่เราตั้งใจที่จะทำ หรือตั้งใจที่จะเป็น อาจต้องลงทุน หรือลงแรงมากสักเท่าไหร่ หากสุดท้ายตัวของเราไม่ได้ถูกกำหนดมาให้ทำ หรือให้เป็นเช่นนั้น ต่อให้ลงทุน หรือลงแรงจนตายก็เสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ดังเช่นสิ่งที่ผู้ช่วยสาวภาวนาอ้อนวอน เอาใจช่วยให้นักศึกษาสาว และลูกในท้องปลอดภัย อาจต้องสูญเปล่าไป เพราะเธอไม่สามารถที่จะกำหนด หรือชี้ชะตาของใครต่อใครได้ แม้แต่บางครั้งคำอ้อนวอนร้องขอในปาฏิหาริย์อาจไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อให้เรื่องราวทุกอย่างได้ยุติลง หรือจบอย่างมีความสุข แต่นั่นยิ่งกลับทำให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ดังนั้นสิ่งที่จะยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดก็คือการปล่อยวางและทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่า มันจะทำได้ยาก และต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาบาดแผลที่อยู่ในใจ แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้ทุกอย่างยุติลง และจบอย่างมีความสุขเสียงดังที่เกิดจากการกระทบกันระหว่างส้นรองเท้า และพื้นภายในอาคาร ซึ่งเกิดขึ้นจากการเดินอย่างรวดเร็วของอาจารย์สาวนั้น ได้พาเธอไปยังห้องฉุกเฉินที่อยู่บนชั้นสองของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่เธอคุ้นเคย ใบหน้าของหญิงสาวยังคงบอบช้ำอยู่จากเหตุการณ์ปะทะกันที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของเธอนั้นย่อมสำคัญยิ่งกว่า เมื่อเธอได้รับสายจากลูกศิษย์ที่เป็นเพื่อนสนิทกับสาวน้อยเมื่อชั่วโมงก่อนว่าวาดลัดดาถูกทำร้ายจนร่างกายบาดเจ็บสาหัสเธอเดินไปถึงยังหน้าห้องฉุกเฉินซึ่งขณะนี้เพื่อนของน้องสาวทั้งสามคน โดยหนึ่งในนั้นคือ คณิต กำลังรอเธอ และรอคุณหมอเจ้าของไข้ออกมารายงานอาการบาดเจ็บของวาดลัดดาจากในห้องตรวจ“ วาดเข้าไปนานหรือยัง ? ” เธอถามเหล่าลูกศิษย์“ สักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะอาจารย์!! ” นักศึกษาสาวคนหนึ่งบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล พลางกุมมือเพื่อนอีกคนไว้แน่น ชุดนักศึกษาของทั้งสองคนมีคราบเลือดเปรอะอยู่อย่างเห็นได้ชัดจนพิมพ์ประภัสร์สังเกตได้“ เลือด...เลือดนั่นของยายวาดเหรอ ? ” อาจารย์สาวร้องถามนักศึกษาสาวทั้งสองต่างมองหน้ากัน ทั้งคู่อ้ำอึ้งราวกับไม่อยากพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น“ ยายวาดเป็นอะไร ?? ใครทำร้ายเธอ ?!! ” เธอถามซ้ำหญิงสาวทั้งคู่ต่างก้มหน้า พวกเธอต่างรีบปรึกษากันเพื่อปั้นเรื่องโกหกพิมพ์ประภัสร์เค้นถามลูกศิษย์อยู่อย่างนั้น จนคณิตเห็นท่าไม่ดีจึงรีบห้าม“ อาจารย์ครับใจเย็นๆ ก่อน ผมว่า รอหมอออกมาจากห้องตรวจก่อนดีกว่านะครับ ” ชายหนุ่มเสนอ“ แต่ครูอยากรู้...ว่า เกิดอะไรขึ้นกับยายวาด แล้วใคร...ใครกันที่เป็นคนทำร้าย!! ” อาจารย์สาวร้องไห้ เธอจับแขนของคณิตไว้ พลางพร่ำถามไปมาชายหนุ่มเหลือบมองหน้าเพื่อนสาวของเขาทั้งคู่ หญิงสาวทั้งสองคนส่ายหน้า เพราะไม่อยากให้เขาบอกความจริงกับอาจารย์ของพวกเธอคณิตขมวดคิ้ว พลางมองพิมพ์ประภัสร์อย่างกังวลใจ และใคร่ครวญถึงวาดลัดดาที่อยู่ในห้องฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วง“ คุณพิมพ์...วาดเป็นยังไงบ้าง ? ” คุณหมอมงคลมาสเดินตรงรี่มายังหน้าห้องฉุกเฉินหลังจากที่ทราบเรื่องจากประชาสัมพันธ์ พลางถามถึงอาการของนักศึกษาสาว“ คุณหมอ...คุณ... ” พิมพ์ประภัสร์ตกใจที่เห็นเขา เธอเบือนหน้าหนี พลางถอยตนเองมาอยู่ด้านข้างของคณิต หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่พี่สาวของเขาบุกเข้ามาทำร้ายเธอถึงในที่พัก“ คุณพิมพ์...คุณเป็นอะไร ? ” หมอหนุ่มถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทีที่ดูตกใจของเธอ“ คุณหมอ...อย่ามายุ่งกับฉันเลยค่ะ ฉันไม่อยากเดือดร้อน ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขืน“ ทำไม ??...ใครทำให้คุณต้องเดือดร้อน ?? ” เขาร้องถาม“ คุณหมอออกมาแล้ว!!! ” นักศึกษาสาวคนหนึ่งร้องขึ้น เธอจำคุณหมอที่เข้าไปดูอาการของวาดลัดดาได้ เสียงของเธอทำให้ทุกคนหันไปมองภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นภาพของนายแพทย์สูงวัยท่านหนึ่งกำลังก้าวออกมาจากห้องตรวจฉุกเฉินพิมพ์ประภัสร์ผละตัวออกจากคณิต แล้วตรงรี่ไปหาแพทย์เจ้าของไข้ทันที พลางถามถึงอาการของน้องสาว“ อาการของน้องฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ ? ” หญิงสาวถามขึ้น พร้อมๆ กับเพื่อนของวาดลัดดา และศัลยแพทย์หนุ่มที่เดินเข้ามาเพื่อรับฟังผลการรักษา“ คนไข้ปลอดภัยดี ไม่มีแผล หรือรอยฟกช้ำอะไรที่น่าเป็นห่วง... ” ผู้เป็นแพทย์อธิบายทั้งพิมพ์ประภัสร์ คุณหมอ และเพื่อนๆ ของวาดลัดดาต่างรู้สึกใจชื้นขึ้นบ้างที่รู้ว่า นักศึกษาสาวพ้นขีดอันตราย“ ...แต่หมอขอแสดงความเสียใจ เรื่องเด็กที่อยู่ในท้อง...เราช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ได้ เขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หมออยากให้ญาติช่วยดูแล และคอยเป็นกำลังใจให้คนไข้อย่างใกล้ชิด เพราะเธอเสียความรู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก หมอขอตัวก่อนล่ะ!! ” นายแพทย์สูงวัยคนนั้นพูดจบก็ผละออกจากพวกเขาไป ปล่อยให้พิมพ์ประภัสร์ และศัลยแพทย์หนุ่มงุนงงในสิ่งที่แพทย์เจ้าของไข้คนนั้นพูด แต่เหล่าเพื่อนๆ ของวาดลัดดาต่างรู้ดี ทั้งคณิต และเพื่อนสาวของเขาอีกสองคนต่างมองหน้ากัน เพื่อเตรียมตัวหาข้อแก้ต่างกับคำถามของอาจารย์สาว“ เด็ก...ในท้อง...นี่พวกเธอ...มันหมายความว่าไง ?? ” พิมพ์ประภัสร์ใคร่ครวญ พลางหันกลับมาถามลูกศิษย์“ เอ่อ...คือ... ” คณิตนึกหาคำพูดมาเพื่ออธิบาย“ มันหมายความว่ายังไงคณิต ?? ยายวาดท้องอย่างนั้นเหรอ ?!! ” อาจารย์สาวขึ้นเสียงถามคณิต และเพื่อนอีกสองคนก้มหน้า พวกเขาไม่อยากจะสบตากับอาจารย์สาวเพราะกลัวความผิดพิมพ์ประภัสร์ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่คิดว่า เรื่องราวจะยิ่งกลับเลวร้ายลงอย่างนี้ เธอเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อต้องการที่จะถามน้องสาวให้รู้เรื่อง“ พิมพ์....เดี๋ยวก่อน ” เสียงศัลยแพทย์หนุ่มร้องเรียก เพื่อให้เธอใจเย็น“ เดี๋ยวครับอาจารย์!! ” ทั้งคณิต และเพื่อนอีกสองคนต่างก็ร้องเรียกเช่นกัน และเมื่อเห็นว่า พวกเขาห้ามอาจารย์สาวไม่ได้ ทั้งหมดต่างก็ตามเข้าไปในห้องตรวจพร้อมๆ กันวาดลัดดานอนร้องไห้เสียใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บนเตียงคนไข้ เธอไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นทำอะไร เพราะอาการปวดที่ท้องน้อยยังไม่ค่อยทุเลา เธอพร่ำแต่ขอโทษลูกของตนเอง ที่ไม่สามารถรักษาเขาไว้ได้ เธอเสียใจ และเจ็บปวดอย่างที่สุด“ วาด...บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่า แกท้องกับใคร ?!! ” พิมพ์ประภัสร์แผดเสียงใส่น้องสาวด้วยความโมโห เธอไม่คิดว่า วาดลัดดาจะทำตัวเหลวแหลกได้ถึงเพียงนี้“ พี่พิมพ์!! ” สาวน้อยตกใจยิ่งกว่าเห็นผี เธอไม่คาดคิดว่า พี่สาวของเธอจะทราบเรื่อง“ ทำไมแกทำตัวอย่างนี้!!! แกท้องกับใคร ?!! แกบอกฉันมา!!! ” พิมพ์ประภัสร์เดินเข้าไปกระชากตัวน้องสาวให้ลุกขึ้นมาคุยกับเธอ พลางเขย่าไหล่สาวน้อยสาวน้อยร้องไห้ ปากก็ได้แต่พร่ำขอโทษถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งศัลยแพทย์หนุ่ม และเพื่อนๆ ของเธอ ต่างก็ช่วยเข้าห้ามอาจารย์สาวไว้ไม่ให้โมโหมากไปกว่านี้“ วาดท้องกับผมครับอาจารย์!!! ” คณิตโพล่งออกมา เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดหญิงสาวหยุดเขย่าไหล่น้องตนเอง ศัลยแพทย์หนุ่ม และวาดลัดดาต่างมองหน้าคณิต เพื่อนในกลุ่มทั้งสองคนของเธอก็เช่นกัน พวกเธอไม่อยากจะเชื่อว่า คณิตจะกล้าออกรับหน้าแทน“ ผมนี่แหละครับที่ทำให้วาดท้อง ” เขาพูดพิมพ์ประภัสร์ตบหน้าลูกศิษย์ของตนเองฉาดใหญ่ เพราะไม่พอใจที่ชายหนุ่มไม่ให้เกียรติน้องสาวของเธอ“ เธอสองคนรู้ตัวไหมว่า ทำอะไรลงไป ?!!...นี่พวกเธอยังเรียนกันอยู่นะ!! ” พิมพ์ประภัสร์ต่อว่าคนทั้งคู่ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง แต่สาวน้อยกลับงุนงงในสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่คิดว่า เพื่อนสนิทจะเอาตนเองเข้ามาปกป้องเธอได้ถึงเพียงนี้“ ครูจะรายงานผู้ปกครองของเธอ!! ” อาจารย์สาวกล่าวทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจในสิ่งที่พิมพ์ประภัสร์พูด พวกเขากลัวว่า เรื่องมันอาจจะบานปลาย และถึงขั้นเลยเถิดไปกันใหญ่“ พี่พิมพ์พอเถอะค่ะ...ก้องกับหนูไม่ได้มีอะไรกันเสียหน่อย...หนูไม่ได้ท้องกับเขา!! ” วาดลัดดาปฏิเสธ“ ว่าไงนะ ?!! ” พิมพ์ประภัสร์สงสัย ราวกับว่า เธอกำลังโดนใครสักคนปั่นหัว“ วาด... ” คณิตร้องห้าม“ พอเถอะก้อง...ถึงเวลาที่ฉันจะต้องพูดความจริงเสียที ” หญิงสาวสะอื้น น้ำตาไหลพราก นัยน์ตาของเธอแดงก่ำขณะที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทุกคนฟัง…++++++++++++++++++++++++++++++เรื่องราวความสัมพันธ์ลับๆ ของเด็กสาว และนักธุรกิจหนุ่มถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของเจ้าตัว แม้กระทั่งเรื่องที่เธอตั้งครรภ์กับเขา จนเขาบังคับเธอให้ไปทำแท้ง อีกทั้งเรื่องที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่า ตกอยู่ในสถานะเป็นอนุภรรยา ก็ตอนที่ภรรยาของเขาเข้ามาทำร้ายเธอถึงหน้าหอพักจนเธอแท้ง“ ยายวาด!! ทำไมแกทำตัวอย่างนี้!! ไหนแกบอกฉันว่า แกจะตั้งใจเรียนไง!!! ” พิมพ์ประภัสร์โมโห เธอรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น และเตรียมตัวที่จะพุ่งเข้าใส่น้องสาวทั้งคณิต และคุณหมอต่างรีบเข้าห้ามเพื่อนสาวของวาดลัดดาทั้งสองคนต่างวิ่งมารุมกอดเธอไว้ เพื่อไม่ให้อาจารย์สาวลงไม้ลงมือกับเธอ“ พิมพ์พอเถอะ!! วาดยอมรับผิดแล้ว...อีกอย่างเด็กในท้องก็ไม่อยู่แล้วด้วย...ยิ่งคุณทำอย่างนี้ คนที่เสียหายก็จะเป็นน้องสาวของคุณเองนะ!! ” ศัลยแพทย์หนุ่มพูดขึ้น“ คุณหมอคะ!! เลิกยุ่งเกี่ยวกับฉัน และคนในครอบครัวของฉันเสียที!! ” พิมพ์ประภัสร์สวนกลับอย่างเหลืออด“ นี่คุณพิมพ์...คุณเป็นอะไร ?!! ” หมอหนุ่มถามอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจในท่าทีของหญิงสาวที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ทีแรกพิมพ์ประภัสร์ไม่ตอบ แต่หันกลับไปจ้องน้องสาวด้วยสายตาที่ดุดัน“ วาด...เธอหายดีแล้วเมื่อไหร่ ก็ย้ายออกมาจากหอ...แล้วมาอยู่กับพี่ที่คอนโดฯ เสีย!! ” เธอยื่นคำขาด ก่อนที่จะเดินออกมาจากตรงนั้นคุณหมอหนุ่มเดินตามเธอไป เพราะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเพื่อนนักศึกษาสาวทั้งสองคนต่างโอบกอดวาดลัดดาไว้แน่นทันทีที่อาจารย์สาว และศัลยแพทย์หนุ่มเดินออกไป ทั้งสองสาวต่างร้องไห้ และผลัดกันปลอบประโลมเธอคณิตมองดูเธอ และยิ้มให้ เขาเอื้อมมือไปจับมือของสาวน้อย แล้วกุมเอาไว้แน่นเป็นเชิงให้กำลังใจวาดลัดดามองดูเขาก่อนที่จะยิ้มตอบ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อไหลออกมาจากนั้นคณิตจึงผละจากเธอไป เพื่อปล่อยให้สาวน้อยได้อยู่กับเพื่อนๆ ที่เหลือตามลำพังหนุ่มน้อยก้าวออกมาจากห้องตรวจฉุกเฉินนั่น แล้วปิดประตู เขามองเห็นอาจารย์สาวพยายามเดินหนีอดีตคนรักอยู่ไกลๆ ดูเหมือนว่า คุณหมอหนุ่มจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะง้องอนให้อาจารย์สาวหันกลับมาคืนดี คณิตมองดูคนทั้งคู่ และอมยิ้ม บัดนี้เขารู้สึกโล่งใจที่วาดลัดดาไม่มีพันธะอะไรผูกพันกับโชติวุฒิหลงเหลืออยู่ แม้ว่า มันเกือบจะจบลงด้วยการทำให้อาจารย์สาวเข้าใจเขาผิดก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่ครั้งหนึ่งได้เคยเสนอตัวปกป้องนางในดวงใจของเขาไว้ชายหนุ่มเดินมายังบันไดเลื่อนตรงหัวมุม เพื่อที่จะลงไปยังล็อบบี้ชั้นล่าง เขาหยิบมือถือของเขาขึ้นมา แล้วเปิดดูข้อความที่สนทนาไปมาระหว่างเขากับทิพย์อำพัน แต่กลับพบว่า ข้อความที่เขาส่งไปหาเธอในตอนเช้านั้น ยังไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด และคิดว่า มันผิดแปลกไปจากที่เป็นอยู่ เพราะตามปกติแล้ว พยาบาลสาวจะเป็นคนทักเขามาก่อนทุกครั้ง หรือไม่ก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วเวลาที่เขาทักไปคณิตจึงตัดสินใจที่จะโทรฯ ไปหาเธอเพื่อถามไถ่ และขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ทว่ากลับไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ จากโทรศัพท์ของหญิงสาว ราวกับว่า เธอปิดเครื่อง หรือไม่ก็แบตเตอรี่อาจจะหมด หรือบางทีเธออาจยกเลิกใช้เบอร์โทรฯ นี้ไปแล้วก็ได้ ชายหนุ่มแปลกใจ และพยายามติดต่อหาเธอใหม่อีกสอง-สามครั้ง แต่ก็ได้รับการตอบรับเช่นเดิมนั่นคือไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายปลายทางที่เรียกชายหนุ่มจนปัญญา เขาก้มหน้า แล้วถอนหายใจอยู่อย่างนั้น แต่แล้วสายตาของเขากลับเหลือบไปเห็นร่างอันอรชรของพยาบาลสาวที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์ ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของบันไดเลื่อนจากชั้นที่เขาเพิ่งลงมา หนุ่มน้อยจึงรีบหมุนตัววิ่งกลับขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกครั้งเพื่อที่จะได้พูดคุยกับเธอ แต่ทว่าลิฟท์กลับปิดลงอย่างทันทีทันใด โดยที่เธอไม่ทันจะได้มองเห็นเขาเลยด้วยซ้ำ