รูปภาพ:https://media1.giphy.com/media/LHav135nDdako/giphy.gif

สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeคนกำลังหมดไฟทั้งหลายยย!(╥ω╥)ยังไม่ทันสิ้นปี ข่าวสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ก็กลับมาอีกแล้ว! หลายบริษัทปรับให้พนักงาน Work From Home อย่างถาวร, เข้าออฟฟิศไม่กี่วันต่อสัปดาห์, งานประจำเกิดวิกฤติจนต้องปรับลดพนักงาน ถูกเชิญออก ระหว่างหางานใหม่ก็ต้องรับจ๊อบเล็กๆ น้อยๆ เป็นฟรีแลนซ์ ช่วงนี้ชีวิตก็จะยุ่งเหยิงวุ่นวายพอสมควรซึ่งเพราะข่าวที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นี่แหละ ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน เมื่อจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย สถานที่ทำงานหลักอย่าง' โต๊ะทำงาน 'ก็เละเทะไปด้วย ทำให้งานไม่เดินหรือไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ปี 2020 คือพังมากจริงๆ แง TT_TTถ้าสาวๆ อยากทำงานอย่างมีความสุขไม่ติดขัด การจัดการสิ่งต่างๆ บนโต๊ะที่ใช้ทำงานทุกวันก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าเธอจะใช้โต๊ะที่บ้านหรือออฟฟิศ การจัดสภาพแวดล้อมให้ดูสบายตา หรือการจัดลำดับความสำคัญเพื่อดำเนินงานให้ลื่นไหลก็ทำให้งานที่ออกมามีคุณภาพมากขึ้นได้หากปีนี้ปรับตัวเองไม่ทันแล้ว ปีหน้าฟ้าใหม่ยังมีให้แก้ตัว! ลองนำ' 7 หลักจัดการชีวิตบนโต๊ะทำงาน เพื่อเพิ่มพลังงานบวก 'รับรองว่างานในปีหน้า จะประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมแล้วไปอ่านกันเลยดีกว่าค่า♡ (⇀ 3 ↼)

1. กำจัด 'สิ่งกีดขวาง' ที่ทำให้รกหูรกตา ไม่สบายใจเสียก่อน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8860c554ba7e3c0b4d9d591081ca893d.jpg

สภาพของห้องนอน แสดงถึงตัวตนและบุคลิกลักษณะของเจ้าของห้องได้ล่ะก็ สภาพของโต๊ะทำงานก็บอกถึงนิสัยของคนใช้โต๊ะนั้นเป็นประจำได้เช่นกันค่ะ!

หากทุกวันโต๊ะของเธอมีแต่ขยะรกๆ อย่างกองกระดาษทิชชู่ขยำ, ซองขนมกินหมดแล้วไม่ยอมทิ้ง, ดินสอปากกาเก่าๆ, กระป๋องน้ำอัดลมเปล่าๆ เต็มไปหมด ก็ยิ่งจะทำให้จิตใจของเธอยุ่งเหยิง เหมือนมีขยะสุมอยู่ในใจตามไปด้วย เมื่อมองซ้ายขวาก็ไม่มีอะไรเจริญตา ก็คิดงานไม่ออก ทำงานออกมาไม่ดี สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง

เพิ่มพลังงานบวกให้โต๊ะทำงานของตัวเอง ด้วยการ ' เคลียร์ ' ของที่ไม่จำเป็นออกไปให้หมด เหลือไว้แต่สิ่งที่ช่วยเรื่องการงาน ทำให้เธอตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าได้ดีขึ้นเท่านั้น หรือที่เทรนด์สมัยนี้เรียกว่า จัดโต๊ะแบบมินิมอล

เช่น เครื่องเขียน กระดาษเปล่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ( อนุญาตให้มีแก้วน้ำบนโต๊ะได้ เพราะถ้าร่างกายขาดน้ำก็สมองตื้อได้เหมือนกัน แต่ระวังน้ำหกก็พอ )

หมดปัญหาหาของไม่เจอ เมื่อโต๊ะสะอาดก็ไม่มีแมลง มดมาไต่ ทำให้ทำงานได้ราบรื่นขึ้นไปโดยปริยายค่ะ

**หากทำงานที่บ้าน โลเคชั่นในการวางโต๊ะก็สำคัญ หากวางในมุมอับไม่มีหน้าต่าง ก็อาจทำให้สมองไม่แล่นเท่าที่ควร ทางที่ดีให้วางโต๊ะติดกับหน้าต่างที่แสงเข้าแต่ไม่เยอะจนแสบตาเกินไป ลงทุนกับเก้าอี้ทำงานดีๆ ที่ปรับเข้ากับสรีระคนใช้แม้จะมีของบนโต๊ะไม่เยอะ แต่เมื่อร่างกายผ่อนคลาย คุณภาพของงานก็จะดีขึ้นเอง เชื่อเรา!

2. เก็บข้อมูล/สิ่งของในการทำงาน ให้เป็นที่เป็นทาง เรียกใช้ได้ง่าย

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5e9d0c3cb82cb5b0f3071a477bdcf4e7.jpg

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมชีวิตทำงานของเธอถึงได้ยุ่งเหยิงไปหมด ลองสำรวจตัวเองดูว่า เคยจัดการกล่องอีเมลของตัวเองบ้างไหม หรือปล่อยให้ Junk Mail ปะปนอยู่กับอีเมลงานเต็มไปหมด จนบางทีเผลอกดส่งผิดๆ ถูกๆ ให้ลูกค้า,


โต๊ะทำงานเป็นระเบียบไหม หรือมีแต่ห่อขนม กระป๋องน้ำอัดลม, ตารางงานจดมาแล้วก็ลืม ลูกค้าไลน์งานมาแล้ว read แต่ไม่ตอบ ใจเหม่อลอยไปไหนไม่รู้อยู่หรือเปล่า บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่งานปัจจุบันของเธอไม่ก้าวหน้าสักทีก็เป็นได้ -_-

ต่อจากนี้ให้จำหลักง่ายๆ ไว้ว่า ' ทุกอย่างต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ' หากมีของระเกะระกะบนโต๊ะ ก็ต้องหากล่อง,ซอง หรือถุงมาใส่ หากเป็นข้อมูลอย่างบรีฟจากลูกค้า, คอนแทคเบอร์ ที่อยู่ อีเมล์ลูกค้า ก็ต้องบันทึกใส่แฟ้มข้อมูลหรือแอพให้เรียบร้อย เวลาต้องติดต่อประสานงานกัน จะได้เรียกดูได้ง่าย

ไม่ใช่จะคุยกับคนนี้ที ต้องไปนั่งหาว่าจดลงกระดาษแผ่นไหน ทิ้งไปแล้วหรือยัง แบบนี้ไม่ได้เด้อ โตจนถึงวัยทำงานแล้ว ต้องจัดของเป็นหมวดหมู่ให้คล่อง มันเป็นประโยชน์กับตัวเธอเองทั้งชีวิตทำงานและเรื่องอื่นๆ ด้วยค่ะ

3. หาช่วงเวลาที่ 'มีไฟในการทำงาน' มากที่สุด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/54d64528825a42368e6182b6b3681fd3.jpg

ข้อนี้ขอเน้นไปที่สาวๆ ชาวฟรีแลนซ์ซะหน่อย ใครที่รับงานอิสระมานานจะรู้ดีว่า ถ้าจะอยู่ให้รอดหลายปี ต้องมีความรับผิดชอบสูง จัดการชีวิตเป็น เพราะด้วยเวลาที่ยืดหยุ่นมากจนบางทีมากเกินไป ช่วงแรกๆ ก็อาจทำให้ขี้เกียจ มัวแต่ดูหนัง ฟังเพลง นอนเล่นจนงานไม่เดินได้

ซึ่งมนุษย์ทุกคนโดยธรรมชาติ ถ้าไม่บ้างานจริงๆ ก็จะไม่ได้มีอารมณ์อยากทำงานตลอดเวลา ดังนั้นเราขอแค่ว่า ' ในหนึ่งวัน หาเวลาที่เธอไฟแรง หัวแล่นมากที่สุด แล้วตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ( ตราบใดที่ไม่เกินเดตไลน์ ) ' ค่ะ

นาฬิกาชีวิตของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนหัวแล่นสุดๆ ตอนเช้ามืด ตีสี่ตีห้านี่เขียนงานลื่นเชียว แต่บางคนก็ต้องรอตะวันตกดิน มืดๆ เงียบๆ ถึงจะมีสมาธิลุยงาน ลองสังเกตตัวเองว่าเป็นคนกลุ่มไหน แล้วทุ่มพลังไปกับช่วงเวลาที่ถนัด ทำควบคู่ไปกับกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพลังการทำงานก็ยิ่งดี


เช่น ออกกำลังกายให้ร่างกายหลั่งสารความสุข, ฟังเพลงให้ฮึกเหิม, ดื่มกาแฟ, แปะ Quote หรือคำพูดสร้างแรงบันดาลใจไว้ที่โต๊ะให้มองเห็นได้ง่าย งานที่ออกมาจะมีคุณภาพมากกว่าไปนั่งหลังขดหลังแข็งทำตอนหัวตื้อแน่นอน คอนเฟิร์ม!

4. มีตารางที่ชัดเจนในการทำงาน แบ่งงานให้เท่าๆ กัน อย่าเอ้อระเหย

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1ceb8d9850f849b25e9b6b2c3b97e7f2.jpg

ข้อนี้ไม่ว่าจะทำงานออฟฟิศหรือฟรีแลนซ์ก็นำไปปรับใช้ได้! หากเธอมีงานที่ได้รับมอบหมาย มีเดตไลน์ชัดเจน อย่าใช้วิธีเหมือนสมัยเรียนที่หมกๆ ไว้แล้วไปปั่นไฟลุกก่อนส่งแบบ One Night Miracle


เพราะเจ้านายจะดูออกว่างานชุ่ย มีผลกับการประเมินงานและโบนัสสิ้นปีแน่นอน หรือคนที่วันนี้ปล่อยชิลล์ อีกวันงานหนัก ไม่มีความสมดุล อันนี้ก็เรียกว่าจัดลำดับงานไม่เป็น ร่างกายจะล้าโดยใช่เหตุค่ะ

เพราะเป็นงานจริงจัง งานที่ได้เงินตอบแทน จึงควรวางแผนการทำเป็นขั้นตอน ไม่ใช่คิดจะทำวันไหนก็ทำ แต่ต้องตัดแบ่งเนื้องานให้กระจายเท่ากันทุกวัน กำหนดปริมาณงานที่ไม่หนักอึ้งและไม่เบาหวิวมากเกินไป

แต่ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้งานไม่ overload ติดกันทุกวัน หรือเบาโหวงจนมาทำงานอีกทีต่อไม่ติด เป้าหมายคือ ' ทุกวันต้องมีความคืบหน้า ' ช่วงแรกอาจจะต้องบังคับตัวเองหน่อย แต่เมื่อมองย้อนกลับไปจะชื่นใจว่า งานเขยิบเป็นรูปเป็นร่างในทุกๆ วัน ดีกว่ามองงานโล่งๆ ที่ลุ้นว่าวันสุดท้ายจะทำเสร็จไหม แบบหลังเสี่ยงกว่าเยอะ บอกเลย!

5. จะติดต่อใคร / เขียนอีเมลอะไร ต้อง 'มีเป้าหมายที่ชัดเจน'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8f56be8eb3726c71bc6dc5e32e25b05e.jpg

การทำงานไม่ได้มีแค่ส่วนของเนื้อหาอย่างเดียว แต่อาจมีกระบวนการอื่นๆ ที่ต้องติดต่อบุคคลโดยตรงเช่น โทรศัพท์ อีเมล ไลน์หาลูกค้า หรือประสานงานกับตัวกลางเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ หลักสำคัญคือต้องจำให้ขึ้นใจว่า


' เขาคือลูกค้า คนที่เราทำธุรกิจด้วย ไม่ใช่เพื่อนเล่น ต้องเป็นมืออาชีพ '


ดังนั้นทุกครั้งที่ทักไป หรืออีเมลหา ต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าเราจะติดต่อไปเพื่ออะไร ใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นทางการ แต่ไม่อ้อมโลก เขียนให้ตรงประเด็น อ่านแล้วเข้าใจง่ายที่สุด

หลายครั้งที่ธุรกิจมีปัญหาเพราะเวลาประสานงานผ่านอีเมลหรือข้อความ ใช้ภาษาที่วกไปวนมา อ่านแล้วเข้าใจยาก หรือพิมพ์มาทีละเล็กทีละน้อย แทนที่จะพิมพ์มารวดเดียว เข้าใจครั้งเดียว

ถ้าอีกฝ่ายงานยุ่ง เขาไม่มีเวลามานั่งอ่านไลน์ที่ส่งไปทีละ 1 ประโยค 2 ประโยคหรอกนะคะ อันนั้นคือเราคุยเล่นกับเพื่อน ถ้าคุยธุรกิจจริงจัง พิมพ์ทุกอย่างให้เสร็จ ประเด็นชัดเจนแล้วส่งไปรวดเดียวดีกว่า ประหยัดเวลา เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่ายด้วย

6. คิดจะทำก็ทำเลย อย่ารอ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3d4838492e89208cae1535a6d1f7ef32.jpg

สูญเสียโอกาสในธุรกิจกันไปกี่คนแล้ว กับความขี้เกียจ ผัดวันประกันพรุ่ง มีไอเดียดีๆ แต่ไม่รีบทำ รอไปก่อน ยังไม่มีคนทำหรอก สุดท้ายก็มีคนคิดแบบเดียวกันไปเสนอหัวหน้าแล้วผ่านฉลุย ได้หน้าได้ตาซะงั้น จะเรียกร้องอะไรก็ไม่ได้เพราะไม่ยอมเสนอก่อนเองหากเป็นในแง่ธุรกิจ ก็คือมีคนปาดหน้ารวยแทน ทั้งที่ไอเดียนั้นเป็นของเรา ถ้าเราทำเราก็รวยไปก่อนแล้วนั่นแหละ น่าเจ็บใจใช่ไหมล่ะคะ?ไม่ว่าจะเป็นพนักงานทั่วไป ฟรีแลนซ์ หรือคนที่ตั้งต้นจะทำธุรกิจ หากมีความคิดอะไรดีๆ ในหัว เราเชียร์ให้เริ่มลงมือทำเลย อย่ารอ!ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือเฟลเราไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำแล้ว ถ้าเฟลก็ได้บทเรียนนำไปปรับปรุงในครั้งหน้า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียดายทีหลัง นักธุรกิจหลายคนที่รวยล้นฟ้า ก็มาจากไอเดียที่นั่งคิดเล่นๆ แล้วทำเลยก็มี ถ้าไอเดียนั้นไม่ได้ผิดกฎหมาย ศีลธรรม หรือไปทำร้ายใคร แล้วทำไมจะไม่ลองทำล่ะ ลุยโลด!

7. อดทน พยายามไต่เต้าจากสิ่งเล็กๆ หนทางประสบความสำเร็จมันไม่ง่าย!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6f28314820604801a0c975590ede5377.jpg

ข้อสุดท้ายอาจไม่ใช่เคล็ดลับเจาะลึกการทำงานอะไร แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญถ้าอยากประสบความสำเร็จในการงาน นั่นคือ ' ความอดทนและขยันขันแข็ง ' การจะขึ้นไปอยู่ที่สูงนั้นไม่ง่ายเลย บางคนล้มลุกคลุกคลานเป็นหลายสิบปีกว่าจะรวย


และแม้เธอจะเป็นคนส่วนน้อยที่ฟลุกรวยตั้งแต่ยังสาว ก็ต้องมีกลยุทธิ์ประคับประคองธุรกิจนั้นให้คงอยู่ ไม่ล้ม ซึ่งบอกเลยว่า การรักษาแชมป์น่ะ ยากยิ่งกว่าการครองบัลลังก์แชมป์ซะอีก ถ้าขี้เกียจ เหลาะแหละ ยังไงก็ไปได้ไม่ไกลแน่นอน

ถ้าไม่มีเงินทุน ยังไม่มีไอเดียเจ๋งๆ ก็ไม่ผิดที่ยังไม่อยาก Dream Big หรือฝันให้ใหญ่โต เราสามารถเริ่มจากก้าวเล็กๆ หยิบจับทำนั่นนี่ไปเรื่อยๆ เพื่อสั่งสมประสบการณ์ เพื่อหาลู่ทางทำอย่างอื่นที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต ปลายทางก็ประสบความสำเร็จเหมือนกัน


ข้อดีคือถ้าเริ่มจากสิ่งเล็ก รากฐานเราจะมั่นคง แม้ขึ้นไปที่สูงแล้วเจออุปสรรค ก็จะรับมือได้ง่ายกว่าคนที่ก้าวครั้งเดียวถึงยอดเขาเลย เพราะเสี่ยงจะสั่นคลอนและร่วงหล่นลงมาในที่สุดค่ะ

รูปภาพ:https://media1.tenor.com/images/474d645132f0ba73cb35ad0901fd8bb4/tenor.gif?itemid=12870096

---------------------------------

หลักจัดการชีวิตทำงานหลักๆ ก็จะมีประมาณนี้เลย บางข้ออาจเป็นสิ่งที่ซิสรู้อยู่แล้วแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก หรือละเลยไปเพราะไม่คิดว่าจะมีผลอะไรมาก แต่ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์แนวครีเอทีฟ เขียนงาน ตัดต่อคลิป หรืองานที่ใช้สมาธิอย่างเขียนโปรแกรม ทำบัญชี ก็ต้องการสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ชวนให้ผ่อนคลายกันทั้งนั้น ยิ่งประกอบกับหลักทำงานที่เป็นขั้นตอน มีประสิทธิภาพ ก็ยิ่งเห็นปลายทางของความสำเร็จ ตำแหน่งที่ดีขึ้น เงินเดือนที่สูงขึ้นได้ง่ายขึ้น ลองสังเกตห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงๆ ก็มักใช้หลัก 7 ข้อในบทความนี้กันทั้งนั้นค่ะ

อย่ามัวแต่ทำงานเอาเป็นเอาตายอย่างเดียว โลกตอนนี้ก็สุมด้วยความเครียดมากพออยู่แล้ว อย่าปล่อยให้พลังงานลบกัดกินเธอจนส่งผลกับงาน พยายามเติมพลังบวก ให้สภาพแวดล้อมการทำงานของเธอเป็น Comfort Zone มากที่สุด เมื่อสบายใจที่จะอยู่กับมัน เธอก็จะมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่ผลงานที่ดีขึ้น เป็นกำลังใจให้สาวซิสทุกคนประสบความสำเร็จในปี 2021 กันทุกคนนะคะ มองบวกเท่านั้นถึงจะชนะ!! (b ᵔ▽ᵔ)b