ต้องขอบ่นกันก่อนนะคะ ว่าทุกวันนี้แม่ได้รับอีเมลขยะเยอะมาก ลบผิดลบถูกไปก็เยอะ ส่วนใหญ่เป็นจดหมายสมัครงานที่ไม่สมประกอบ ก็พลอยทำให้แม่เองสติสตังไม่สมประดีไปด้วยบางครั้งแม่เองก็เอาเรซูเม่แปลกๆ ของลูกๆ ไปนินทาลับหลังกันอย่างสนุกปากจนตอนนี้คุณแม่เป็นร้อนในก็แอบคิดในใจว่าคงเป็นเพราะบาปกรรมเหล่านี้หรือไม่ดังนั้นในบทความนี้เรามาช่วยกัน" แก้กรรม "นะคะ ตั้งสติ และสำรวจทุกสิ่งอย่าง ก่อนร่อนใบสมัครค่ะ

.
.
1. อะไรคือเป้าหมายในชีวิต

"จะไปสมัครแอร์ค่ะ"คำตอบนี้อาจจะดูดีงามในสายตาคนไทย แต่กับต่างชาติแล้ว หากลูกๆ ไปบอกพวกนางชาวคอเคซอยด์เหล่านี้จะตื่นตะลึงกับคำตอบของลูกๆ ราวกับเห็นผีเพราะมันเหมือนกับการที่ลูกๆ ทิ้งสิ่งที่ร่ำเรียนมาทุกอย่างเข้าสู่สายงานบริการที่เมื่อสิ้นวาระแล้วก็ไม่รู้จะต่อยอดไปทางไหน อันนี้ก็นานาจิตตังค่ะ เพราะในสายตาคนไทยการเป็นแอร์โฮสเตสคือ ดีงาม เงินเดือนสูง เก่งภาษา และสวยอยู่ดี
ลองวางอนาคตของตัวเองเอาไว้ค่ะ ว่างานแรกเราจะทำอะไร หลังจากนั้นจะไต่เต้าไปเป็นอะไร ต่อยอดไปทำอะไร ไม่เน้นงานแบบธุรกิจส่วนตัวนะคะ อันนั้นเอาไว้คิดนอกรอบ เอางานใน office ก่อน อารมณ์เหมือนเล่นเกมส์ MMO RPG ค่ะ เลือกอาชีพแรก อาชีพที่ 2 ดูกันไปยาว ๆ ค่ะ
ยกตัวอย่างเริ่มแรกอยากทำงานDesigner สายเกมแต่ในบ้านเราสายเกมที่ผลิตเองอาจจะไม่ได้เด่นมาก ส่วนใหญ่เป็น outsource หากเลือกสายนี้ต้องพัฒนาฝีมือให้เต็มที่ เลือกบริษัทที่มีคนเก่งๆ ต้องฝึกภาษา โอกาสที่จะเติบโตไปเป็น Art Director น้อยมาก เพราะเราไม่ได้ผลิดเอง ถ้าอยากไปด้านนั้นต้องดิ้นรนไปทำงานที่ต่างประเทศ เป็นต้นค่ะสำหรับเรื่องอนาคตของการทำงาน หรือสายที่ควรไป ลองปรึกษารุ่นพี่ดูค่ะ อาจจะได้ลู่ทางที่น่าสนใจ อย่าไปปรึกษา Hr หรือ ครูแนะแนวค่ะ พวกนางไม่ได้อินไซต์ขนาดนั้น
2. บริษัทไหนดี

ไม่ใช่ว่าจะส่ง E-mail แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ดูตาม้าตาเรือ ได้ที่ไหนก็วิ่งปรี่ไปรับตำแหน่งนะคะควรจะพิจารณาบริษัทให้ดีด้วย ว่าทำอะไร เป็นองค์กรแบบไหน ตรงกับสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่ซึ่งมีหลายอย่างเหลือเกินค่ะที่ต้องคำนึงอันได้แก่
บริษัทขนาดเล็กบริษัทประเภทนี้ก็จะแยกย่อยไปอีกหลายสิ่งอย่างค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็น Start up คือเพิ่งเริ่มก่อตั้ง เพิ่งเริ่มต้นกิจการ หากเราได้เข้าไปอยู่ในบริษัทแบบนี้ ที่ต้องเตรียมใจเลยก็คือ จะได้ทำงานทุกอย่าง ได้มีบทบาทในทุกสิ่ง ทำตั้งแต่สากกระเบือยันเรือดำน้ำ ไม่มีรุ่นพี่คอยสอนงาน เงินเดือนก็แล้วแต่ที่ แต่โบนัสต้องทำใจเหมาะสำหรับคนที่ต้องการประสบการณ์การทำงานอย่างหนักหน่วงของจริง อยากแกร่งจริงๆ ทั้งร่างกายและจิตใจค่ะ

บริษัท หรือองค์กรขนาดใหญ่
องค์กรเหล่านี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยมนุษย์ป้า มนุษย์ลุง พร้อมด้วยบริวารทั้งหลายตามลำดับขั้น และระบบการทำงานที่พิสูจน์กันมาว่าดีแล้วค่ะ ดังนั้นลูกๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำงานเกินขอบเขตเลยค่ะ เงินเดือนก็ได้ดีตามมาตรฐาน โบนัสตามอัตราที่แจ้งค่ะ
แต่บริษัทใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะมั่นคงอย่างที่เราเข้าใจนะคะทุกวันนี้เราเห็นบริษัทใหญ่ปลดพนักงาน ยุบแผนกนั้น ก่อตั้งแผนกนี้ หรือจ้างให้ออกเลยก็มีมากมายเพราะปัญหาธุรกิจ บางที่ร้ายกาจกว่านั้นตรงที่ไม่ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานที่ทำงานมานานเกินไป เหมือนเป็นการบีบให้ออกเพื่อรับเด็กใหม่ที่รับเงินเดือนน้อยกว่าค่ะ
Comfort Zone แท้จริงแล้วเป็นเพียงภาพลวงค่ะลูกต้องดิ้นรนตะกายขึ้นไปยังห่วงโซ่อาหารที่สูงกว่า เพื่อทำงานที่นี่ให้ยาวนานขึ้นค่ะ แต่ถ้าไม่อยากขึ้นจริงๆ ก็คงต้องหาที่ใหม่ซึ่งก็จะเริ่มยากแล้วเพราะอายุที่มากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลูกจะได้จากองค์กรใหญ่คือ เงิน หน้าตา และโฟรไฟล์ดีๆ สำหรับหาที่ทำงานใหม่ค่ะ
บริษัทข้ามชาติ
บริษัทเหล่านี้เงินเดือนดีค่ะ อาหารตาก็เต็มที่แม่เองทำงานบริษัทญี่ปุ่นก็มีหนุ่มญีปุ่นมาให้แทะโลมไม่ขาดสายแต่ภาษาเราก็ต้องดีด้วยนะคะอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ล้วงลึกคือเป็นชาติอะไรค่ะ เพราะวัฒนธรรมองค์กรก็แตกต่างกันไปด้วยยกตัวอย่าง ญีปุ่นสายไอทีก็จะสุภาพ แต่ตรงไปตรงมา( ตรงจริงๆ นะคะ ไม่ใช่ไร้มารยาทแบบที่เราเข้าใจว่ามันคือความตรง ) ส่วนญีปุ่นสายโรงงาน ก็จะพูดเร็ว มาตรฐานสูงมาก ต้องจิตแข็งเท่านั้นเลย
อีกอย่างหนึ่งคือ ชาวต่างชาติไม่ได้มองโลกในมุมมองเดียวกับเรานะคะ โดยเฉพาะฝรั่ง เขาไม่ได้ใช้ตรรกะเดียวกับเรา ลูกต้องเปิดใจให้กว้างค่ะ และหลายครั้งที่จะต้องใช้เวลานานกว่าจะอธิบายให้เขาเข้าใจมนุษย์คนไทยได้ค่ะ" ทุกวันนี้แม่ก็ยังเถียงกับบอสอยู่เลยค่ะ ว่าคนไทยชอบเสพดราม่า และมีความย้อนแย้งในตัวเองสูง ยูจะขายของแบบนำเสนอเรียงความไม่ได้ "
3. เขียนเรซูเม่เอง

แม้ว่าจะมีบริการเรซูเม่วิเศษ CV เทพ ออกมามากมายแต่ก็ไม่มีอะไรดีงามเท่าเรซูเม่ที่เราเขียนเองหรอกค่ะของที่ทำแบบแผนขึ้นมาสำหรับคนเป็นร้อยเป็นพัน มันจะไปดีงามเท่าของที่ทำมาเพื่อเราคนเดียวได้ยังไง
การเลือกข้อมูลมาเขียน แม่อยากจะบอกว่าเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะค่ะ บทความไหนบอกว่าเขียนเฉพาะที่เกี่ยวกับงานเท่านั้น อย่าไปเชื่อค่ะใครๆ ก็ต้องการรับคนที่มีความสามารถ มีประวัติน่าสนใจเท่านั้น จุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเรียบเรียงของเรานั่นแหละค่ะ ว่าทำยังไงอ่านง่ายไม่เยิ่นเย้อ
สิ่งที่ควรมีอย่างขาดไม่ได้เลยใน Resume
- รูปถ่าย( ต้องสุภาพ เป็นทางการในระดับหนึ่งค่ะ ไม่เอาเซลฟี่บนเตียงนอนนะคะ )- ข้อมูลสำหรับติดต่อกลับ ( เบอร์โทร )
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เพศ สถานะ สถานะการเกณท์ทหาร
- ประวัติการศึกษา
- ประวัติการทำงานอย่างชัดเจน บอกได้ว่าทำหน้าที่อะไร
- ความสามารถทางการทำงาน
- กิจกรรมต่างๆ เช่นการประกวด การเข้าร่วมกิจกรรม การอบรมต่างๆ
- ความสนใจ กิจกรรมยามว่าง จุดมุ่งหมายในการทำงาน
สิ่งที่ห้ามใส่ลงไปใน resume หรือ CV ค่ะ
- เพ้อเจ้อ ( อ่านไม่ไหวนะคะ ผู้พิจารณาอาจจะคิดไปได้ว่าลูกไม่เต็มด้วย )
- ทัศนคติเชิงลบทุกสิ่งอย่าง
- รก อ่านยาก (สงสารคนแก่บ้างนะคะ)
4. จะกดส่งแล้ว ตรวจดูให้ถี่ถ้วน

ชื่อ E-mail ขอให้ไม่เป็นคำหยาบคายก็พอค่ะอย่าลืมเช็ครูปโปรไฟล์ใน E-mail ด้วยนะคะ เพราะของพวกนี้มันก็สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้เยอะเหมือนกัน
การสะกด คำผิดคำถูก ตรงนี้พิจารณาหนักเลยค่ะ ในกรณีที่สมัครเป็นนักเขียนหรือผู้ตรวจบทความ ถ้าเจอคำผิดแทบจะเรียกได้ว่าโดนปรับตกแน่นอน แต่ในบางตำแหน่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญมากค่ะ หลายๆ บทความบอกถึงความน่ากลัวในการสะกดคำผิด แม่เองก็คิดว่า HR เหล่านั้นเรื่องมาก และอาจจะทำให้พลาดคนเก่ง ๆ ไปได้เหมือนกัน
หัวข้อของ E-mail ควรเขียนฟอร์แม็ตตามนี้นะคะ" สมัครงาน...(ตำแหน่ง)....... .......(ชื่อ)....... " ไม่ควรให้ยาวไปหรือสั้นไปอย่างเช่นสมัครงานนะคะ เพราะผู้คัดเลือกจะสามารถกรองจดหมายได้เลย รวมถึงค้นหาผ่านชื่อของเราได้ง่ายด้วย
ถ้าต้องแนบไฟล์ ให้ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อไฟล์ด้วยเช่น Portfolio_Anna_Belle เพื่อป้องกันความสับสนค่ะ
ในกรณีที่ต้องแนบไฟล์ไม่ควรแนบไฟล์ที่ใหญ่เกินไปค่ะ และไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการใส่ Zip ด้วยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่างการส่ง source code หรือไฟล์โปรเจ็กต์ก็ไม่ควรใส่ Zip เลยค่ะควรจะทำเป็นฟอร์แม็ตที่เข้าดูได้ง่าย เช่น เว็ปไซต์ portfolio online ต่างๆ หรือ Youtube เพราะบริษัทหนึ่งเมื่อมีประกาศรับสมัครงาน จะมีผู้สมัครเยอะมาก ถ้าต้องมา download ทีละคน จะเสียเวลามาก และจะทำให้ปะปนกันค่ะ
ตรวจสอบสิ่งที่เราจะส่งไปว่าครบตามความต้องการของบริษัทในบางกรณีเช่นตำแหน่ง Designer ต้องมี portfolio ด้วยเสมอ ต่อให้บริษัทไม่ได้ข้อก็ตามค่ะเพราะแม่เชื่อว่าที่พวกนางไม่ได้ขอคือทาง Hr ลืมใส่อย่างแน่นอนค่ะ
สุดท้ายอย่าลืมใส่ เบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อกลับด้วยนะคะ

นี่แค่รอบคัดเลือกนะคะลูกๆ ของจริงคือตอนสัมภาษณ์ค่ะ ซึ่งก็จะแตกต่างกันไป บางที่เป็นผู้ที่ทำงานด้วยโดยตรง ส่วนบางที่เป็นด่านของ HR ณ จุดนี้ คุณแม่จะขอเสนอเรื่องของการเตรียมตัวเข้าสัมภาษณ์ในโอกาสต่อไปค่ะ
หากมีอะไรเพิ่มเติม สงสัย สอบถามกันเข้ามาได้นะคะ แม่แอนยินดีตอบให้ค่ะ ส่วนใครที่เริ่มร่อนไปแล้วยังไม่มีการตอบกลับ ถ้าไม่ได้ผิดพลาดอะไร อันนี้แม่เองก็คิดว่ามันเป็นดวงนะคะ ก็ต้องลุ้นกันต่อไป เป็นกำลังใจให้คนหางานทุกคนค่ะ
ด้วยรัก และอยากสิง
แอนนา เบลล์
บทความที่เกี่ยวข้อง

How to แต่งหน้าไปสมัครงานยังไงให้ดูไม่ใสๆ ไม่แก่ เนียนเด้งทั้งวัน
https://sistacafe.com/summaries/10688

5 เทคนิคการแต่งตัว 'สัมภาษณ์งาน' สวยปัง ได้งานแน่นอน
https://sistacafe.com/summaries/5577

ข้อผิดพลาด 6 อย่างที่ต้องหลีกเลี่ยงเมื่อสัมภาษณ์งาน
https://sistacafe.com/summaries/3181