ไลฟ์สไตล์ของซิตี้เกิร์ลอย่างพวกเราทุกวันนี้
วิธีลดน้ำหนัก
กับวิถีการทำงานมันช่างแปรผกผันกันเหลือเกิน ยังไง้ยังไงก็ยากต่อการสร้างหุ่นดีๆ เป็นอย่างยิ่ง ทั้งการทำงานที่วันๆ เอาแต่นั่งหน้าจอ กินเช้าแบบด่วนๆ พักเที่ยงแบบรีบเร่ง ต่อด้วยบุฟเฟต์ในช่วงเย็น ไหนจะต้องชาร์จแบตร่างกายด้วยขนมกรุบกริบ เครื่องดื่ม กาแฟ ของหวานที่ช่วยชโลมจิตใจให้สดชื่นอีกสารพัด ใครจะไปอดใจไหว สุดท้ายก็ต้องเซิร์ชหา
วิธีลดน้ำหนัก
กันให้วุ่น และจบลงด้วย งั้น..พรุ่งนี้ละกันค่อยผอม
ไม่ได้การๆ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงยังไงก็ไม่เคยหยุดสวย เลิกอิจเพื่อนสาวสายกินที่กินเท่าไหร่ไม่ยักกะอ้วน เลิกผลัดวันประกันพรุ่งหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ ได้แล้ว เราจงลุกขึ้นมาปฏิวัติการกินของเรา ให้กินแบบมีความสุข สุขภาพดีทั้งภายนอกและภายในด้วยการสร้างนิสัยการกินเหล่านี้ มุ่งสู่
วิธีลดน้ำหนัก
ที่ยั่งยืนกันเถอะ!
กินแล้วห้ามนั่ง!
ใครจะกินอะไรมาเท่าไหร่เราไม่รู้ แต่กฎเหล็กอย่างหนึ่งของการกินอย่างไรไม่ให้อ้วนคือ
กินแล้วห้ามนั่ง
เด็ดขาด..เดี๋ยวๆ เราไม่ได้หมายความว่าพอกินเสร็จแล้วต้องยืนตลอดไป ฟอร์เอเวอร์ แอนด์ เนเวอร์ อะไรแบบนั้น แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อกินเสร็จทุกครั้ง ต้องอย่านั่งในทันที เพราะถ้าได้นั่งแล้วเมื่อไหร่ล่ะก็ยาวววแน่นอน อย่างน้อยๆ ให้เดินเล่น ยืดเส้นยืดสาย เดินย่อยไปมาซักสิบถึงสิบห้านาที ถ้ามีเวลาก็ให้ไปเลย 30 นาทีเต็มๆ ทริคนี้ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็น
วิธีลดน้ำหนักง่ายๆ
ที่ทำได้จริงมานักต่อนักแล้วนะ เพราะอย่างน้อยที่สุด เมื่อกินเสร็จแล้วเดินย่อย ไม่นั่งหรือนอนในทันที ก็ช่วยลดพุง ลดปัญหาไขมันสะสมที่หน้าท้อง และลดปัญหากรดไหลย้อนได้ดีทีเดียวล่ะ ;)
กินช้าๆ เคี้ยวแบบมีสติ
ยุบหนอ..พองหนอ..ยุบหนอ พอละ ไม่ใช่การเคี้ยวแบบอานาปานสติ กำหนดรู้ลมหายใจอะไรขนาดนั้น แต่เป็น
การเคี้ยวให้ช้าลงเคี้ยวให้ละเอียดขึ้น
รับรสอาหารและรู้สึกถึงสัมผัสของรสชาติและเนื้ออาหารให้ลึกยิ่งขึ้น ไม่ต้องถึงขนาดเคี้ยวจนรสชาติจืดชืดเละเทะอยู่ในปาก เดี๋ยวจากจะกลืนจะกลายเป็นอ้วกไปซะก่อน แค่เคี้ยวให้รู้สึกแบบมีสติมากขึ้น พยายามนับครั้งที่เคี้ยวให้ได้ 10 ครั้งขึ้นไปเป็นอันใช้ได้
กินคาวต้องกินหวาน สลับผลไม้
เราต่างรู้และเข้าใจกัน ( เอาเอง ) แล้วว่า
" กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ "
แต่กินยังไงก็ต้องกินแต่พอดี ถ้ารู้ว่าต้องหาของหวานๆ ตบท้ายมื้ออาหารแล้วล่ะก็ลองสลับจากชีสเค้ก ฟัดจ์ช็อกโกแลต คุกกี้แอนด์ครีม คาราเมลวานิลลา ที่อุดมไปด้วยแคลอรี่ บลา บลา บลา ทั้งหลายมาเป็นผลไม้บ้างก็ดี เพราะความหวานที่ร่างกายเราต้องการจริงๆ ก็เทียบเท่าปริมาณน้ำตาลที่ไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชาแค่นั้นพอ ซึ่งความหวานสดชื่นกับไฟเบอร์จากผลไม้ก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ต้องห่วงว่าจะขาดน้ำตาลแน่นอน อ้อ! แอบกระซิบว่าผลไม้อย่างมะม่วงเป็นผลไม้แห่งแป้งเลยนะ และส้มคือผลไม้แห่งน้ำตาล จงเลือกกินอย่างระมัดระวังกันนะจ๊ะ
กินเท่าไหร่ เบิร์นออกไปเท่านั้น
ออกกำลังกาย คือ เดอะเบสท์ เอเวอร์ เพราะนอกจากจะทำให้เราได้เบิร์นแคลอรี่ที่สะสมไว้ ยังช่วยทำให้เราได้ผ่อนคลาย ขับของเสีย ผิวสดใส อารมณ์ดีได้อีกด้วย แต่ต้องเข้าใจว่าถ้ากินไป 80 ออกกำลัง 20 ก็คงจะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่เห็นผล ควรจัดสัดส่วนการออกกำลังกายให้เหมาะสมจะได้เห็นผลไวดีกว่า ท่องไว้ว่า
กินเ
ท่าไหร่ เบิร์นออกไปเท่านั้น
หรือถ้าจะให้ดี ก็เบิร์นให้มากกว่านั้นกันไปเลยค่ะ
กินรสชาติที่ตัวเองทำ
กินรสชาติที่ตัวเองทำ
ก็คือกินอาหารที่ทำเองนั่นแหละ วิธีลดน้ำหนักข้อนี้บอกได้เลยว่าเวิร์คมากก เพราะเมื่อเราทำอาหารเองเราจะรู้ว่าควรใส่ปริมาณเครื่องปรุงไปเท่าไหร่ ใส่น้ำตาลเยอะไปหรือเปล่า น้ำมันเยิ้มท่วมทุ่งไปแล้ว หรือใส่ผงชูรส เกลือ น้ำปลา ที่อุดมไปด้วยโซเดียม เพิ่มความบวมให้ร่างกายพอแล้วหรือยัง เมื่อเราควบคุมได้ อาหารที่ได้ก็จะดีต่อสุขภาพมากขึ้น รสชาติถูกปากมากขึ้น ไม่ต้องเติมเครื่องปรุงให้มันจัดจ้านเกินความจำเป็น เช่นวิธีการทำข้าวผัดเบคอน ทำง่ายอร่อยง่ายไม่อ้วน ตามคลิปข้างล่างนี่เลย หิวล่ะสิ
กินผักครึ่งนึง อย่างอื่นครึ่งนึง
และแล้วก็ Back to Basic เมื่อมีผลไม้แล้ว จะลืม
กินผัก
กันไปได้อย่างไร ในมื้ออาหาร สิ่งสำคัญที่ต้องกินอยู่เสมอควบคู่ไปกับแป้งและเนื้อสัตว์คือผัก ไม่ว่าจะตัดเลี่ยน เปลี่ยนรสสัมผัส หรือเพิ่มกากใยให้มีความสามารถในการขับถ่ายดีขึ้นก็ตาม ผักก็ยังมีประโยชน์ที่ไม่เคยร่ายออกมาได้หมด ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าแคลอรี่ที่ต่ำแต่ไฟเบอร์สูงเป็นมิตรที่ดีต่อ
วิธีลดน้ำหนัก
เป็นอย่างยิ่ง
เอาล่ะค่ะ นี่ก็เป็นวิธีลดน้ำหนักง่ายๆ ไม่ต้องหาสูตรลดน้ำหนักให้วุ่นวาย เพียงปรับนิสัยการกินให้มีสติ สุขภาพที่ดีแบบยั่งยืนทั้งร่างกายและจิตใจก็จะเป็นของเราโดยไม่ต้องเซิร์ชหาตัวช่วย กลัวผิวหย่อนย้วยไม่เฟิร์ม หรือกลัวว่าจะโยโย่เอฟเฟ็คต์ หรือหิวจนท้องร้องโครกครากยามค่ำคืนแน่นอน ลองดูวันละนิด กินแล้วไม่รู้สึกผิด แฮปปี้จะตาย
