1. SistaCafe
  2. ‘กราโนล่า’ คืออะไร?! ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?! ที่นี่มีคำตอบ!
div-gpt-ad-1738652799410-173878216

กระแสรักสุขภาพกำลังมา! ทั้งการออกกำลังกายสุดฮิตอย่าง T25 หรือพิลาทีส ฝั่งอาหารก็ไม่น้อยหน้าใคร ส่งกองทัพ"อาหารคลีน"ไม่ใส่น้ำมัน ไม่ใส่น้ำตาล มาจากธรรมชาติล้วนๆมาให้แก๊งสาวรักสุขภาพที่ใส่ใจโภชนาการหาซื้อกินกัน ก็แหม ทั้งดีต่อสุขภาพ ทั้งลดความอ้วนด้วยนี่นา แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวแกงปกติก็เถอะ!



เจ้าของร้านอาหารบางคนหัวใส ออกเมนู"อาหารคลีนเดลิเวอรี่"ส่งทั่วประเทศ ขายดิบขายดีนับเงินกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว บางร้านขายแต่อาหาร แต่บางร้านก็มีขนมล้างปาก ซึ่งตอนนี้ขนมคลีนๆ ยอดฮิตกำลังมาแรง แต่เอ ขึ้นชื่อว่า"ขนม"จะลดความอ้วนได้จริงเหรอ?วันนี้เราจะไขข้อสงสัยให้สาวๆ ทุกคนค่ะ เลื่อนลงมาอ่านข้างล่างได้เล้ย!


กราโนล่าคืออะไรกันนะ

"กราโนล่า" (Granola)เป็นธัญพืชจากทางฝั่งตะวันตก นิยมทำเป็นซีเรียล กินเป็นอาหารเช้าหรือเป็นขนมกินเล่นก็ได้ เพราะมีรสชาติที่หอม หวาน มัน จากส่วนผสมอย่างข้าวโอ๊ต ถั่วและน้ำผึ้ง ผสมกันและนำไปอบให้กรอบ แต่หลายคนใส่ผลไม้แห้ง ลูกเกด ลูกพลัม ช็อกโกแลต และสารพัดอย่างเพื่อเพิ่มรสชาติ อร่อย กินเพลินจนหมดถุงได้ง่ายๆ



กราโนล่ามีแคลอรี่สูง แต่เต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์และธาตุเหล็กสูง ถั่วและเมล็ดธัญพืชต่างๆ ก็มีไขมันดีซึ่งช่วยบำรุงหัวใจ แม้จะมีแต่ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือ "คลีน" แต่เพราะพลังงานที่สูงลิบลิ่ว เธอจึงต้องคิดให้ดีก่อนกิน เพราะหากกินมากเกินไปก็อ้วนได้เหมือนกันนะ!



และนี่คือหมายเหตุ 6 สิ่งที่เธอควรรู้ก่อนกินกราโนล่า ขนม (ที่เขาว่า) คลีนค่ะ อ่านดีๆ นะ กินจนเพลินไปเดี๋ยวน้ำหนักขึ้นพรวด จะหาว่าไม่เตือนนะเธอ!



1. ตรวจสอบ "น้ำตาล" ที่ผสมอยู่ในกราโนล่าให้ดี!

กราโนล่ามักมีส่วนผสมที่เต็มไปด้วยน้ำตาล แต่แทนที่จะใช้ชื่อธรรมดาว่า“น้ำเชื่อมข้าวโพด”ที่มีฟรักโทสสูง ฉลากกลับเล่นตลกด้วยการใช้ชื่อที่ดู“เพื่อสุขภาพ”หลอกผู้บริโภคซะงั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรูๆ อย่าง น้ำเชื่อมอ้อยละลาย, กากน้ำตาล, น้ำอ้อย, น้ำเชื่อมข้าวกล้อง, น้ำเชื่อมข้าวโอ๊ต ทั้งหมดก็คือน้ำตาลทั้งนั้น!นั่นหมายถึง “อ้วนรัวๆ!” ปริมาณน้ำตาลที่แนะนำในแต่ละวันคือ 8 กรัมต่อหนึ่งชิ้น (หากน้อยกว่านี้ก็จะดีนะ)


2. ตรวจสอบปริมาณ "แคลอรี่" ด้วยนะจ๊ะ!

เป็นเรื่องปกติที่กราโนล่าชิ้นหนึ่งจะมีพลังงานหลายร้อยแคลอรี่!ถ้าเป็นกราโนล่าประเภท“รักสุขภาพ”ไม่ปรุงแต่งรสเยอะ จะมีพลังงานน้อยกว่า 200 แคลอรี่ต่อ ¼ ถ้วย,270 แคลอรีต่อ 1/3 ถ้วยหรือ400 แคลอรี ต่อ ½ ถ้วยกินแค่สองถ้วยก็ได้พลังงานที่ต้องใช้ทั้งวันแล้วนะ ระวังให้ดี!



3. ใช้ภาชนะใบเล็กๆ เข้าไว้!

มีคำกล่าวไว้ว่า“ปริมาณกราโนล่าที่เหมาะสมต้องน้อยกว่าซีเรียล อย่าเทลงไปทั้งชามเชียวนะ!”โดยทั่วไปกินเพียง ¼ หรือ 1/3 ของถ้วยก็พอแล้วดังนั้นแทนที่เธอจะโหมใส่เจ้ากราโนล่าและนมช็อกโกแลตลงไปจนเต็มชามเธอต้องเพิ่มอาหารชีวจิตเข้าไปด้วยเช่นกรีกโยเกิร์ตหรือโอ๊ตมีลนะจ๊ะ



4. ตัดปริมาณ "ไขมัน" ออกบ้าง!

กราโนล่าส่วนใหญ่มีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันดี บำรุงหัวใจ และมีโอเมก้า 3 จากเมล็ดธัญพืชอีกด้วยแต่กินไขมันมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี จะตัวพองไม่รู้ตัว!หากจะกินขนมคลีนๆ ชนิดนี้ ลองเลือกแบบที่มีไขมันเพียง 2-3 กรัมเช่นกราโนล่าที่มีส่วนผสมของผลไม้เยอะๆ อย่างบลูเบอร์รี่ดูสิ!


5. เลือกชนิดน้ำมันที่ใช้อย่างฉลาด!

ขนมกราโนล่าหลายยี่ห้อใช้น้ำมันปาล์มและน้ำมันไฮโดรเจน(Hydrogenated Oil) ในส่วนผสมบนฉลาก!น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวพวกนี้ส่งผลร้ายต่อหัวใจอย่างแรง!เลือกหายี่ห้อที่ใช้น้ำมันมะพร้าวแบบออร์แกนิกหรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะดีกว่านะ


6. ระวังส่วนผสมอันตรายที่อาจมองข้าม!

แม้แต่ส่วนผสมในกราโนล่าที่อ้างว่าตัวเองเป็นแบรนด์ “เพื่อสุขภาพ” ก็มีเรื่องให้เราประหลาดใจเสมอเช่น มีส่วนประกอบของอินูลิน( ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งมีผลเสียคือทำให้การย่อยอาหารมีปัญหา)โปรตีนถั่วเหลืองแบบแยกตัวหรือส่วนผสมแอบแฝงอีกมากมายที่ทำให้เธอป่วยไม่รู้ตัว เช็คส่วนผสมให้ดีๆ ก่อนซื้อนะจ๊ะตัวเอง


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้