เรื่องกลิ่นเป็นปัญหาสำหรับสาวๆ แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะเป็นต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์ใช่มั้ยคะ คราวนี้ลองมาดูกันว่ากลิ่นไม่พึงประสงค์อะไรบ้างที่สร้างปัญหาให้กับสาวๆ ของเรา ทำให้ไม่มั่นใจ จนทำให้เสียบุคลิกภาพบ้างมาดูกันค่ะ

รูปภาพ:http://storage.torontosun.com/v1/dynamic_resize/sws_path/suns-prod-images/1334152776694_ORIGINAL.jpg?quality=80&size=650x

1. เริ่มจากกลิ่นตัวกันเลย

กลิ่นตัวเกิดจากแบคทีเรียบนผิวหนังย่อยสลายเหงื่อและไขมันจนเกิดเป็นกรดไขมันและแอมโมเนีย กลายเป็นกลิ่น บริเวณที่มีเหงื่อออกมาก กลิ่นจึงแรงกว่าบริเวณอื่น แต่โดยรวมแล้วจะกลายเป็นกลิ่นตัว ซึ่งแต่ละคนจะมีกลิ่นเฉพาะตัว ผู้ชายจะกลิ่นตัวแรงกว่าผู้หญิง เพราะมีต่อมเหงื่อมากกว่านั่นเอง นอกจากนี้ การรับประทานอาหารบางชนิดก็ทำให้เกิดกลิ่นตัวรุนแรงได้เช่นเดียวกัน เช่น อาหารที่มีกลิ่นฉุนอย่างสะตอ กระเทียม เครื่องเทศต่างๆ เป็นต้น รวมไปถึงคนที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า

รูปภาพ:http://s.hswstatic.com/gif/how-to-tell-body-odor-1.jpgรูปภาพ:http://thepeoplespharmacy.graedonenterpris.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/Smelly_Armpit-Woman.jpg

แล้วจะทำยังไงเมื่อมีกลิ่นตัว?


ข้อแรกที่เราต้องทำคือการรักษาความสะอาดของร่างกาย การอาบน้ำให้สะอาดเป็นสิ่งจำเป็น ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในการอาบน้ำต้องเหมาะสม ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกินไป เพราะยิ่งจะทำให้ร่างกายขับน้ำมันออกมาผสมกับแบคทีเรียกลายเป็นกลิ่นตัว วนเป็นปัญหาไม่จบสิ้น หากใครมีกลิ่นตัวแรงลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียอ่อนๆ ก็ช่วยได้ค่ะ แต่อย่าใช้บ่อยจนเกินไปนะคะ

งดการขัดผิวเกินความจำเป็น จำนวนที่เหมาะสมคืออาทิตย์ละครั้งเท่านั้น การขัดผิวมากเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และเป็นการทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์กับร่างกายออกไปด้วย

ลดอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น เครื่องเทศ ผักบางชนิด เช่นกระถิน ชะอม สะตอ เป็นต้น ลดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เพราะหมักหมมสะสมในร่างกาย ย่อยยากจึงทำให้เกิดการตกค้างในลำไส้ ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่เหมาะสม

รูปภาพ:http://www.never-age.com/article/2012/12/352/images/nokroo_1318229960_4413.jpg

2. กลิ่นปาก

กลิ่นปากนั้นสำคัญเป็นลำดับต้นๆ เพราะเราต้องพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นตลอดเวลา หากปากเรามีกลิ่นเหม็น ย่อมส่งผลเสียร้ายแรงต่อบุคลิกภาพของเรา ซึ่งกลิ่นปากนั้นอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาช่องปากไม่สะอาด ทำให้มีเศษอาหารตกค้างในซอกฟัน สะสมหมักหมมจนเกิดเป็นกลิ่นขึ้น การมีปัญหาในช่องปาก เช่นฟันผุ มีหินปูนมาก เหงือกอักเสบ ลิ้นเป็นฝ้า การรับประทานอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง จนกลิ่นนั้นคิดค้างอยู่ การเป็นโรคบางชนิด เช่น ไข้หวัด มีน้ำมูกข้นเหนียว โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นต้น

รูปภาพ:http://frynn.com/wp-content/uploads/2015/01/ปากเหม็น.jpg

ทำอย่างไร เมื่อมีกลิ่นปาก

ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างละเอียด หลังรับประทานอาหาร บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด ใช้ไหมขัดฟันกำจัดเศษอาหารในซอกปากออกให้หมด หากมีกลิ่นปากค่อนข้างแรง สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อระงับกลิ่นปากได้ หากเป็นวันที่ต้องทำงานหรือมีการพบปะกับผู้คนเป็นจำนวนมาก ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง หรือมีส่วนผสมของเครื่องเทศ งดการสูบบุหรี่และงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าเป็นไปได้ เช็คสุขภาพปากและฟันเป็นประจำ

รูปภาพ:http://frynn.com/wp-content/uploads/2015/01/สเปรย์ระงับกลิ่นปาก.jpg

3. กลิ่นจากจุดซ่อนเร้น

กลิ่นที่สาวๆ หลายคนเป็นกังวล เพราะมันค่อนข้างจะพิเศษ เนื่องจากหากจุดซ่อนเร้นอันบอบบางของสาวๆมีกลิ่นนั้น บ่งบอกถึงความร้ายแรงพอสมควร และอาการที่อาจจะไม่ปกติ ซึ่งกลิ่นจุดซ่อนเร้นนั้นไม่เพียงบ่งบอกว่าเกิดการหมักหมมแล้ว อาจจะมีเป็นอาการเริ่มต้นของโรคต่างๆ ได้ เช่นการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ พอบอกอย่างนี้แล้วน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย แต่ทั้งนี้เราต้องสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีตกขาวที่ผิดปกติ คือมีสีเหลือง เขียว หรือมีสีแปลกๆ ปลอมปนออกมา แต่ทั้งนี้ก็ไม่เสมอไป เพราะสาวๆ หลายคนอาจจะมีกลิ่นจากจุดซ่อนเร้น เนื่องมาจากเพราะว่าการหมักหมมและการดูแลที่ไม่สะอาดก็ได้ เช่นการไม่ใช่ทิชชูซับหลังปัสสาวะ การซักชุดชั้นในไม่สะอาด การใส่กระโปรงหรือกางเกงที่รัดจนเกินไปก็ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นเดียวกัน

รูปภาพ:http://calcagnodds.com/wp-content/uploads/2014/07/woman-smells-bad-smell-267x300.jpg

ทำอย่างไร เมื่อเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์

หากไม่ได้มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาว อาการแสบหรือคัน ก็ให้ตรวจดูเรื่องความสะอาดของเสื้อผ้าที่สวมใส่ การดูแลรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นว่าทำอย่างถูกต้องหรือไม่ หากมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น ตกขาวผิดปกติ แสบหรือคัน ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียด

รูปภาพ:http://www.phyathai.com/FileUpload/Data/image/article/Cervix_Cancer01.jpg

4. กลิ่นเท้า

กลิ่นเท้านั้นเกิดจากการที่แบคทีเรียทำปฏิกิริยากับเหงื่อบริเวณเท้าเรา ซึ่่งบริเวณเท้าของเรามีต่อมเหงื่ออยู่ราว 250,000 ต่อม จึงทำให้มีเหงื่อผลิตออกมาแทบจะตลอดเวลา ประกอบกับการสวมใส่รองเท้าที่อาจจะไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่สามารถระบายความอับชื้นได้อย่างดีพอ จึงทำให้เกิดปัญหาเท้ามีกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ ยังมีแบคทีเรียบางตัวที่ทำให้เท้าเหม็นมากเป็นพิเศษ เหม็นถึงขนาดเรียกว่าเป็นโรคเท้าเหม็นได้เลยทีเดียว ซึงอาจจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เท้าลอก เป็นต้น

รูปภาพ:http://www.siam55.com/attach/1423130097.jpg

ทำอย่างไรเมื่อเท้าเหม็น


อย่างแรกต้องทำความสะอาดเท้าอย่างสม่ำเสมอ ใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ( แต่อย่าบ่อยจนเกินไปนัก ) ขัดเท้าด้วยแปรงอ่อนๆ เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก หลังทำความสะอาด ใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง ทำความสะอาดเล็บและซอกเล็บ ตัดแต่งให้เรียบร้อยเสมอ ทำความสะอาดดูแลอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้กับเท้า ทั้งรองเท้า ถุงเท้าให้สะอาด หากไม่มีความจำเป็นต้องใส่รองเท้า ควระจะพักเท้าด้วยการถอดรองเท้าออกบ้าง ใส่ถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เลือกรองเท้าที่ทำจากวัสดุได้คุณภาพ ระบายอากาศอย่างเหมาะสม ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นเท้าก่อนสวมรองเท้า หรือใช้แป้งดับกลิ่นเท้าร่วมด้วยก็ได้ หลังจากสวมรองเท้านำเท้าแช่ในน้ำเกลือเพื่อฆ่าเชื้อโรค ขณะถอดรองเท้าไว้ที่บ้าน วางถุงชาที่ใช้แล้ว ( ตากแห้งแล้ว ) เพื่อช่วยดูดกลิ่นต่างๆ ออกจากรองเท้าด้วยก็ได้

รูปภาพ:http://frynn.com/wp-content/uploads/2015/01/เกลือดับกลิ่นเท้า.jpgรูปภาพ:http://img.tnews.co.th/large/tnews_1416534963_9183.jpg

การดูแลตัวเองอย่างดี จะทำให้สาวๆ หมดปัญหาเรื่องกลิ่น จะได้หมดกังวลเรื่องบุคลิกภาพ ไม่เสียภาพลักษณ์ด้วยจ้าาาาา

บทความที่เกี่ยวข้อง