บางครั้งการเป็นแฟนกันก็มีอะไรมากกว่าความรัก ความหลงใหลนะ! หลายคู่ที่เจอกันทีไรก็รักกันปานจะกลืนกิน นึกว่าต้องเตรียมตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้รอแล้ว ไม่ถึงปีกลับเลิกกันซะงั้น! เธอรู้จักสำนวนว่า “ น้ำนิ่งไหลลึก ” ไหม ความรักที่ดูออดอ้อน จี๋จ๋า  อาจมีความคุกรุ่นที่สั่งสมไว้ภายใน รอวันระเบิดออกมา เพราะไม่ยอมคุยกันให้เข้าใจตั้งแต่แรกนั่นเอง ที่คิดว่าดี อาจกำลังรอวันเลิกกันอยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้!

เวลาคุยหรือปรึกษาแฟนของเธอ ไม่ว่าเรื่องอะไร เธอรับฟังอย่างจริงจังบ้างรึเปล่า หรือแค่ยิ้มแบบแกนๆ กลอกตาเหมือนลมอะไรสักอย่างผ่านเข้าหู หรือเวลาเขาพยายามจะตักเตือนอะไรก็หันหน้าเมินไปทางอื่นซะงั้น

แฟนของเธออาจจะทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ในใจเขาเริ่มคิดว่า “เธอไม่เห็นความสำคัญของเขาเลย” ครั้งแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าครั้งไหนๆ เธอก็เอาแต่กลอกตาไปมา ยกไหล่แบบไม่ยี่หระแล้วพึมพำว่า “ช่างเถอะ” ก็จงระวังไว้ให้ดี ต่อไปเขาจะไม่บ่นแล้ว แต่เขาจะจากเธอไปเลย!

การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตัว “ ข่ม ” อีกฝ่าย  เป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นในชีวิตคู่ โดยเฉพาะจะรู้สึกแย่มากถ้าเธอเป็นฝ่ายโดนข่ม จะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ต้องรอเขาอนุมัติก่อน เขาไม่กินผักและเธอก็ต้องไม่กินด้วย เป็นต้น ณ ตอนนี้ลองถามใจตัวเองว่า ใครที่กำลังดำเนินความสัมพันธ์อยู่ เธอหรือเขา? ความรักที่ดีนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องมีอำนาจในการตัดสินใจเท่าๆ กัน

การเคารพซึ่งกันและกัน “ สำคัญมากกกก ( ก ไก่ล้านตัว) ” สำหรับความรัก ถ้าเธอไม่เคารพหรือยอมรับความคิดเห็นอีกฝ่ายเลย เขาจะเริ่มไม่อยากแสดงความคิดในทุกเรื่อง และอาจจะลามไปถึงว่า “ อย่างนี้จะมีแฟนต่อไปทำไม เลิกเลยดีกว่า ” ก็ได้! ถ้าเธอยังไม่คิดจะฟังเขาบ้าง และดันมีสาวสวยคนใหม่ที่พร้อมจะรับฟัง เคารพนับถือเขาล่ะก็ ใจเขาจะโอนเอียงไปหาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดสักแอะเดียวเลยแหละ!

อย่าพูดจาดูถูกแฟนเพียงเพราะอยากเอาชนะในการทะเลาะเลยนะ! ยิ่งถ้าอยู่ในที่สาธารณะยิ่งไม่ควร “โชว์พาว” เป็นอย่างยิ่ง อย่าทำให้แฟนของเธอดูเหมือน “ ไอ้โง่ ” หรือตัวตลกให้คนหัวเราะขบขัน อย่าพูดเหมือนอีกฝ่ายไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีเกียรติ แม้ว่าเกียรติและศักด์ศรีจะกินไม่ได้ แต่ก็เป็นตัวบ่งชี้ถึงการมีคุณค่าและเคารพตัวตนอีกฝ่าย ถ้าเธอดูถูกเหน็บแนมจนเขาหน้าซีดแล้วล่ะก็ ส่อแววการเลิกราลอยมาแต่ไกลเลย!

สาวๆ บางคนมีนิสัยแปลก คือชอบบ่นแฟนตัวเองให้เพื่อนฟัง เพื่อหวังให้พวกเขาเห็นใจและปลอบโยนว่า “ ทำไมเธอต้องเจอกับคนแบบนี้ ” แต่การพูดจาให้ร้าย ดูถูกแฟน ยิ่งเหมือนการด่าตัวเองทางอ้อมว่าเลือกคนแย่ๆ มาเป็นแฟนซะงั้น! แล้วรักมันจะไปรอดไหมเนี่ย ทางแก้ก็ไม่ยาก หาข้อดีของเขาแล้วใช้คำพูดชมเชยเขาบ่อยๆ ดีกว่า

บางครั้ง “ การหนีปัญหา ” ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ( สำหรับบางคน ) แต่ถ้าไม่เคยคิดจะคุยให้เข้าใจเลย เอะอะก็ไว้คุยวันหลัง เอะอะก็ปล่อยมันไปเถอะ อันนี้เริ่มไม่โอเคแล้วล่ะ!

ถ้าเธอเจออ่างล้างจานที่มีจานชามกองสกปรกพูนสูงเท่าภูเขา เสื้อผ้าวางกระจัดกระจายเหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา แต่เธอก็ได้แค่ฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ ไม่ยอมพูดเรื่องนี้ตรงๆ กับแฟนแล้วล่ะก็ เชื่อเถอะว่าสักวันหนึ่งปัญหานี้จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และระเบิดตู้ม! ออกมาแน่นอน คราวนี้ล่ะเข้าหน้ากันไม่ติดแน่ๆ 

ถ้าไม่ทะเลาะ ก็อาจลงเอยด้วยการเฉยชาของเธอ และความไม่เข้าใจ ( เพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิด ) ของเขา และห่างกันไปทีละน้อย จนเลิกรากันไปในที่สุดค่ะ  ทางที่ดีจับเข่าคุยกันตรงๆ ดีกว่านะ

ข้อนี้มักเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้นๆ ที่รักส่อแววล่มและในที่สุดก็เกิดการเลิกรา คนส่วนใหญ่มักคิดว่าแฟนก็คือ “ คนที่จีบสำเร็จแล้ว ” ดังนั้นไม่ต้องใส่ใจเท่าตอนจีบกันใหม่ๆ ก็ได้! เธออาจไม่รู้ตัวว่า ไม่ค่อยใส่ใจแฟนเหมือนเมื่อก่อน ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา มองในมุมของผู้ชายว่า  “ ถ้าเธอเป็นเขา โทรไปทีไรเธอก็บอกว่าไม่ว่าง/เธอระดมโทรหาเป็นร้อยสายแต่เขาไม่คิดจะรับสาย ”  คิดดูเองว่าทั้งเธอจะรู้สึกยังไง

ในการทะเลาะเกือบทุกครั้ง ฝ่ายที่เงียบมักเป็นฝ่ายชนะ อย่างสำนวนที่ว่า “ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ” แต่ความเงียบไม่ใช่คำตอบของชีวิตคู่เสมอไปหรอกนะ ความรักต้องการ “ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ” เพื่อรู้มุมมองของแต่ละฝ่ายมากขึ้น และทำให้ผูกพันกันได้อีกด้วย ลองสังเกตตัวเองกับแฟนว่า เวลาไปเที่ยวหรือออกเดท  นั่งคุยกันบ้างไหม หรือเอาแต่จิ้มมือถือ แท็บเลตกันอย่างเดียว

ความสัมพันธ์ที่ขาดการ “ สื่อสาร ” จะทำให้เธอกับเขา “ ขาดการติดต่อ ” เหมือนสายโทรศัพท์เปื่อยๆ ใกล้ขาด รู้ตัวอีกทีก็หมดใจไปแล้ว ความคิดและรสนิยมเริ่มไปคนละทางจนกลับมาคุยกันไม่ได้ เพราะมีมือถือเป็นอุปสรรคนั่นเอง!

===========================================

ความรักควรอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าเธอกับแฟนประคับประคองข้อนี้ไว้ได้ ทุกอย่างจะไปได้สวยแน่นอนค่ะ  แล้วเจอกันในบทความหน้านะคะ ^___^

===========================================