สวัสดีค่ะสาวๆ

SistaCafe


เผลอแป๊บเดียวก็ครึ่งปีหลังของปี 2017 หรือ 2560 แล้วนะคะ ไวเหมือนโกหกเลยทีเดียว เชื่อว่าสาวๆ หลายคนก็คงก้าวหน้าไปได้ไกล แต่อีกหลายคนก็อาจจะรู้สึกว่าก้าวไปได้นิดเดียวเอง และบางคนก็แทบจะไม่ขยับไปไหนเลย ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งในประเภทที่ชีวิตขยับน้อยมาก หรือแทบไม่ขยับไปข้างหน้า เหมือนปีที่แล้วเป๊ะๆ ก็อาจกำลังรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลว่าทำไมน้าาาา ชีวิตเราถึงไม่ก้าวไปข้างหน้าสักที

แบบนี้ลองมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมามีแต่ความหวังและความสำเร็จดูไหมคะ วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณ

เปลี่ยนตัวเองไปสู่คนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ด้วย 8 นิสัยที่สาวๆ ควรมีเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

มาฝากกันค่ะ

1. ตื่นแต่เช้าทุกวัน

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/b4/7b/f3/b47bf3db3c959ffb90961e4fb32d0a8b.jpg

การได้ตื่นเช้าในทุกๆ วัน จะช่วยให้สาวๆ มีเวลาในการจัดเรียงเรื่องส่วนตัวที่จำเป็นจะต้องทำระหว่างวัน ได้อย่างละเอียดมากขึ้น เช่น การจัดเตรียมอาหารเช้า การเตรียมหนังสือที่ต้องอ่านวันนี้ และการเตรียมของในกระเป๋าเพื่อไปทำงานหรือไปเรียน เป็นต้น ที่สำคัญคือการตื่นเช้าจะช่วยทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้น สมองจะตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะเปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ และไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่ตื่นสายแล้วชอบทำอะไรแบบเร่งรีบถึง 2 เท่า ซึ่งการจะตื่นเช้าได้นั้นก็แสดงว่าคุณก็จะต้องเข้านอนเร็วด้วยเช่นกัน นั่นก็คือนอนก่อนช่วงเวลา 22.00 น. และนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงทุกวัน เท่านี้ก็จะตื่นมาสดชื่นพร้อมรับวันใหม่แน่นอนค่ะ

2. วางแผนการเดินทางให้เป็นเรื่องสนุก

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/ca/c5/f8/cac5f8394caa5ccbd275d3293e7f75fa.jpg

การเดินทางในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อ ถ้าเราสามารถวางแผนการเดินทางให้เป็นระบบ และสร้างความสนุกไปพร้อมกัน เมื่อเราตื่นเช้าขึ้น เราก็สามารถที่จะออกเดินทางเพื่อไปทำงานหรือไปเรียนได้อย่างสบายๆ อาจจะช่วยให้เราหลีกหนีช่วงเวลาวุ่นวายได้เล็กน้อย เพิ่มความสนุกด้วยการเตรียมเพลงน่าฟังในไอพอด หรือในสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่ พร้อมหูฟังดีๆ สักอัน และอย่าลืมที่จะดาวน์โหลดหนังสือน่าอ่านลงไปด้วย เพื่อเวลาว่างบนรถไฟฟ้าจะได้ยืนอ่านเพลินๆ พร้อมได้ความรู้ไปในตัว ที่สำคัญคือการวางแผนการเดินทางด้วยตัวเองในทุกๆ วัน เช่น ลงรถประจำทาง ไปต่อรถไฟฟ้า และไปลงรถไฟใต้ดิน จะช่วยเสริมสร้างให้คุณสุขภาพแข็งแรงและช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

การเสริมสร้างให้ตัวเองวางแผนการเดินทางจะทำให้ความคิดของคุณเป็นระบบมากยิ่งขึ้น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้พฤติกรรมของผู้คนและช่วยให้คุณเข้าสังคมได้ดีขึ้นอีกด้วย

3. ปรับเปลี่ยนการทำงาน

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/b6/f6/20/b6f6208ff55a4be84718a4ba0338d38d.jpg

ถ้าคุณต้องทำงานแบบที่นั่งติดหน้าจอตลอดทั้งวัน ควรเปลี่ยนท่าทางมาเป็นลุกขึ้นยืนแล้วยืดตัวสักครู่ โดยยืนเป็นเวลาประมาณ 5 นาที หรือจะเดินไป-มาเพื่อให้เลือดลมได้เดินสะดวก และเป็นการกระตุ้นให้สมองทำงาน พร้อมผลิตเรื่องที่สร้างสรรค์ออกมาได้ง่ายมากขึ้น แต่ถ้าคุณต้องทำงานที่ยืนตลอดทั้งวัน ก็ควรหาเวลานั่งลงเพื่อพักขาและสมองบ้างประมาณ 10 - 15 นาทีต่อครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพในการทำงาน และจะช่วยให้ชีวิตทำงานยืนยาวมากขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย และช่วยกระตุ้นให้การทำงานมีความสดชื่นตลอดเวลาอีกด้วย

4. บันทึกแห่งความกังวล

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/b4/b1/a1/b4b1a12ae5081908ca35413be548292c.jpg

ฟังไม่ผิดค่ะ! บันทึกความกังวล คือ การจดบันทึกโดยเล่าเรื่องราวไม่ดี เรื่องราวน่าเบื่อ เรื่องราวที่ทำให้เครียด ในวันนั้นๆ ลงสู่หนังสือบันทึก เพื่อเป็นการระบายความเครียดที่มีอยู่ในสมองและในใจออกไปทั้งหมด นอกจากนี้ก็ยังสามารถจดบันทึกเรื่องราวดีๆ เอาไว้ด้านหลังหรือสลับหน้ากันเพิ่มเติม เพื่อให้คุณได้เรียนรู้อารมณ์ของตัวเอง เมื่อยามที่ได้กลับมานั่งอ่านเรื่องราวทั้งหมดจะช่วยในการประมวลผลความรู้สึกของตัวคุณเอง และทำให้คุณได้เรียนรู้ความเป็นตัวเองที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือเพิ่มส่วนใดให้มากขึ้นอีกด้วย

หาสมุดที่มีความสวยงามและตรงต่อความชอบของเราเอง เพื่อให้เรารู้สึกว่าน่าเขียนเรื่องราวต่างๆ ลงไป นี่ไม่ใช่สมุดจดบันทึกชีวิตประจำวัน ดังนั้นจดแค่เพียงเรื่องที่เรารู้สึกไม่ดีและเรื่องที่เรารู้สึกดีในแต่ละวันลงไปเท่านั้น

5. ต้องมี Fitbit Charge

รูปภาพ:http://www.journaldugeek.com/wp-content/blogs.dir/1/files/2016/01/Fitbit-Surge-Charge-HR-710x434-640x391.jpg

Fitbit Charge คือตัวช่วยในการปรับกิจวัตรประจำวันของเราให้เหมาะสมกับสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะการออกกำลังกาย การนอนหลับ หรือการวัดระดับชีพจร เพื่อให้เราได้เรียนรู้ว่าสุขภาพของตัวเองตอนนี้เป็นอย่างไร โดยที่ตัวอุปกรณ์จะแสดงผลร่างกายของเรา พร้อมการประมวลผลว่าสุขภาพของเราตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ และการออกกำลังกายระดับไหนที่เหมาะสมกับช่วงวัยและร่างกายของเรา อุปกรณ์นี้จะทำให้ชีวิตของเราแข็งแรง สุขภาพดี พร้อมการเตือนให้เราทำในเรื่องที่ถูกต้องกับสุขภาพอีกด้วย เมื่อสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง สมองก็ย่อมปลอดโปร่ง การทำงานก็ดีเยี่ยมอีกด้วย

6. น้ำดีท็อกซ์ชนะเลิศ

รูปภาพ:https://cdn.authoritynutrition.com/wp-content/uploads/2016/06/four-jars-of-fruit-infused-detox-water.jpg

น้ำดีท็อกซ์เพื่อสุขภาพ จะช่วยในด้านการเผาผลาญแคลอรี่ให้มากขึ้น โดยสูตรของน้ำดีท็อกซ์นั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายสูตร ซึ่งน้ำดีท็อกซ์นี้จะช่วยเร่งการเผาผลาญและทำให้รูปร่างของคุณดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงมากกว่าเดิม พร้อมรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น สูตรน้ำมะนาวกับน้ำผึ่ง หรือสูตรผลไม้เบอร์รี่กับกีวี่ เป็นต้น เมื่อสุขภาพดี รูปร่างสวย ผิวก็ชุ่มชื้นเห็นผลชัดเจน สุขภาพจิตก็ย่อมดีด้วยเช่นเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานใส่น้ำแข็ง, น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกนิด เพราะไม่ดีต่อสุขภาพเลยแม้แต่น้อย

7. ทำความสะอาดกันบ้าง

รูปภาพ:https://media1.s-nbcnews.com/j/newscms/2016_05/963106/mop-stock-today-tease-160205_b5ca5382bbff0442c92dbfa2535502b4.today-inline-large.jpg

ชีวิตจะยุ่งเหยิงและสับสนน้อยลง ถ้ารู้จักเก็บกวาดและทำความสะอาดโต๊ะทำงานเสียบ้าง อะไรที่ไม่ใช้ก็ควรโละทิ้งไป และอะไรที่ต้องใช้ก็จัดการให้เป็นระเบียบ รวมไปถึงไฟล์งานต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ที่ไฟล์ใดไม่ใช้แล้วก็ควรลบทิ้งไป หรือโปรแกรมตัวไหนไม่ได้ใช้แล้วก็ลบออกไป เพื่อจัดทุกอย่างให้เป็นระเบียบมากขึ้น การทำในลักษณะนี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้การจัดชีวิตที่เป็นระบบ การทำงานที่เป็นขั้นตอน และการจัดการให้ทำงานง่ายขึ้น เพราะถ้าเพียงแค่ความสะอาดบนโต๊ะทำงานหรือบนจอโน้ตบุ๊คของคุณยังจัดการไม่ได้ ชีวิตส่วนตัวก็คงยากที่จะจัดการได้เช่นกัน

8. ทำงานอย่างชาญฉลาด

รูปภาพ:http://stylewhack.com/wp-content/uploads/2016/08/images-3.jpg

ถึงตอนนี้คุณอาจจะยังคิดกลยุทธ์หรือวางแผนการทำงานยังไม่เก่งมาก หรืออาจจะยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรทำอย่างไร แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณเริ่มต้นได้ คือ ความกระตือรือร้นในการทำงาน ความแอคทีฟกับงานที่อยู่ตรงหน้า ใส่ใจในรายละเอียดให้มากที่สุด และใช้เวลาที่เหลือในแต่ละวันมุ่งไปที่การพัฒนาตัวเอง พัฒนาตัวงานที่ทำ และเรียนรู้ให้มากขึ้น เพียงเท่านี้เรื่องของกลยุทธ์และการวางแผนงานก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน

เมื่อทำครบทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว คุณจะรู้สึกได้เลยว่าชีวิตของตัวเองดูมีคุณค่ามากขึ้น มีแรงบันดาลใจในการทำงานที่มากกว่าเดิม และมีความคิดสร้างสรรค์ที่ไหลมาไม่หยุด พร้อมช่วยให้คุณเป็นคนที่มีชีวิตชีวา เตรียมพร้อมรับมือกับทุกปัญหาอย่างมีสติ เมื่อทำไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่คุณเคยชินและทำมันได้ดีมากกว่าเดิม ก็เชื่อเลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการทำงานหรือการเรียนอย่างแน่นอน