สาวๆ ทั้งหลายคงจะเคยได้ยินถึงเทศกาลของจีนที่เป็นสิริมงคล และมีขนมอร่อยๆ แสนน่ากินอย่างกันใช่มั้ยคะ แต่พวกเธอทั้งหลายรู้กันรึเปล่าว่า เทศกาลนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำไมเขาถึงต้องไหว้กัน

วันนี้มาดามจะพาสาวๆ นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปในประเทศจีนสมัยโบราณ เพื่อรับทราบถึงตำนานอันมีที่มาที่ไป และสุดแสนจะเลอค่าอย่างเทศกาลนี้กันค่ะ

ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลยยย...บัดนั้น บุษบารับคำทูลสนอง เอ๊ย..ไม่ช่ายย!!

จากตำนานเล่าขาน

รูปภาพ:http://www.bdlrl.com/ship/_private/15_dsbj/img/%E5%AB%A6%E5%A8%A5%E5%A5%94%E6%9C%8808.jpg

ถึงแม้ตำนานของเทศกาลนี้จะมีที่มาค่อนข้างหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ตำนานที่หลายๆ คนต่างยึดถือกันมา ก็คือเทพีผู้สถิตอยู่บนดวงจันทร์ตามความเชื่อของชาวจีน

ตำนานนี้มีอยู่ว่า…

ในจักรวรรดิจีนยุคบรรพกาล ราวๆต้นสมัยจั้นกว๋อ( หรือยุคสงคราม 475 - 221 ปีก่อนคริสตกาล )เชื่อกันว่า โลกของเรามีดวงอาทิตย์ทั้งหมด 10 ดวง( โอยยย แค่ดวงเดียว ร่างก็แทบจะไหม้แล้วค่ะ -_-’’ )ซึ่งเป็นสิ่งที่นำภัยพิบัติมาสู่โลกมนุษย์ ทุกหนแห่งร้อนระอุเป็นแผ่นดินเพลิง แม่น้ำลำคลองก็เหือดแห้ง ภูเขาหลายลูกก็ทรุดตัวถล่มลงมา ต้นไม้ใบหญ้าแห้งกรอบล้มตาย ผู้คนต่างไร้ที่อยู่อาศัย( นี่มันยิ่งกว่าอุกกาบาตพุ่งชนโลกอีกนะแกร๊!! )ครั้งนั้นได้ปรากฏวีรบุรุษนามว่าโฮ้วอี้ขึ้นมา ผู้กล้าคนนี้เป็นนักยิงธนูมือฉมัง เขาทำการยิงลูกศรใส่ดวงอาทิตย์ให้ร่วงลงมาถึง 9 ดวง จนเหลือเพียงแค่ดวงเดียว ซึ่งเป็นการขจัดทุกข์เข็ญให้กับประชาชน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้รับการสถาปนา และยกย่องให้เป็นกษัตริย์

รูปภาพ:https://mythoman.files.wordpress.com/2013/10/houyi.jpg

แต่พอหลังจากเข้าได้ขึ้นครองราชย์ก็บังเกิดความหน้ามืด ตามัว หลงใหลในสุรานารี ไม่ใส่ใจดูแลบ้านเมือง ฆ่าคนตามอำเภอใจ จึงทำให้เป็นที่โกรธแค้นชิงชังแก่ราษฎร เมื่อเขารู้ตัวก็กลัวจะโดนฆ่า เลยเดินทางไปที่เขาคุนหลุนเพื่อเอายาอายุวัฒนะจากเจ้าแม่ซีหวังหมู่มากิน หวังเป็นอมตะ แต่ฉางเอ๋อผู้เป็นภรรยาของโฮ้วอี้กลัวว่า หากสามีของตนเป็นอมตะ อาจต้องมีจิตฮึกเหิม และลำพองตนกว่าเดิมเป็นแน่ นางจึงแอบเอายาอายุวัฒนะนั้นมากินเสียเองครั้นพอได้กินตัวนางก็เบาหวิว และลอยขึ้นไปในอากาศจากนั้นก็ลอยหายขึ้นไปบนดวงจันทร์อย่างไม่มีวันกลับมา จึงเป็นที่มาของเทพธิดาฉางเอ๋อนั่นเอง

รูปภาพ:http://img.weixinyidu.com/150520/0a593de1.jpg

สู่วัฒนธรรมประเพณี

รูปภาพ:http://i757.photobucket.com/albums/xx216/davidwei01/July2014/Mid-autumn-festival-1.jpg

ครั้นมาถึงยุคของจักรพรรดิฮั่นเหวินตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ในกลางดึกของคืนวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 8 ( ของจีน )พระองค์ได้ทรงพระสุบินว่า ได้ขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบกับเทพธิดาฉางเอ๋อกำลังร่ายรำอย่างงดงาม ในสุบินนั้นพระองค์ทรงเพลิดเพลิน และเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมื่อตื่นจากบรรทมก็ทรงโปรดที่จะให้พระสุบินนั้นเป็นจริงขึ้นมา จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัว และร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาฉางเอ๋อที่พระองค์ได้พบเจอมา จนแพร่หลายไปสู่ราษฎร และเป็นประเพณีที่สืบทอดกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในอดีต ชาวจีนทั่วไปโดยเฉพาะหญิงสาวจะสวดขอพรจากเทพธิดาฉางเอ๋อ เพื่อขอให้มีความเยาว์วัย และงดงามตลอดไป เหมือนกับนางที่มีความงามอันเป็นนิรันดร์

รูปภาพ:http://www.seattlechinesetimes.com/images/stories/article_images_chinese/aweful/2010/september/binyue.jpg

ความเชื่อในวันไหว้พระจันทร์

รูปภาพ:http://www.oldpenanghotel.com/wordpress/wp-content/uploads/2012/06/Mid-Autumn-Lantern-Festival-2.jpg

ชาวจีนเชื่อว่า ในวันไหว้พระจันทร์ จะเป็นวันที่พระจันทร์ส่องแสงงดงามที่สุด และเต็มดวงที่สุด ชาวจีนจึงให้พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของความสวยงาม เป็นสื่อกลางของการคิดถึงซึ่งกันและกัน( ดั่งบทประพันธ์หรือเพลงที่มีเนื้อร้องว่ายามฉันมองดูดวงจันทร์ ฉันมักจะคิดถึงเธอ...เป็นต้นค่ะ )นอกจากนี้ ชาวจีนยังถือว่า วันไหว้พระจันทร์ เป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้แสดงความสามัคคีกัน และได้ชมดวงจันทร์พร้อมหน้ากัน ซึ่งชาวจีนได้นิยามถึงวันไหว้พระจันทร์ว่า" วันแห่งการอยู่พร้อมหน้าของครอบครัว "

ถึงแม้เดิมที ชาวจีนที่เป็นผู้ชายจะไม่นิยมไหว้พระจันทร์ เนื่องจากชาวจีนเชื่อว่าพระจันทร์ถือเป็นพลังหยินซึ่งเป็นธาตุของผู้หญิง ส่วนผู้ชายถือเป็นหยาง ดังนั้น จึงให้แต่ผู้หญิงเป็นคนไหว้เท่านั้น แต่ปัจจุบันชาวจีนทั้งหญิงและชาย ต่างก็สามารถไหว้พระจันทร์ได้เช่นกัน

สิ่งของ และอุปกรณ์ในการไหว้

รูปภาพ:http://static.flickr.com/4105/5014857826_237be7f4b6_b.jpg

ธูป 3 - 5 ดอก

เทียน 1 คู่ ( สีขาว หรือสีเหลืองก็ได้ )

กระดาษเงิน กระดาษทอง ( ถ้ามี )

ดอกไม้สดหลากสี

น้ำชา และน้ำบริสุทธิ์

ผลไม้ต่างๆ ที่มีชื่อและมีความหมายเป็นสิริมงคล เช่น ทับทิม หมายถึง ลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง, แอปเปิ้ล หมายถึง ความสงบสุข, องุ่น หมายถึง ความเพิ่มพูน, ส้ม หมายถึง ความเป็นมงคล และสาลี่ หมายถึง ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งเราไม่ควรใช้ผลไม้ที่มียาง หรือมีหนามมาไหว้นะคะ

อาหารเจชนิดแห้ง เช่น เห็ดหอม วุ้นเส้น สาหร่ายทะเล ดอกไม้จีน และฟองเต้าหู้ เป็นต้น

ขนมหวาน เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมเปี๊ยะ สาคูแดง ขนมโก๋สีขาว ควรเลือกที่มีรูปทรงกลมเหมือนพระจันทร์ และควรเป็นคู่ๆ

*หมายเหตุ : บางตำราอาจระบุให้จัดของไหว้เป็นเลข 5 หรือ เลขคู่ก็ได้( แต่สำหรับสาวคนไหนที่ยังโสด มาดามแนะนำให้จัดเป็นเลขคู่ดีกว่าค่ะ อย่างผลไม้ 4 ชนิด ขนมหวาน 4 ชนิด  และอาหารเจ 4 ชนิด เป็นต้น )

โคมไฟ สำหรับจุดไฟเปรียบเหมือนชีวิตที่สว่างไสว

ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง เช่น เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของผู้หญิง น้ำหอม กระจก เป็นต้น เพื่อสื่อว่า ขอให้มีเสน่ห์สวยงามเหมือนพระจันทร์ ที่เปรียบเป็นเพศหญิง ซึ่งของใช้ที่จะนำมาไหว้เหล่านี้ต้องเป็นของใหม่เท่านั้น โดยยังไม่เคยผ่านการใช้งานใดๆ ทั้งสิ้น

อ้อย 1 คู่ สำหรับทำเป็นซุ้ม


วิธีการไหว้พระจันทร์

รูปภาพ:https://indochinavoyages.files.wordpress.com/2015/08/5-1440327439_660x0.jpg

โดยการไหว้นั้น บางคน หรือบางครอบครัวอาจไหว้แค่เฉพาะตอนค่ำ เพื่อความสะดวกและเหมาะสมแต่บางครอบครัวอาจไหว้แบบ Full Optionโดยมีการไหว้เจ้า และบรรพบุรุษในตอนเช้า และค่อยไหว้เทพธิดาฉางเอ๋อ และดวงจันทร์ในตอนกลางคืน ซึ่งจะเริ่มไหว้กันตอนหัวค่ำ หรือพอมองเห็นพระจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า และถึงแม้ปีไหน หรือสถานที่แห่งใดมองไม่เห็นพระจันทร์ ก็จะยังต้องมีการไหว้พระจันทร์ในค่ำคืนนั้นเหมือนเดิม

โดยการตั้งโต๊ะพิธี และจัดของไหว้นั้นจะต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สามารถเริ่มไหว้ได้ตั้งแต่พระจันทร์ขึ้น และควรทำพิธีให้เสร็จก่อนพระจันทร์ลอยอยู่กลางศีรษะ จากนั้นก็จุดเทียน จุดธูป โดยให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มไหว้ก่อน เพราะถือว่าเป็นพลังหยิน( หากบ้านไหนไม่มีสาวๆ เลย แต่อยากจะไหว้ ก็สามารถไหว้พร้อมกันได้ค่ะ เพราะเทศกาลนี้ ก็เปรียบดั่งเทศกาลแห่งความสามัคคี กลมเกลียวเหมือนกัน )

รูปภาพ:http://images.china.cn/attachement/jpg/site1003/20140826/0019b91ec98c15666d235c.jpg

จากนั้นก็จะตั้งจิตอธิษฐานต่อเทพธิดาฉางเอ๋อ เพื่อขอพรถึงความงาม ความมีเสน่ห์ ความรักใคร่กลมเกลียวตลอดจนเรื่องสุขภาพ ก็ขอให้มีร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัย และให้อายุยืน

หลังเสร็จพิธีก็รอให้ธูปไหม้จนหมด แล้วจากนั้นก็ลาของไหว้มารับประทาน โดยทุกคนในครอบครัวจะตั้งวงแบ่งกันกินขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมนั้นต้องนำมาหั่นแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว ห้ามเกินหรือขาดและแต่ละชิ้นต้องมีขนาดที่เท่ากัน ขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นดั่งสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความกลมเกลียวของคนในครอบครัว ดังนั้น รูปลักษณะของขนมไหว้พระจันทร์ จะต้องทำเป็นก้อนวงกลมเท่านั้น

เคล็ดลับแนะนำสาวๆ ที่ยังโสด และอยากมีเสน่ห์

รูปภาพ:https://foodtrail.files.wordpress.com/2012/09/dsc09537.jpg

แนะนำเพิ่มเติมสำหรับปีนี้ เนื่องจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ซึ่งตรงกับวันประสูติของเทพเยว่เหล่าหรือเทพเจ้าแห่งความรักของจีนด้วย หากใครนึกไม่ออกก็นึกถึงเทพเจ้าที่ผูกด้ายแดงไงคะ ที่เขาเชื่อกันว่าเนื้อคู่กันต้องมีเส้นด้ายสีแดงผูกถึงกันไง

รูปภาพ:http://www.chinesethought.cn/upload/201505/11/201505111116217189.jpg

โดยวิธีการสำหรับสาวๆ ที่อยากมีใครสักคนข้างกายก็คือ หลังจากธูปหมดก็ให้ลาของไหว้มารับประทาน

น้ำสะอาดที่ตั้งบูชาไว้ในตอนแรกก็ให้เอามาประพรมหน้าเพื่อความเป็นสิริมงคล

ส่วนเครื่องสำอาง กระจก และน้ำหอมที่ใช้ไหว้นั้นก็ให้นำไปใช้ เพื่อให้คนรักใคร่ และเมตตา

รูปภาพ:http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201309/12/320127be7.jpg

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็เป็นเรื่องเล่า และเคล็ดลับดีๆ ที่มาดามได้นำมาแบ่งปันกัน เพื่อให้สาวๆ ได้นำไปใช้ และกราบไหว้บูชาเทพธิดาแห่งความงามตามความเชื่อของชาวจีนกันสาวๆ ทั้งหลายจงอย่าลืมนะคะ ความงามของเราไม่ได้งามแค่ที่ภายนอกอย่างเดียว มันก็ต้องเปล่งประกายออกมาจากข้างในด้วย วัฒนธรรมที่ดีๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่สวยงาม และสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ การกราบไหว้ และตั้งจิตอธิษฐานนอกจากจะทำให้จิตใจสงบ และเป็นสมาธิแล้ว ก็เปรียบดั่งที่พึ่งทางใจ ที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว และเป็นกำลังใจให้สาวๆ สามารถก้าวต่อไปในวันข้างหน้าได้ค่ะ ^^

บทความที่เกี่ยวข้อง