ถึงช่วงเวลา

" บทความแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักจาก Pantip "

แล้ว! สาวซิสต้าบางคนมีปัญหาน้ำหนักเกิน ตัวอวบอ้วนจนเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก จะเดินไปไหนก็อึดอัด สังคมรอบข้างไม่ยอมรับ เพื่อนล้อ ครอบครัวก็ตำหนิจนอยากจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด T - T ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ซะหน่อย หรือต้องถึงเวลาไดเอทจริงๆ จังๆ ซะที จะออกกำลังกายแบบไหนดีล่ะ

ทุกคนคงรู้ดีว่า การออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมันทั้งตัว ลดน้ำหนักได้ดีที่สุดคือ" การวิ่ง "

วันนี้เราจึงมี

ประสบการณ์ของหนุ่มคนนึงที่ไม่ได้อ้วนมาตั้งแต่เด็ก แต่มาเริ่มอ้วนช่วงเรียนมหาวิทยาลัย และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพราะไม่อยาก


" อึดอัดตัว "


อีกต่อไป

นั่นคือคุณ

http://pantip.com/profile/1673655

ในกระทู้ " แชร์ประสบการณ์

“วิ่งเปลี่ยนไซส์” คุณก็ทำได้ จากอดีต พี่อ้วน Dude คนเดิม "

นเว็บไซต์ Pantip.com นั่นเอง

มาอ่านประสบการณ์ดีๆ ที่เขามาเล่าสู่กันฟังกันดีกว่า ^^

จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนักอย่างจริงจังของหนุ่มคนนี้ เกิดขึ้นช่วงเรียนจบใหม่ๆ สาเหตุมีเพียงข้อเดียวคือ

" อึดอัดกับรูปร่างของตัวเอง "

เขาจึงลงมือดูแลตัวเองจริงจัง จากหุ่นหนุ่มอ้วน จึงกลายเป็นหุ่น Fit& Firm ด้วยการ

" วิ่ง "


หนุ่มคนนี้ตั้งกระทู้เพราะเขาอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ให้คนอื่นรู้ถึงประโยชน์ของการวิ่ง และตอนนี้กระแสการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นค่ะ

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/213/036/000/1444292604-a1-o.jpg

เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะจนเรียกได้ว่า

" อ้วน "

แต่หนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนอ้วนโดยกำเนิด แต่เริ่มอ้วนขึ้นสมัยเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะไม่ค่อยสนใจดูแลตัวเองนัก ปล่อยตัวตามใจปากจนน้ำหนักค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนเมื่อเรียนจบ น้ำหนักก็ขึ้นมาถึง 90 กิโลกรัม

ช่วงนั้นเขาไม่สนใจเรื่องความอ้วนของตัวเอง ไม่สนใจสายตาของคนภายนอก แต่เมื่ออ้วนขึ้นก็เริ่มไม่ค่อยพอใจ เพราะทำอะไรก็อึดอัด ไม่คล่องตัว ทำกิจกรรมกับเพื่อนอย่างเตะบอลก็เหนื่อยง่าย เหนื่อยเร็วจนเริ่มรำคาญตัวเอง รู้สึกว่าความอ้วนเป็นอุปสรรค จึงอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีขึ้น ด้วยวิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างจริงจัง

ช่วงแรกที่ลด เขานัดเพื่อนไปเตะบอลบ้าง แต่ก็มีอุปสรรคเพราะนัดรวมตัวกันลำบาก คนไม่ครบหรือไม่ว่างบ้าง ในที่สุดโครงการนี้ก็ล้มเลิกไป

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/213/036/000/1444292660-a2-o.jpg

เขาเริ่มกังวลว่าแผนลดน้ำหนักอาจจะไม่สำเร็จ เลยคิดหาการออกกำลังกายที่ทำได้คนเดียว เคยคิดจะไปฟิตเนสแต่ก็ล้มเลิกไป เพราะเพื่อนคนหนึ่งของเขาพูดว่า

“ตอนกินก็เสียตังค์ จะออกกำลัง จะลดน้ำหนัก ยังต้องเสียตังค์แพงๆ อีกหรอวะ”

เลยคิดจะไปวิ่งแทน เพราะมีสวนสาธารณะแถวที่ทำงาน มีคนวิ่งตอนเย็น สถานที่ใกล้ เดินทางสะดวกไม่เสียเงิน การวิ่งจะไปคนเดียวก็ได้ วิ่งตอนไหนก็ได้

เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนรองเท้าไปวิ่งหลังเลิกงาน วิ่งวันละ 4 - 5 กิโลเมตรเป็นเวลาสองอาทิตย์ ( วันเว้นวัน ) เปลี่ยนอาหารด้วยการ ลดน้ำตาล น้ำมันหมู แอลกอฮอลล์ ของทอด เน้นกินผัก โยเกิร์ต ผลไม้แทน กินคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนอย่างเนื้อและไข่บ้าง

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/213/036/000/1444292714-a3-o.jpg

เขาวิ่งทุกวันหลังเลิกงาน รู้สึกว่าติดการวิ่ง ร่างกายต้องการวิ่ง ถ้าไม่ได้วิ่งจะหงุดหงิด ( คนวิ่งเป็นประจำจะเข้าใจความรู้สึกดี ) ในที่สุดเขาก็ลดน้ำหนักลงมาได้ 15 กิโลกรัม เหลือน้ำหนักเพียง 75 กิโลกรัม

แต่ถึงจุดหนึ่งเขากลับเบื่อเพราะวิ่งคนเดียวเกือบหนึ่งปี ทั้งไม่มีเพื่อนวิ่งและย้ายที่ทำงาน ประกอบกับที่ทำรายการจีบสาวชื่อ " DUDE " ช่วงปี 2011 - 2012 เลยไม่ได้ออกกำลังกาย เที่ยวบ่อย น้ำหนักจึงกลับขึ้นมาอีกครั้ง เพิ่มเรื่อยๆ จนขึ้นมาเป็น 80 กว่ากิโลกรัมในเวลา 2 ปีกว่าๆ

คนดูรายการหลายคนจึงเรียกเขาว่า " พี่อ้วน " เขาเริ่มรู้สึกว่าจะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมอีกแล้วหรือเปล่า เขาจึงกลับมาออกกำลังกายจริงจังอีกครั้งหลังเลิกทำรายการค่ะ

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/215/036/000/1444295042-a55-o.jpg

เขากลับมาเริ่มวิ่งเพื่อลดน้ำหนักจริงจังอีกครั้งช่วงปี 2013 วิ่งหนักจนน้ำหนักลดต่ำสุดที่ 65 กิโลกรัม เริ่มทำซิตอัพจนมี Six pack จากที่ไม่เคยมีมาก่อน

เขารู้สึกว่าตัวเองผอมไป เลยกินเพิ่มให้น้ำหนักขึ้นอยู่ที่ประมาณ 70 กิโลกรัม เขาไม่ได้คุมอาหารเหมือนตอนแรกแต่จะกินวันหนึ่งให้พลังงานอยู่ระหว่าง 900 - 1500 แคลอรี่ แต่กินครบ 3 มื้อ เช้ากินปกติ กลางวันกินเยอะ กินเบาๆ ในมื้อเย็น อยู่ได้สบายไม่หิวโหย และยังออกกำลังกายอย่างอื่นด้วย เขารู้สึกว่าร่างกายตอนนี้ฟิตมากเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพราะทั้งออกกำลังกายและลดเรื่องเหล้า บุหรี่ลงด้วย

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/214/036/000/1444292862-a6-o.jpg


ประมาณปี 2014 เขาเริ่มเจอเพื่อนและคนรู้จักโดยบังเอิญตอนไปวิ่ง ได้พูดคุยและเริ่มมีเพื่อนวิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เทคโนโลยีสมัยนี้มีแอปพลิเคชั่นต่างๆที่ซัพพอร์ตการวิ่งออกมามากมาย ทำให้การวิ่งสนุกขึ้น ไม่น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีสังคมและเพื่อนออนไลน์มากมาย

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/214/036/000/1444292886-a7-o.jpg

ในที่สุดเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มของคนที่วิ่งด้วยกันใน Facebook แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่ง ตั้งแต่เรื่องการใช้อุปกรณ์ การซ้อมการเตรียมตัวก่อนวิ่ง รวมไปถึงเรื่องอาการบาดเจ็บต่างๆ ซึ่งเขาก็หาข้อมูลการวิ่งจากในกลุ่ม เริ่มมีการจัดอีเว้นท์วิ่งกันมากขึ้น เขาก็เริ่มสนใจ

งานแรกที่เขาสมัครวิ่งคือ เขาใหญ่ ลงระยะทางไว้ 21 กิโลเมตร ตอนแรกที่ไปเพราะอยากวัดใจตัวเองว่าจะวิ่งได้ขนาดไหน ก่อนถึงวันจริงก็นัดเพื่อนมาซ้อมจริงจัง ตื่นตี 4 ไปซ้อมวิ่งที่สวนรถไฟ พอถึงวันจริงก็รู้สึกตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมวิ่งกันเยอะขนาดนี้ เป็นบรรยากาศที่ใหม่สำหรับเขาในตอนนั้น

เขาวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่หวังจะทำสถิติอะไร วิ่งชมธรรมชาติ กินบรรยากาศบนเขา ทั้งสนุก และประทับใจ เป็นความรู้สึกที่ดีและชอบมากๆ สุดประทับใจ หลังจากนั้นก็ลงสมัครวิ่งมาเรื่อยๆ ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดค่ะ

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/214/036/000/1444292922-a9-o.jpg

ช่วงหลังๆ มีการจัดอีเว้นท์วิ่งเยอะมาก เขาพยายามไม่พลาดไปวิ่งเท่าที่ไปได้ ตั้งแต่ มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร , Half Marathon 21 กิโลเมตร , มาราธอน 42 กิโลเมตร และ Ultra Marathon เส้นทางที่เขาวิ่งได้ไกลที่สุดคือ 54 กิโลเมตร เขารู้สึกว่าเป็นการท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ ว่ามีขีดจำกัดแค่ไหน จะชนะเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ได้ไหม

เขายังแนะนำว่า ใครที่อยากลองวิ่งตามงานแบบนี้ ให้หางานที่เหมาะกับตัวเองก่อน เริ่มจากน้อยๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะน็อก ทำให้ไม่อยากวิ่งอีกเลย มีหลายงานที่จัดในเมือง ระยะทางไม่ไกลมาก เช่น  "งานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ THAI HEALTH DAY 10 K RUN 2015"  เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น จัดช่วงต้นเดือน พ.ย. นี้ มีระยะทางให้เลือกตั้งแต่ 3,5 และ 10 กิโลเมตร ตามลิงค์นี้ค่ะ

https://goo.gl/FjVKC4


เขาแนะนำต่อว่า ถ้าติดใจก็หารายการอื่นวิ่งตามลำดับ เพราะยังมีอีกหลายงาน ทั้งงานเล็กงานใหญ่มีติดต่อกันไปจนถึงปลายปี เช่น งาน อยุธยา มาราธอน, เชี่ยวหลานมินิมาราธอนครั้งที่ 5 และ Run for the king ฯลฯ

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/214/036/000/1444293062-a11-o.jpg

ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากวิ่งอย่างจริงจัง ปัจจุบันน้ำหนักของเขาคงที่อยู่ประมาณ 70 กิโลกรัม ชีวิตเขาเปลี่ยนไปและได้รับสิ่งดีๆ มากมายหลายอย่าง ดังนี้

ข้อแรก :น้ำหนักลดจาก 90 > 70 กิโลกรัม ไม่ได้รู้สึกอึดอัด หรือไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน มีความมั่นใจมากขึ้น

ข้อสอง :จากที่เขามีปาร์ตี้กินเหล้าทุกวันศุกร์ เขาก็เพลาลงได้ เพราะต้องตื่นเช้าไปซ้อมวิ่ง

ข้อสาม :เลิกบุหรี่ได้ เขารู้สึกว่าการออกกำลังกาย กับ สูบบุหรี่ ไม่ควรจะทำคู่กัน จึงตั้งเป้าให้ตัวเองว่าถ้าเข้าเส้นชัยในมาราธอนครั้งแรกได้จะเลิกบุหรี่ ซึ่งทำได้สำเร็จ

ข้อสี่ :ร่างกายแข็งแรงขึ้น ฟิตกว่าเดิม ได้เล่นกีฬาประเภทอื่นๆ ร่างกายอึดกว่าคนอื่นๆในรุ่นเดียวกันมาก เพราะมีระบบการทำงานของร่างกายทีดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ข้อห้า :ได้สังคมใหม่ มีเพื่อนชวนไปวิ่งตามอีเว้นท์ต่างๆ เจอคนใหม่ สังคมใหม่ และยังได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะอีกด้วย

ข้อหก :งานวิ่งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด เหมือนเขาได้ออกไปเที่ยว ซึมซับบรรยากาศที่ไม่สามารถหาได้ในชีวิตประจำวัน เปิดหูเปิดตาและได้ประสบการณ์ใหม่ๆ

ข้อเจ็ด :เอาชนะใจตัวเองได้ ทำลายสถิติที่ตนสร้างเองในการวิ่งแต่ละครั้ง ต้องมีการซ้อม เตรียมตัวที่ดี เป็นการท้าทายว่าจะเอาชนะตัวเองได้ไหม


=====================================

เขาสรุปว่า เขาเชื่อว่าทุกคนที่อยากลดน้ำหนักสามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและการมีวินัยกับตัวเอง ถ้าขาดวินัย ถึงลดแล้วก็กลับไปอ้วนได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจล้วนๆ เขารู้ตัวเองว่า หลังจากวิ่งออกกำลังกาย ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ทั้งสุขภาพ รูปร่าง การใช้ชีวิต อาหารการกิน และอีกมากมายที่เปลี่ยนไปในทางที่ดี และแน่นอนว่า การวิ่งก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นได้เช่นกัน และฝากคำพูดถึงคนที่อ่านกระทู้และอยากลดน้ำหนักว่า

“อย่าพูดว่ าจะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง อย่าพูดว่าสักวันจะต้องลดให้ได้

เพราะคนที่จะลดได้จริงๆ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องบอกใคร แต่ลงมือทำเลยต่างหาก”*หวังว่าบทความนี้จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจกับสาวๆ ที่ได้อ่านนะคะ อย่ารอเวลาหรือโอกาสล่องลอยบนฟ้า แต่จงลงมือทำเดี๋ยวนั้น รับรองว่าต้องถึงเป้าหมายเหมือนหนุ่มหล่อคนนี้แน่นอนค่ะ ^^=====================================


บทความที่เกี่ยวข้อง