1. SistaCafe
  2. 5 เหตุผลที่การพยายามไดเอทอาจจะ " ล้มเหลว "

บทความนี้สาระเน้นๆ!สาวๆ ซิสต้าที่กำลังตั้งใจลดน้ำหนักอย่างแข็งขัน เคยรู้สึกไหมว่าทำตามสูตรทุกอย่างนะ ทั้งลดของหวาน ของมัน ของทอด ออกกำลังกายเต็มที่ แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลดลงเลยสักขีด ชั่งสามเวลาหลังอาหารจนตาชั่งแทบจะกรีดร้องขอชีวิต แต่ตัวเลขก็ไม่ขยับ เผลอๆ ขึ้นกว่าเดิมอีก T Tถ้าเธอแน่ใจว่าไม่ได้ตบะแตกแน่ๆ อาจเป็นเพราะเธอเป็น" โรคที่ทำให้ร่างกายผิดปกติ "นั่นเองค่ะสำหรับสาวๆ อาการแรกที่อาจเกิดขึ้นคือ" ประจำเดือนมาผิดปกติ "ซึ่งส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ความเหนื่อย เมื่อยล้า สิวที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมร่วง เป็นต้นถ้าเธอเริ่มรู้สึกว่า" นี่มันไม่โอเคแล้ว! "ลองอ่านบทความนี้ดูว่า เธอเข้าข่ายมีอาการใน 5 โรคนี้ไหม แล้วรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลก่อนที่จะสายเกินไปค่ะ *_*ไปอ่านกันเลย!


1. โรคเครียดเรื้อรัง



การทำงานของต่อมหมวกไต ( adrenal glands ) เกี่ยวข้องกับโรคเครียดเรื้อรัง ( โรคนี้จะมีอาการวิตกกังวล ซึ่งกินเวลาต่อเนื่องยาวนานเป็นเดือนๆ บางครั้งอาจเกิดจากการเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายมากๆ เช่น งานศพของคนรักหรือคนในครอบครัว ) จึงเกิดการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดนั่นเอง ส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติ ระบบเมตาบอลิซึมต่ำลง


มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า กลุ่มหญิงสาวที่ป่วยเป็นโรคเครียด เผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่าหญิงสาวที่ไม่ได้ป่วยถึงร้อยกว่าแคลอรี่! ความเครียดทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 11 ปอนด์ ( ประมาณ 6.5 กิโลกรัม ) ต่อปีเลยล่ะ


วิธีรักษาก็คือ สวมบทบาทเป็นนักสืบหรือผู้คุมสอบสวน เข้าไปค้นจิตใจตัวเองว่า เธอเป็นโรคเครียดเพราะสาเหตุใด แล้วเธอจะสามารถปรับพฤติกรรมปัจจุบันได้ตรงไหนบ้างเพื่อทำให้ชีวิตเครียดน้อยลง เช่น ออกกำลังกายในแบบที่ถนัด หรือเล่นโยคะเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่านค่ะ


2. โรคซึมเศร้า



สาวๆ หลายคนเป็น " โรคซึมเศร้า " โดยไม่รู้ตัว โรคนี้ไม่ใช่อาการเอาแต่ใจตัวเองหรือมีความรู้สึกลึกซึ้งเกินเหตุ แต่มันคือโรคที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในจิตใจทีละนิดๆ โดยไม่รู้ตัว สามารถแสดงอาการได้หลากหลายอาการ ซึ่งอาการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ  คือ " พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป "



ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหลายคนมีอาการหมดแรง ไม่อยากทำอะไรในชีวิต รู้สึกถูกสูบความสดชื่น สดใสออกจากร่าง สิ่งเดียวที่เขาไปยึดถือเพื่อปลอบใจตัวเองคือ " การกิน " เริ่มมีความทุกข์ก็บึ่งไปซื้อเบอร์เกอร์ ไอศกรีม สเต็กรัวๆ ให้ฟินเฟ่อ เมื่อกระเพาะย่อยจนท้องว่างก็กินอีกรอบ วนลูปไปเรื่อยจนน้ำหนักขึ้นพรวด T__T ถ้าไม่กินจะเริ่มเครียด ซึม น้ำตาตก นางเอกดราม่าไปอีก



ถ้าเธอมีลักษณะแบบนี้ให้รีบหาหมอเพื่อปรึกษาอาการด่วน ก่อนที่จะกลมเป็นบอลลูนกลิ้งได้นะคะ การกินไม่ได้ช่วยให้เธอหายเศร้าอย่างแท้จริง เพราะน้ำหนักหลังชั่งนั้นเศร้ายิ่งกว่า ( ร้องไห้แรง )



3. โรคไฮโปไทรอยด์ ( การเผาผลาญต่ำ )



โรคไฮโปไทรอยด์ หรือโรคที่ไทรอยด์ทำงานแย่กว่าปกตินั้น ทำให้เกิดความผิดปกติในการสร้าง thyroxine ( T4 ) และ riiodothyronine ( T3 ) สองอย่างนี้เป็นฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญนั่นเอง! เมื่อเธอเครียดระบบในร่างกายจะเปลี่ยนไป บางครั้งอาการนี้อาจเกี่ยวข้องกับวัยรุ่นหรือหญิงสาววัยหมดประจำเดือน ( แต่ไม่เสมอไป ) บางครั้งเกิดอาการเฉื่อยชา ขี้เกียจและมีน้ำนมไหลออกมาจากหน้าอกโดยไม่รู้ตัว


ต่อมไทรอยด์มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางลำคอ ทำงานร่วมกับต่อมไฮโปทาลามัสและพิทูอิทารีเพื่อช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นโรคนี้ไหม ต้องทำการทดสอบต่อมไทรอยด์ และตรวจเลือดหลายขั้นตอนค่ะ


การรักษาโรคต้องใช้ฮอร์โมน Levothyroxine ซึ่งต้องกินทุกวันเพื่อบรรเทาอาการจำพวก อาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง คอเลสเตอรอลสูง และน้ำหนักขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ค่ะ



4. รังไข่ทำงานผิดปกติ ( Polycystic Ovary Syndrome )



โรครังไข่ทำงานผิดปกติ หรือ Polycystic Ovary Syndrome ( PCOS ) เกิดขึ้นเมื่อเธอมีถุงน้ำ ( ซีสต์ ) ที่รังไข่ค่ะ ซึ่งเกิดผลกระทบคือ ฮอร์โมนในเลือดไม่สมดุลนั่นเอง ผู้ป่วยโรคนี้จะมีฮอร์โมนผู้ชายสูง ( โพรเจสเตอโรนและเทสโทสเตอโรน ) ส่งผลให้ความสามารถในการตกไข่ลดลง เกิดสิว มีเส้นขนขึ้นตามร่างกายและใบหน้า ( และอาจเป็นโรคอ้วนด้วย )


มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า โรคนี้ทำให้มีแนวโน้มเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และโรคเบาหวานประเภท 2 เพิ่มขึ้นอีกด้วย ถ้ารู้ตัวว่ามีอาการต่างๆ เหล่านี้เพราะน้ำหนักไม่ลดลงสักที รีบไปหาหมอเพื่อรับการรักษาซะ ลดความรุนแรงของโรคได้ค่ะ


5. โรคเบาหวานประเภท 2



โรคเบาหวานประเภท 2 เป็นโรคที่ต้านทานต่ออินซูลิน ส่งผลกระทบกับการเผาผลาญกลูโคสในร่างกายค่ะ ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้น เธออาจรู้สึกกระสับกระส่าย อยู่ไม่สุขนิดหน่อย แต่ถ้าอาการลดลงถึงระดับต่ำสุด เธอก็จะหมดพลังไปเลย อาการมีได้ตั้งแต่การกระหายน้ำมากขึ้น หิวอาหารมากขึ้น เพราะร่างกายมีกระบวนการกำจัดกลูโคสออกไปนั่นเอง


ก่อนจะเป็นโรคนี้ เธออาจเป็นโรคต้านทานอินซูลิน หรืออาการก่อนเป็นโรคเบาหวาน เธอสามารถบรรเทาโรคนี้ได้ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ถ้าเธอเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นเบาหวาน รีบบึ่งไปหาหมอเพื่อเจาะเลือดตรวจเสียโดยไว!


==============================



อ่านอาการของโรคภัยทั้ง 5 นี้แล้ว เธอมีเกณฑ์เสี่ยงป่วยเป็นโรคไหนบ้างหรือเปล่าเอ่ย T T บางครั้งที่น้ำหนักไม่ลดสักทีก็มีสาเหตุ ไม่ใช่เพราะเธอขาดวินัยในการออกกำลังกายหรือกินอาหารไม่มีประโยชน์ แต่เป็นเพราะร่างกายของเธอทำงานผิดปกติต่างหาก



ถ้ารู้ตัวว่าป่วย รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุดเพื่อทำการรักษาโดยไว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ ไม่ใช่แค่ความอ้วนที่จะทำร้ายเธอเท่านั้น แต่อาจส่งผลลัพธ์ร้ายแรงอื่นๆ ที่มากเกินจะคาดคิดก็ได้นะคะ  สนับสนุนให้สาวซิสต้าทุกคนหุ่นสวย ปลอดภัย ไร้โรคค่ะ ^_^



==============================


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1