บทที่ 4ตอนนี้ฉันอยู่บนดาดฟ้า พยายามจะไม่คิดถึงข้อเสนอประสาทแตกที่พ่อแม่ฉันกับพวกสึบุรายะมีร่วมกัน เลยชวนพรรคพวกเพียงไม่กี่คนขึ้นมากินข้าวบนที่สูงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

บนนี้อากาศวิเศษจริงๆ ให้ตายเถอะ แม้จะมีพระอาทิตย์ส่องหัวอยู่ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นเล็กน้อย ดังนั้นมันเลยกลายเป็นความอบอุ่นกำลังดี

ฉันสูดลมหายใจเข้า ออกซิเจนทำให้หัวโล่งและปลอดโปร่งได้มากทีเดียว แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าบางทีอาจจะต้องซื้อออกซิเจนแบบพกพาให้ครอบครัวตัวเองกับอีกฝ่าย เผื่อกระบวนการคิดตัดสินใจของคนพวกนั้นจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยบ้าง

ไม่สิ แบบพกพาอาจจะไม่พอ ฉันจะซื้อให้คนละถังเลยถ้าไม่ต้องแต่งงานห่าเหวอะไรนั่น“นี่ รู้รึเปล่าว่าอาจารย์ชิราโทริลาออกแล้วนะ”

ไม่มีเวลาไหนเหมาะจะพูดคุยเรื่องไร้สาระเท่ากับช่วงหลังอาหารเที่ยงอีกแล้วนั่นเป็นสาเหตุที่ คิริโตะ มายู เพื่อนสนิทของฉันเปิดประเด็นขึ้นมา“หืม นั่นใช่อาจารย์ที่จะมาสอนห้องเราเทอมนี้รึเปล่า”

ฉันถาม จำได้แว่วๆ ว่าตอนได้ตารางเรียนมาเคยเห็นชื่ออาจารย์ที่มายูพูดถึง ลืมบอกไป แม่คนนี้เป็นเพื่อนของฉันตั้งแต่สมัยประถม เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ต้องรักษาภาพพจน์มากนักเวลาคุยกัน

“ใช่ๆ สอนคณิตศาสตร์”

คนเปิดประเด็นตอบ พร้อมกับดูดนมรสสตรอเบอร์รี่ที่ฉันลงความเห็นว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่มนุษย์ไม่ควรสร้างสรรค์ขึ้นมา ไม่รู้สิ ไม่ชอบกลิ่นมันน่ะ“ทำไมถึงลาออกล่ะ”

โรงเรียนของฉันเป็นเอกชน ซึ่งรายได้สำหรับบุคลากรก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย แหงสิ เล่นเก็บค่าเทอมแพงหูฉี่ซะขนาดนั้น ฉันก็เลยสงสัย ว่าทำไมอาจารย์ที่ว่าถึงไม่ยอมอยู่ต่อ

“เห็นว่าสามีของอาจารย์ต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศน่ะ เขาก็เลยตามๆ กันไป”ฉันพยักหน้ารับ ก็ดูสมเหตุสมผลดี แต่นั่นก็ทำให้เกิดคำถามอื่นผุดขึ้นมาในหัวทันที“แล้วใครจะมาสอนแทน”

เป็นสิ่งที่ฉันต้องถาม เพราะการจะเป็นนักเรียนดีเด่นได้ ข้อแรกเลยคือต้องรู้จักนิสัยของอาจารย์แต่ละคน จะได้รู้ว่าทำตัวแบบไหนถึงจะเป็นที่พึงพอใจ“ได้ข่าวว่าเป็นอาจารย์ใหม่นะ เพิ่งบรรจุเลย ยังไม่มีใครเจอเขาหรอก”

คลังข้อมูลผู้หยั่งรู้ไปซะทุกเรื่องตอบฉัน นอกจากยุ่งเรื่องชาวบ้านแล้ว แม่คนนี้ก็ไม่เก่งอะไรเลย

“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

ไม่รู้ทำไมพอถามเรื่องนี้ขึ้นมา คุณเพื่อนสมัยประถมต้องทำตาแวววาวแล้วเอียงตัวเข้ามาใกล้ฉันด้วย แถมยังทำท่าป้องปากอีก

“ผู้ชาย…ได้ยินมาว่าฮอตมาก”

มายูเน้นเสียงตรงสองพยางค์สุดท้าย นี่คือใจความสำคัญของบทสนทนานี้สินะ

“รู้ได้ยังไง ไหนว่าไม่เคยมีใครเห็น”

คำถามจากฉันทำให้อีกฝ่ายชักสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย

“แหล่งข่าวฉันไม่เคยพลาดหรอกย่ะ นี่ฉันก็เตรียมหารูปเข้าทำเนียบแล้ว ขอแค่ได้ชื่อมาเท่านั้นล่ะ”

ฉันเบะปาก มันน่าสยดสยองจริงๆ ที่เพื่อนสนิทตัวเองมีงานอดิเรกอย่างการรวบรวมข้อมูลผู้ชายที่ดูดีในโรงเรียนแล้วเอามาทำเป็นอัลบั้มเก็บสะสม ที่น่าขนลุกไปกว่านั้นคือมีหลายคนพยายามติดต่อขอซื้อจนต้องทำขายเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว“ถ้าฮอตจริงอย่างที่เธอว่าก็แย่น่ะสิ”

ฉันบ่นออกมา หากอาจารย์เป็นที่ดึงดูด ก็แสดงว่าจะต้องมีคนจำนวนมากพยายามทำตัวเพื่อเอาชนะใจ และนั่นจะทำให้คู่แข่งทางการค้าของฉันเพิ่มขึ้น

“พยายามเข้าละกันซาโฮะ แล้วถ้าบังเอิญได้เข้าไปในห้องพักครู ฝากหยิบของบนโต๊ะอาจารย์สัก 2-3 อย่างมาให้ด้วยล่ะ”

อาจจะฟังดูแปลกประหลาด แต่ของใช้ส่วนตัวของหนุ่มฮอตในโรงเรียนก็เป็นสินค้าภายใต้ตรายี่ห้อของแม่คนนี้เหมือนกัน แถมยังทำกำไรได้ดีด้วย (แน่ล่ะสิ ก็ขโมยมา แทบไม่ต้องลงทุนอะไรสักเยน)

กริ๊งงง!!

แล้วเสียงออดบอกหมดเวลาพักก็ดังขึ้น พวกเราที่มานั่งทานอาหารเที่ยงกันบนดาดฟ้าก็เลยรีบเก็บของ ตรงกลับห้องเรียนเพื่อไปเรียนวิชาต่อไป หรือพูดให้ถูกก็คือไปดูหน้าอาจารย์คนใหม่ที่ว่า เพราะวิชาถัดไปคือคณิตศาสตร์ไงล่ะ

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

ฉันจำได้ดี มันเป็นตอนที่ฉันกำลังเปิดดูบทเรียนซึ่งคาดว่าอาจารย์จะสอนในวันนี้ ไม่ใช่อะไรหรอก เวลาเขาถามขึ้นมา ฉันจะได้เป็นคนแรกที่เสนอหน้าตอบได้ยังไงล่ะ

ตอนนั้นฉันไม่รู้เลย ว่าชีวิตของฉันกำลังจะมีความซวยมาเยือน ความซวยที่มาในรูปของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการศึกษา

เสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วห้องทันทีเมื่อประตูห้องถูกเลื่อนเปิดออก แต่ตอนนั้นฉันยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง พวกผู้หญิงในห้องมี 24 คน และ 23 คนเป็นพวกชอบนินทาชาวบ้าน ส่วน 1 คนที่เหลือเป็นพวกตีสองหน้า (ฉันไงล่ะ) เพราะฉะนั้นตอนนั้นฉันถึงไม่เฉลียวใจ ว่ามันเป็นเสียงซุบซิบที่ส่งสัญญาณอันตรายมาถึงตัวเอง

“สวัสดีครับ”

แล้วก็มาถึงจุดที่ฉันชะงัก เพราะเสียงที่ได้ยินมันคุ้นหูมากๆ แต่จำไม่ได้ว่าไปฟังมาจากที่ไหน ดังนั้นฉันก็เลยหยุดมือที่เปิดหนังสือ ก่อนจะจับจ้องไปยังมนุษย์ที่เพิ่งเข้ามาในห้อง

นักเรียนหญิงในห้องมี 24 คน

และทั้ง 24 คนมีสีหน้าตื่นตะลึง

แน่นอนว่านับรวมฉัน เพราะสิ่งมีชีวิตตรงหน้าคือ…สึบุรายะ มาโคโตะ

ทำไมว่าที่สามีฉันมันกลายมาเป็นอาจารย์ได้ล่ะเนี่ย!

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

อาจารย์หนุ่มหล่อเริ่มการบรรยายตั้งแต่คาบแรกที่เข้ามาสอน ใบหน้าคมคายขยับรอยยิ้มตลอดเวลาและน้ำเสียงก็ทุ้มทั้งยังอ่อนโยน ส่งผลให้คนฟังเคลิ้มตามจนเรียนไม่รู้เรื่อง

ฉันเองก็เรียนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ใช่เพราะเคลิ้มแน่นอน ตลอด 1 ชั่วโมงของการเรียนฉันต้องใช้เวลาไปกับการระงับตัวเองไม่ให้พุ่งไปหน้าห้อง เพื่อถามหมอนั่นว่านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน

แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ ชิรายูกิ ซาโฮะ…เธอเป็นนักเรียนดีเด่น

“สำหรับวันนี้พอเท่านี้แล้วกัน มีใครไม่เข้าใจตรงไหนบ้างรึเปล่า”

ร่างสูงหันมาถามนักเรียนทั้งห้อง พลันมือหนาก็เริ่มเก็บหนังสือกับเอกสารประกอบการเรียนลงกระเป๋าที่เจ้าตัวพวกมา และนี่เป็นเวลาที่ฉันรอคอยมานาน

“ถ้าไม่มี…”

“หนูมีค่ะ”

คราวนี้ทั้งห้องทำสีหน้าตื่นตะลึงอีกครั้ง ทุกสายตาพุ่งมายังฉันเป็นจุดเดียว พวกนักเรียนหญิงคงคิดว่าฉันพยายามอ่อยอาจารย์ ส่วนนักเรียนชายอาจจะคิดว่าฉันเมาอะไรบางอย่างมา เพราะจู่ๆ ชิรายูกิ ซาโฮะ คนนี้ก็เกิดโง่ขึ้นมากะทันหัน

“งั้นเหรอ สงสัยตรงไหนล่ะ” สึบุรายะ มาโคโตะ ยิงคำถาม

“…ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ”

พอสิ้นคำถามของฉัน พวกนักเรียนหญิงในห้องก็ซุบซิบกันอีกครั้ง เอาเลย ตามสบาย

“ไม่ได้หรอกครับ มันจะไม่ยุติธรรมกับคนอื่นนะ ถ้าไม่เข้าใจบทเรียน…ถามตอนนี้เลยดีกว่า”

คิ้วฉันกระตุกขึ้นมาทันใด หมอนี่จงใจกวนประสาทกันชัดๆ เขาต้องรู้สิว่าฉันจะถามเรื่องอะไร แล้วยังจะมาตีหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก

“…ตรงหน้าที่ 4 น่ะค่ะ อธิบายวิธีการแก้สมการให้ฟังอีกรอบได้มั้ยคะ”

ฉันกัดฟัน สวมวิญญาณนักเรียนดีเด่นอีกครั้ง ไม่เป็นไร ฉันจะหาเวลาสะสางกับนายทีหลังเอง

“…ครับ งั้นจะอธิบายให้ฟังใหม่นะ”

พนันด้วยค่าขนมทั้งเดือนเลย สาบานได้ว่าฉันเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยจากผู้ชายตรงหน้า

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไมคุณถึงมาเป็นอาจารย์ที่นี่ได้”

ในที่สุดฉันก็ใช้อำนาจมืดบางอย่างบังคับ สึบุรายะ มาโคโตะ ให้มาคุยกันที่ดาดฟ้าได้

“ผมเรียนจบเอกคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว แล้วก็มาสอบบรรจุที่นี่ไงล่ะ”

เป็นอีกครั้งที่หมอนี่จงใจไม่ตอบคำถามฉัน ด้วยการเฉไฉอย่างชาญฉลาด โอเค ฉันอาจจะถามแบบเปิดช่องให้แถมากเกินไป คราวนี้ฉันเลยถามออกไปใหม่

“คุณรู้รึเปล่าว่าฉันเรียนอยู่ที่นี่”

ตอนนี้ฉันคิดในแง่ร้ายขั้นสุดไว้ก่อน แม้จะฟังดูเข้าข้างหลงตัวเอง แต่มีโอกาสสูงทีเดียวที่หมอนี่จะตามมาที่นี่เพื่อตื๊อให้ฉันยอมแต่งงานกับเขา เพราะหลังจากฉันบอกว่าจะเก็บเอาข้อเสนอมาคิด ฉันก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปอีกเลย

“ซาโฮะจังคิดว่าผมตามมาอย่างงั้นเหรอ”

คนหน้าหล่อถามกลับ พร้อมขยับรอยยิ้มของมารร้าย

“แล้วใช่รึเปล่าคะ”

ฉันพยายามทำเป็นไม่สนใจ หมอนี่ต้องคิดว่าฉันหน้าด้านหน้าไม่อายแน่ๆ ที่มีสมมติฐานแบบนั้น

“ถึงซาโฮะจังจะอยากให้เป็นแบบนั้น…แต่คงต้องตอบว่าไม่ใช่ครับ”

เออ ดี หลอกด่าฉันไปอีก

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ…คุณมาเป็นอาจารย์แบบนี้ก็ดีแล้ว”

คำพูดของฉันทำให้ร่างสูงตรงหน้ามุ่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย

“หมายความว่ายังไงครับ”

แล้วฉันก็ยิ้มหวาน เพราะเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ว่าการที่ผู้ชายบ้านสึบุรายะมาเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ฉันเสียมากกว่า

“ก็คุณเป็นอาจารย์ ส่วนฉันเป็นนักเรียน…ดังนั้นพวกเราแต่งงานกันไม่ได้หรอกค่ะ มันผิดกฎโรงเรียน”

อาจารย์จบใหม่อย่างนายคงไม่อยากมีประวัติด่างพร้อยสินะ ว่าโดนไล่ออกเพราะจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับนักเรียน ฉันเองก็พอรู้มาคร่าวๆ ว่าบอร์ดบริหารของที่นี่น่ะโหดไม่ใช่ย่อยเลยทีเดียว ถึงได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อได้เปรียบ

“ถ้ากังวลใจเรื่องนั้น…ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ”

คำตอบกลับของหมอนี่ทำให้ฉันมุ่นคิ้วอีกรอบ

เพราะหนึ่ง…ฉันไม่ได้กังวล

และสอง…ทำไมถึงไม่ต้องเป็นห่วงล่ะ

“หมายความว่ายังไงคะ”

ฉันมั่นใจว่าตอนนี้หน้าตาของฉันต้องแสดงสีหน้าประหลาดๆ อย่างแน่นอน เพราะใบหน้าคมคายตรงหน้าขยับรอยยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ

“เพราะคุณปู่ถือหุ้นโรงเรียนนี้กว่า 60 เปอร์เซ็นต์…ถ้าผู้บริหารของโรงเรียนเป็นคนสั่งให้พวกเราแต่งงานกันเองแบบนี้…มันก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก จริงมั้ย?”

นาทีนั้นฉันนิ่งไปเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่สถานศึกษาก็ยังถูกกระบวนการชั่วร้ายนี่เข้าแทรกแซง เริ่มไม่แน่ใจว่าคุณปู่คนนั้นอยากได้ฉันเป็นสะใภ้เพราะถูกชะตา

หรือตระกูลฉันไปทำให้เขาแค้นจนต้องมาเอาคืนกันแน่