บทที่ 5

เรายังอยู่กันที่ดาดฟ้า และยังติดแหงกอยู่กับหัวข้อ ‘วิธีเอาตัวรอดจากการถูกคลุมถุงชนของ ชิรายูกิ ซาโฮะ’ ฉันรู้ว่าชื่อมันยาว เพราะฉะนั้นก็เลยสรุปแค่ใจความสำคัญให้คนตรงหน้าฟัง

“ยกเลิกการแต่งงานเถอะค่ะ”

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ฉันพูดประโยคนี้อย่างจริงจัง

แต่ถ้านับในหัวก็คงปาเข้าไปประมาณเลข 3 หลักแล้ว

“ซาโฮะจัง…ดื้อจังเลยนะครับคำพูดพร้อมกับรอยยิ้มหยันบนริมฝีปากของอาจารย์คณิตศาสตร์ทำคิ้วฉันกระตุก รู้เลยว่าหมอนี่จงใจเลือกใช้คำให้ฉันดูเหมือนเด็กไม่มีเหตุผลที่กำลังงอแง

ทั้งที่จริงๆ คนไร้เหตุผลและกำลังทำตัวเหมือนเป็นโรคประสาทอ่อนๆก็คือนายที่ยอมทำตามคำสั่งแบบไม่ลืมหูลืมตาต่างหากโว้ย!

แต่ถ้าฉันตะโกนแบบนั้นออกไป ก็มีแต่จะเร่งเวลาให้ตัวเองถูกจับถวายพานเท่านั้น ฉันต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่ แสดงให้รู้ถึงวุฒิภาวะของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ควรทำในสถานการณ์นรกแตกนี่ที่สุด

“ไม่ว่าจะปู่ของคุณ พ่อกับแม่ หรือเงินสินสมรส 100 ล้านเยนนั่น…ก็ทำให้ฉันยอมตกลงไม่ได้หรอกค่ะ”เป็นไง ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ฉันคิดพร้อมกับลอบมองใบหน้าคมคาย

“งั้นเหรอครับ…แต่งงานกับผม ทำให้ลำบากใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”สึบุรายะ มาโคโตะ ทำน้ำเสียงตัดพ้อเหมือนลูกหมาหงอยๆ จนฉันชะงักไปเล็กน้อย ยอมรับว่าวิธีนี้เกือบได้ผลเลยทีเดียวเพราะหมอนี่ดันมีหน้าตาเป็นอาวุธ แถมยังบ้านรวยจนเงินท่วมหัวอีก ใครตอบว่าลำบากใจก็ถือว่าโง่มาก

แต่ก็แค่ ‘เกือบ’ ล่ะนะ“ค่ะ…ฉันเองก็มีอนาคตที่ตัวเองวางเอาไว้ เพราะฉะนั้นคงทำตามที่ผู้ใหญ่ขีดเส้นไว้ไม่ได้หรอก”ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากฉัน หมายถึง ‘ฉัน’ ที่เป็นตัวเอง เพราะถึงมันจะดูอุดมคติไปหน่อย แต่ฉันมีอนาคตที่วาดฝันเอาไว้แล้วจริงๆ

“แล้วอนาคตที่ซาโฮะจังวางไว้คืออะไรล่ะ”ฉันเลิกคิ้วขึ้น มันธุระกงการอะไรของนายที่ต้องมาถามด้วยเนี่ย“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณนี่คะ” ก็เลยตอบออกไปแบบนั้น“จำเป็นสิ…ถ้ามันเป็นอนาคตที่มีผมเป็นส่วนหนึ่งไม่ได้จริงๆ ผมอาจจะยอมยกเลิกงานแต่งก็ได้นะ”นาทีนั้นฉันหูผึ่ง หมอนี่จำคำพูดน้ำเน่าพวกนั้นมาจากละครหลังข่าวแน่ๆ ฉันมั่นใจ แต่ที่เรียกความสนใจได้จริงๆ คือประโยคที่บอกว่า ‘อาจจะยอมยกเลิกงานแต่ง’ ต่างหาก

“ถ้าฉันบอก…คุณจะยกเลิกงานแต่งจริงๆ เหรอคะ”ตอนนั้นฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจจะมีคุณธรรมหลงเหลืออยู่ในใจบ้าง เลยลองถามออกไป“…ก็ขึ้นกับว่ามันเป็นอนาคตแบบไหน” เสียงทุ้มตอบกลับมา

คราวนี้ฉันลังเลเลย ปกติฉันไม่ใช่พวกชอบแชร์ความคาดหวังความฝันอะไรแบบนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะเวลาอยู่ในหัวมันก็ดูเป็นรูปเป็นร่างดีแหละ แต่ถ้าหลุดจากปากเมื่อไหร่มันจะดูเพ้อเจ้อขึ้นมาทันที

“ฉันอยากไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ”ทว่าในที่สุดฉันก็ยอมบอก การได้ไปเรียนหนังสือและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นความฝันอันสูงสุดของฉันในตอนนี้“…ไปต่างประเทศ?” ร่างสูงทวนคำ

ฉันจึงพยักหน้ารับ รู้สึกได้ว่าเขาแสดงท่าทางกลัดกลุ้มเล็กน้อย ถ้าฉันจะไปใช้ชีวิตต่างประเทศ การแต่งงานไม่ควรจะเกิดขึ้น ฉันมั่นใจว่าเขารู้ข้อนี้ดี“ประเทศไหนล่ะ…ผมอาจจะตามไปด้วยได้นะ”

วินาทีนั้นปากของฉันเปิดอ้าทันที รู้ตัวว่าต้องเผลอทำหน้าตาแปลกประหลาดออกไปแน่ แต่ฉันไม่สนใจ เพราะสิ่งที่เพิ่งผ่านหูมันทำให้จิตใจสาวน้อยได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

บ้าไปแล้ว! ผู้ชายคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาโดยมนุษย์ต่างดาวหรือไงนะ ทำไมระบบความคิดมันถึงได้ผิดเพี้ยนไปจากชาวโลกได้ถึงขนาดนี้

ทีนี้ภาระเลยมาตกอยู่ที่ฉัน ความจริงฉันก็เล็งๆ ประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกาเอาไว้ เพราะที่นั่นก็มีนโยบายรับนักเรียนแลกเปลี่ยน สภาพแวดล้อมก็ปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่ถ้าขืนตอบชื่อประเทศพวกนั้นออกไป ฉันคิดว่าฉันไม่น่าจะรอด“….ซูรินามค่ะ”

ทุเรศมาก...ฉันพูดอะไรออกไป

ประเทศนี่อยู่ส่วนไหนของแผนที่โลกฉันยังไม่รู้เลย คุ้นๆ แค่ว่าเคยได้ยินมาผ่านหู

“ซูรินาม?” คนฟังเอ่ยทวนพร้อมทำสีหน้าครุ่นคิด

ฉันพยักหน้ารัวๆ แล้วก็แอบยิ้มให้กับตัวเอง ดูเหมือนคนๆ นี้ก็ไม่รู้จะประเทศที่ว่าเหมือนกัน (แหงล่ะ ฉันยังไม่รู้จักเลย) เริ่มมองเห็นแสงสว่างรำไรในอนาคตของตัวเอง

“ประเทศเล็กสุดของทวีปอเมริกาใต้ ที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของเนเธอร์แลนด์น่ะเหรอ”และแล้วหมอนี่ก็มีเรื่องมาเซอร์ไพรส์ฉัน พระเจ้า นี่ฉันกำลังคุยกับสารานุกรมเคลื่อนที่อยู่หรือไง

“ค่ะ…นั่นล่ะ”ช่างเป็นคำตอบที่บัดซบมาก สำหรับคนที่วางแผนจะไปเรียนต่อซูรินาม (เฉพาะกิจ) แบบฉัน“ทำไมซาโฮะจังถึงอยากไปซูรินามล่ะ”อาจารย์คณิตศาสตร์เอ่ยถาม นับว่าเลือกคำถามได้เหมาะสมมาก

ฉันยิ้มหวาน กลบเกลื่อนความกระวนกระวายของตัวเอง ในหัวเริ่มเกิดการต่อสู้ขึ้นฉันจะเอาอะไรไปตอบเขา ฉันเพิ่งรู้ว่าซูรินามอยู่อเมริกาใต้เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วเอง“เพราะมันเป็นประเทศเล็กๆ ที่สงบค่ะ…แล้วฉันก็ชื่นชอบวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายของคนที่นั่น”เอาเถอะ ตอบอะไรที่มันดูอาร์ตๆ ไปก่อน ประหนึ่งว่าฉันเป็นสาวน้อยผู้แสวงหาความสงบสุขให้กับชีวิต ถึงคนๆ นี้จะรู้เรื่องภูมิศาสตร์ แต่เขาคงไม่รู้หรอกมั้งว่าประชากรซูรินามใช้ชีวิตอยู่กันยังไง

“นั่นสินะ…ผมก็เคยเห็น ว่ามีสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ไปถ่ายทำที่ซูรินามอยู่เหมือนกัน ซาโฮะจังเคยดูบ้างรึเปล่า”ฉันเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง ไม่ยักรู้ว่ามีสารคดีไปถ่ายทำที่นั่นด้วย แสดงว่ามันคงไม่ใช่ประเทศที่เงียบเหงาอะไรมากมายนัก“…ค่ะ” ตอบส่งๆ ไป ภาวนาให้บทสนทนานี้ยุติลงสักที

“แล้วเป็นยังไงล่ะ…สัตว์ขึ้นชื่อของที่นั่น ซาโฮะจังว่ามันน่ารักรึเปล่า”คราวนี้ฉันหรี่ตาลง เริ่มรู้ในนาทีนั้นว่าหมอนี่จงใจลองภูมิกันชัดๆ แสดงว่าเขาต้องรู้แน่ว่าฉันกำลังโกหก อีกทั้งยังพยายามจะฉีกหน้ากากฉันอีกด้วยแต่ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องมันง่ายดายแบบนั้น ในหัวพยายามเค้นความรู้ที่มีทั้งหมดเพื่อหาดูว่าสมองมีข้อมูลอย่างอื่นเกี่ยวกับซูรินามบ้างมั้ย…แต่ก็ว่างเปล่าคราวนี้ฉันเลยลองวิธีใหม่ ถ้าพูดถึงสัตว์ขึ้นชื่อของประเทศ ฉันจะนึกถึงจิงโจ้กับหมีโคอาล่าที่ออสเตรเลียก่อนใคร และคิดว่าสัตว์ที่คนจะแห่ไปทำสารคดี ก็คงจะไม่ต่างกันมากนักหรอก

“ก็…น่ารักประมาณหนึ่งค่ะ”ฉันแถข้างๆ คูๆ ถ้าตอบว่าน่ารักมากหรือไม่น่ารัก กลัวว่ามันจะสุดโต่งไป เพราะฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัตว์ที่ว่าคือสิ่งมีชีวิตประเภทไหน เลยเลือกอะไรที่มันดูกลางๆ ไว้ก่อน

“หืม…น่าสนใจนะ”นั่นไง ฉันว่าแล้วหมอนี่จงใจหยั่งเชิงกันชัดๆ ส่วนฉันก็ขุดหลุมฝังตัวเองตามแผนการของอีกฝ่ายไปเรียบร้อย“…เหรอคะ” ตัดสินใจฉีกยิ้ม ทำใจดีสู้เสือ“ครับ…ผู้หญิงที่เห็นว่า ‘คางคกซูรินาม’ น่ารักน่ะ ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ เลยนะ”

"...""..."“…ค่ะ”ฉันอยากเอาหัวโขกกับระเบียงดาดฟ้าให้ตายไปเลย เมื่อนึกทบทวนสถานะของตัวเอง

ชิรายูกิ ซาโฮะวัย 17 ปีเด็กสาวที่ถูกจับคลุมถุงชนกะทันหันผู้ครองตำแหน่งนักเรียนดีเด่น หัวหน้าห้อง และประธานนักเรียนปัจจุบันมีความฝันจะไปศึกษาต่อยังประเทศขนาดเล็กที่มีคางคกชื่อดัง

“แต่จะไปเรียนประเทศไกลๆ แบบนั้นได้น่ะ…ก็ต้องใช้เงินมากพอสมควรเลยนะครับ”สึบุรายะ มาโคโตะ เอ่ยด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน เริ่มทำท่าทางคำนวณค่าใช้จ่ายที่ฉันต้องใช้ในการไปอยู่ร่วมกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในอเมริกาใต้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“…ค่ะ” ตอนนี้ฉันเริ่มตอบคำถามเหมือนคนโง่มากขึ้นทุกที“เคยคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่แล้วยังครับ”

ฉันชะงักไปเล็กน้อย จริงๆ ก็เคยเกริ่นเรื่องที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่บ่อยๆ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ซูรินาม) ถึงอย่างนั้นคำตอบที่ได้รับก็ไม่ค่อยสร้างความพอใจให้ฉันสักเท่าไหร่แต่ก็เข้าใจดี พ่อเป็นพนักงานกินเงินเดือนหาเช้ากินค่ำ ส่วนแม่ก็เป็นแม่บ้านวัยกลางคน โชคดีหน่อยก็ตรงที่พ่อเข้าทำงานกับบริษัทในเครือสึบุรายะ และได้รับการเลื่อนขั้นรวมถึงได้รับเงินเดือนมากเป็นพิเศษซึ่งเป็นความช่วยเหลือจากปู่ของหมอนี่นั่นเอง ครอบครัวเราถึงไม่ขัดสนมากนัก แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขั้นจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศหลายๆ ปีได้เหมือนพวกบ้านเศรษฐี

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พ่อแม่จะปฏิเสธความฝันของฉัน รวมถึงหันไปทำตามความฝันคุณปู่ผู้อยากได้หลานสะใภ้คุณสมบัติพร้อมด้วย“เงียบแบบนี้…พวกท่านไม่ค่อยเห็นด้วยสินะครับ”แล้วทำไมหมอนี่ต้องทำหน้าตามีเลศนัย เวลาที่รู้ว่าฉันถูกสะกัดดาวรุ่งด้วยล่ะ“ผมช่วยได้นะ…ความฝันของซาโฮะจังน่ะ”

ฉันขยับตัวอย่างรวดเร็ว รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดจะเอาเรื่องแต่งงานมาล่อลวง เริ่มสงสัยขึ้นมาอย่างจริงจังว่าทำไมหมอนี่ถึงได้อยากแต่งงานขนาดนี้“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ฉันจะหาทางไปเรียนต่อด้วยตัวเอง”

แน่นอนว่าฉันต้องบอกปัดไป ตอนนั้นยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองอับจนหนทางสักเท่าไหร่

“เก็บไปคิดดูเถอะครับ…อีกสัก 1 อาทิตย์คำตอบอาจจะเปลี่ยนไปนะ”

ฉันมุ่นหัวคิ้วทันที ไม่รู้ว่าหมอนี่เอาความมั่นใจผิดๆ แบบนั้นมาจากที่ไหนจนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์ต่อมานั่นล่ะฉันถึงได้รู้ว่าคนที่มีความมั่นใจแบบผิดๆ มาตลอดก็คือตัวเอง