*~บทที่ 6~*

เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ผ่านพ้นไป ทุกชีวิตต่างลืมตาตื่นขึ้นมาใหม่ในช่วงเช้าวันแรกของการทำงาน บนถนนของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครคลาคล่ำไปด้วยรถรา และผู้คนที่เร่งรีบกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ร้านรวงต่างๆ ทั้งที่เป็นแบบอาคารพาณิชย์ตลอดจนหาบเร่แผงลอยต่างก็ทยอยกันจัดวางสินค้า รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ก็พากันเดินทางเพื่อไปร่ำเรียน แม้แต่ตัวของผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์เองก็เช่นกัน

แสงแดดในยามเช้าถักทอผ่านม่านลายลูกไม้สีขาว มายังห้องของสาวที่เพิ่งจะโสดอย่างพิมพ์ประภัสร์ เธอลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อมาทำกิจวัตรประจำวันตั้งแต่หกโมงเช้าและเสร็จในเวลาไม่กี่นาทีถัดมา หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้ตนมักจะทำอะไรคล่องแคล่วขึ้นกว่าแต่ก่อน นั่นอาจเป็นเพราะเธอเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังโดยไม่มีเขาคนนั้นได้แล้ว แม้ว่าความรู้สึกข้างในยังไม่สามารถที่จะตัดใจจากอดีตคนรักได้อย่างเด็ดขาด แต่ท่าทีเข้มแข็งที่พยายามแสดงออกมา ก็เพื่อที่จะบอกกับตนเองว่าชายผู้นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรอีกแล้วกับชีวิตของเธอ

พิมพ์ประภัสร์ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยโดยใช้เวลาไม่นาน นั่นเป็นเพราะอาจารย์สาวรู้จักเลือกใช้เส้นทางที่เลี่ยงรถติด เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่สามารถทำอะไรเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา หญิงสาวจอดรถและไม่ลืมที่จะแต่งแต้มสีสันลงบนผิวหน้าเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนขึ้นไปยังอาคารเรียน อยู่ๆ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเป็นเชิงขัดจังหวะให้เธอหยุดกิจกรรมที่ทำลง...ตรงเวลาเป๊ะ!! อาจารย์สาวคิดอยู่ในใจ จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูข้อความที่ส่งถึง

“ ขอโอกาสผมได้อธิบาย...ยังรักคุณเสมอ...จากพี่หมอ หึ!! ไม่มีทางเสียหรอก... ” เจ้าหล่อนอ่านข้อความจากคนรักเก่าที่ส่งมา และคิดได้ทันทีว่าจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้กลับมาพูดแก้ต่างอะไรอีกอย่างแน่นอน

พิมพ์ประภัสร์กดปุ่ม ลบ ข้อความแล้ววางโทรศัพท์ลงอย่างไม่สนใจไยดี เธอพยายามที่จะลืมเขาและเรื่องราวที่เคยผ่านมา เธอพยายาม...พยายามอยู่อย่างนั้น แต่สุดท้ายกลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองควรต้องใช้เวลาในการตัดใจจากเขาให้ได้จริงๆ เสียก่อน เพราะทุกวันนี้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเขายังคุกรุ่นอยู่ลึกๆ ภายในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เธอเห็นภาพบรรยากาศเก่าๆ ผ่านเข้ามา

หญิงสาวนั่งนิ่งพลางสูดลมหายใจ เพื่อเก็บพักเรื่องที่คิดเอาไว้เบื้องหลัง ก่อนที่จะลงจากรถเพื่อมุ่งไปยังห้องพักครูซึ่งตั้งอยู่ในอาคารของภาควิชาที่เธอสอน ครั้นเมื่อไปถึงห้องเธอกล่าวทักทายเพื่อนอาจารย์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยไม่มีอากัปกิริยาใดๆที่แสดงออกถึงความอ่อนแอที่เพิ่งเกิดขึ้น

ที่ผ่านมาอาจารย์สาวหลายท่านอดที่จะชื่นชมในตัวของเธอไม่ได้ว่าเป็นหญิงแกร่งที่สามารถฟื้นตนได้เร็วในเรื่องของความรัก และยังสามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้โดยที่ไม่ทำให้เสียการเสียงาน นอกจากนี้ก็ยังมีอาจารย์หนุ่มหลายคนในมหาวิทยาลัย ต่างก็คิดที่อยากจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับอาจารย์สาวคณะมนุษย์ฯ อย่างเธอ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพอที่จะเปิดประเด็นขอสานสัมพันธ์นั้น เว้นแต่เสกสรรค์อาจารย์หนุ่มคณะสังคมศาสตร์ที่กล้าเป็นผู้ท้าชิง

แต่สุดท้ายก็ต้องโดนเจ้าหล่อนปฏิเสธกลับมา เพราะเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใคร จึงทำให้อาจารย์สาวหลายคนต่างรู้สึกเสียดายและเข้าใจไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังไม่ลืมให้กำลังใจถึงการเริ่มต้นเลือกคบผู้ชายคนใหม่ที่จะเข้ามา

++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขแปดและเข็มยาวชี้เลขสิบสอง นักศึกษาต่างเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะรีบขึ้นไปเรียนวิชาแรกของสัปดาห์ให้ทัน วาดลัดดาเองก็เช่นกันเธอกุลีกุจอรีบขึ้นบันไดโดยไม่รอลิฟท์โดยสารของอาคารเรียน เพราะวิชาแรกของวันนี้เป็นวิชาที่สอนโดยพี่สาวของตน สาวน้อยไม่อยากให้พิมพ์ประภัสร์มาค่อนขอดได้ว่า เธอไม่สามารถบริหารเวลาของตนเองได้ และเหนือสิ่งอื่นใดเธอกลัวที่จะต้องโดนบังคับให้มาอยู่ด้วยกันที่คอนโดมิเนียม ซึ่งนักศึกษาสาวเองก็มาถึงทันเวลาก่อนที่พี่สาวจะเข้าสอนในไม่กี่นาทีด้วยอาการกระหืดกระหอบจากการวิ่งขึ้นบันได

พิมพ์ประภัสร์เข้ามาในห้องพลางกวาดสายตามองหาวาดลัดดาเป็นคนแรก และเมื่อเธอเห็นน้องสาวนั่งประจำอยู่กับที่ เจ้าหล่อนก็แสดงสีหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจก่อนที่จะเริ่มต้นสอนวิชาเรียนในคาบ

ทางวาดลัดดาเองก็รู้อยู่แล้วว่าหากเป็นคาบที่พี่สาวของตนเข้าสอน เธอจะต้องกระวีกระวาดรีบเข้าชั้นเรียนอย่างนี้ทุกครั้ง แม้จะต้องขึ้นบันไดแทนใช้ลิฟท์ก็ตาม แต่ครั้งนี้สาวน้อยกลับรู้สึกเหนื่อยมากกว่าครั้งก่อนๆ ทั้งที่ร่างกายก็เป็นปกติ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ และไม่ได้ป่วยเป็นประจำเดือน หญิงสาวขอยืมยาดมจากเพื่อนข้างๆ มาสูดดมเพื่อคลายความวิงเวียนที่กำลังเกิดขึ้น เธอตั้งคำถามกับตนเองว่าช่วงนี้พักผ่อนน้อยไปหรือไร ทำไมสุขภาพร่างกายถึงดูย่ำแย่ มิหนำซ้ำก็ไม่ค่อยจะอยากรับประทานอะไร แม้แต่ของที่เคยชอบทานอยู่เป็นประจำ แต่ใครๆ กลับบอกว่าเธอดูอวบขึ้นจนสังเกตได้

“ อะไรกันยายวาด เดินขึ้นบันไดมาห้าชั้นแค่นี้ถึงกับหมดแรงเลยเหรอ เห็นปกติเรียนชั้นแปด-ชั้นเก้า เธอก็เดินขึ้นมาอย่างสบาย ?? ” เพื่อนในกลุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่ดูอ่อนเพลีย

“ สงสัยฉันพักผ่อนน้อยมั้งช่วงนี้...เลยเหนื่อยง่าย ” เธอว่า

“ ก็มัวแต่ทำอะไรอยู่ล่ะ...ถึงไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะ!! ” เพื่อนสาวอีกคนแกล้งแซว

“ ยายบ้า!! พูดจาน่าเกลียด ” สาวน้อยพูดพลางตีแขนเพื่อนก่อนที่จะหัวเราะกันคิกคัก จนทำให้พิมประภัสร์ถึงกับกระแอมออกมาขณะกำลังยืนสอนอยู่หน้าห้อง

วาดลัดดาและเพื่อนๆ ต่างเงียบลงโดยทันทีเพราะกลัวโดนดุ...

“ นี่!! ยายวาด ถามจริงเถอะ...พี่สาวของเธอเขารู้หรือยังว่าเธอมีแฟน แถมพามานอนกกกันที่ห้องด้วย ?!! ” เพื่อนในกลุ่มกระซิบถาม

“ จะบ้าเหรอ...ให้รู้ได้ยังไง ?!! ถ้ารู้ฉันก็โดนด่าสิ!! ” วาดลัดดาทำตาโต

“ แล้วเธอคิดที่จะปิดเขาไปถึงเมื่อไหร่ ?!! ” เพื่อนของเธอถามอีก

“ ฉันก็ไม่รู้!! รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขดีอยู่ก็พอแล้ว!! ” วาดลัดดาเบือนหน้าพลางทำทีเป็นตั้งใจเรียน เพราะไม่อยากตอบคำถามที่คอยกวนใจเหล่านี้

บทสนทนาจากกลุ่มนักศึกษาสาวที่เพิ่งกระซิบกระซาบคุยกัน ชวนเรียกร้องความสนใจแก่คณิตเป็นอันมาก ชายหนุ่มละโสตประสาทจากเรื่องราวที่พิมพ์ประภัสร์กำลังสอนอยู่หน้าห้อง เพื่อรับฟังเรื่องที่สาวๆ ต่างเปิดประเด็น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้เสียเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวาดลัดดาโดยตรง หนุ่มน้อยยินดีที่จะฟังในทุกๆ เรื่องของเธอ แม้ว่าบางเรื่องจะมีชื่อของวาดลัดดาปรากฏอยู่เพียงน้อยนิด หรือจะทรมานจิตใจของเขามากแค่ไหนก็ตาม...

“ แล้วเธอไม่คิดที่จะบอกอาจารย์พิมพ์เลยเหรอ ?? ” คณิตกล่าวถามวาดลัดดา ขณะเดินเล่นกันอยู่ที่ศูนย์การค้าแถวมหาวิทยาลัยในช่วงพักกลางวัน

“ ไม่มีทาง!! ทุกวันนี้พี่พิมพ์ยังเห็นฉันเป็นเด็กอยู่เลย ไว้รอให้ถึงเวลาหรือทุกอย่างมันพร้อมก่อน แล้วฉันจะบอกเขาเอง ” สาวน้อยพูดถึงแผนการที่วางไว้

“ แล้วเธอคิดว่าเมื่อไหร่ ?? ” ชายหนุ่มถาม

“ ก็...คงเมื่อฉันเรียนจบมั้ง!! ” เธอบอก

“ เธอคิดว่าเธอจะคบกับเขานานขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” คณิตพลั้งปากถามออกไป จึงทำให้วาดลัดดารู้สึกไม่สบอารมณ์

“ นี่นายก้อง!! ทำไมเธอถึงถามอย่างนั้นล่ะ ?!!! ” สาวน้อยหยุดเดินพลางหันมาถามเขาอย่างเอาเรื่อง

“ เฮ้ย!!! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเธอนะ แต่ฉันแค่ถามเฉยๆ เพราะเป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง ” เขารีบแก้ต่าง

“ ฉันรักเขา...ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเขาไป หรือเลิกรากับเขาเป็นอันขาด!!! ” เธอประกาศ

คณิตรับฟังและน้อมรับในสิ่งที่เธอพูด ชายหนุ่มรู้โดยทันทีว่า สาวน้อยหลงรักโชติวุฒิอย่างจริงจัง รักจนไม่ยอมสนใจอะไร ซึ่งเขาเองก็หวังว่าโชติวุฒิจะรักเธอเทียบเท่ากับที่เธอรักเขาเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ความหวังของหนุ่มน้อยคงไม่มีวันเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน...

“ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วก้อง พี่พิมพ์เดินมาโน่นแล้ว!! ” วาดลัดดาปรามเพื่อนของเธอ เมื่อเห็นพี่สาวกำลังเดินมาจากที่จอดรถ

“ โทษทีที่พี่มาช้า...กว่าจะหาที่จอดรถได้ต้องขับวนอยู่หลายรอบ!! ” อาจารย์สาวฉีกยิ้มมาแต่ไกล พลางเดินตรงมาหาคนทั้งคู่

“ ช่างเถอะค่ะพี่พิมพ์...ตอนนี้หนูหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า ” วาดลัดดาจับแขนพี่สาว พลางพาเจ้าหล่อนเดินเลือกร้านอาหารในศูนย์การค้านั้น

ทั้งหมดต่างตกลงกันได้ว่าเที่ยงนี้พวกเขาจะรับประทานสเต็กที่เป็นร้านขึ้นชื่อซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า ทั้งสามได้ที่นั่งติดกับกระจกใสบานใหญ่ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน อาจารย์สาวรู้สึกชื่นชอบทัศนียภาพของสังคมเมืองช่วงกลางวันเป็นอย่างมาก และรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้

...แต่ทว่าความโชคดีมักจะอยู่กับเธอได้ไม่นาน เมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นคู่กรณีเก่าอย่างทิพย์อำพันเดินเข้ามาในร้านเดียวกัน แล้วที่แย่ไปกว่านั้นเจ้าหล่อนกลับหนีบเอาคุณหมอหนุ่มซึ่งเป็นคนรักเก่าของตนมาด้วย หญิงสาวแทบจะทำอะไรไม่ถูก นอกจากรับรู้ถึงสภาพใบหน้าที่กำลังชาไปด้วยความโกรธระคนเสียใจ เธอได้แต่ร้องบอกน้องสาวและลูกศิษย์ให้ย้ายร้านกันเดี๋ยวนั้น

วาดลัดดาและคณิตต่างงุนงงในสิ่งที่อาจารย์สาวร้องขอ แต่ไม่ทันที่จะได้ไถ่ถามหาความอะไร ทิพย์อำพันก็เหลือบมาพบกับพิมพ์ประภัสร์พอดี พยาบาลสาวแสยะยิ้มให้กับเธอเป็นการเปิดฉาก ก่อนที่จะลงมือป่วนประสาทด้วยแผนการที่เพิ่งคิดได้

สาวน้อยร่างเล็กทำทีเป็นปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเสื้อของนายแพทย์หนุ่มอย่างเอาใจใส่ ซึ่งทำให้คุณหมอถึงกับสงสัยในท่าทีของเธออยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมปล่อยให้ทำแต่โดยดี มันช่างเป็นภาพที่บาดตาบาดใจพิมพ์ประภัสร์จนถึงกับทนไม่ได้ อาจารย์สาวลุกขึ้นยืนจากโต๊ะและสะพายกระเป๋าออกมาจากที่นั่ง ทำให้คณิตและวาดลัดดาต่างมองหน้ากันก่อนที่จะลุกขึ้นตามเธอออกไป

ครั้นพิมพ์ประภัสร์เดินเข้ามาใกล้ตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่ ทิพย์อำพันเห็นดังนั้นจึงถือวิสาสะถอดแว่นของคุณหมอออกมาโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ระวัง จากนั้นจึงทำทีเป็นว่ามีฝุ่นติดอยู่ที่แว่นของเขา นายแพทย์หนุ่มมองเห็นอะไรไม่ชัดนัก ซึ่งรวมไปถึงมองไม่เห็นว่าพิมพ์ประภัสร์เพิ่ง กลั้นใจ เดินผ่านเขาออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ โดยหลังจากนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็แย่งแว่นคืนกลับมาและสวมมันกลับเข้าไป ทำให้เขาเหลือบเห็นวาดลัดดาและคณิตเข้าพอดี

“ อ้าว...วาด!! ” คุณหมอร้องทักสาวน้อย

นักศึกษาสาวชะงักและมองนายแพทย์หนุ่ม เธอตกใจและเข้าใจโดยทันทีว่าเพราะเหตุใดพี่สาวของเธอจึงลุกขึ้นเดินหนีออกมา วาดลัดดามองดูเขาและหญิงสาวที่มาด้วยกัน ก่อนที่จะผละจากพวกเขาไปอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกับพิมพ์ประภัสร์

นายแพทย์หนุ่มงุนงงกับท่าทีของสาวน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงเดินตามเธอออกไปเพื่อถามไถ่ นั่นยิ่งทำให้ผิดแผนจากที่คาดการณ์ของทิพย์อำพันไว้อย่างสิ้นเชิง พยาบาลสาวจึงรีบเดินตามเขาออกไปอีกคน โดยมีคณิตที่แปลกใจในท่าทีของทุกคนเดินตามไปติดๆ

“ วาด!!...เดี๋ยวสิ...จะเดินหนีพี่ทำไม ?!! ” ศัลยแพทย์หนุ่มร้องถามสาวน้อย แต่หญิงสาวกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยเริ่มทันกับพี่สาวของตน

เมื่อเห็นดังนั้นคุณหมอก็ทราบโดยทันทีว่าอดีตคนรักได้มาด้วย จึงรีบวิ่งไปดักหน้าหญิงสาวทั้งสองไว้

“ พิมพ์...วาด...พวกคุณจะเดินหนีผมไปไหน ?? ” นายแพทย์หนุ่มกล่าวกับสองสาวทันทีที่ยืนประจันหน้า

พิมพ์ประภัสร์ตกใจเมื่อเห็นเขา เธอพยายามเดินหลบไปอีกทาง แต่หมอหนุ่มกลับเขยิบตัวขวางทางเอาไว้เพราะกลัวเธอจะหนี หญิงสาวเริ่มหมดความอดทนเธอจึงโพล่งถามเขาออกมา

“ นี่คุณต้องการอะไรจากฉันคะคุณหมอ ?!! ” เธอถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ก่อนที่จะหันไปเจอทิพย์อำพันและคณิตที่ตามมาสมทบ

“ อ้าวพิมพ์!!..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจ๊ะ สบายดีมั้ย ?!! ” ทิพย์อำพันแสร้งถามพลางทำทีเหมือนกับเพิ่งเจอเธอ

“ ...ฉันกับพี่หมอมาทานข้าวกันน่ะ...ว่าแต่เมื่อครู่เธออยู่ที่ร้านสเต็กนั่นเหรอ...ฉันไม่ยักจะเห็นเลย เธอออกมาตอนไหนล่ะ ?? ” พยาบาลสาวถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ใสซื่อ ราวกับว่าไม่รู้ไม่เห็นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอพยายามเขยิบตัวเข้าไปใกล้คุณหมอเพื่อแสร้งให้พิมพ์ประภัสร์เชื่อว่าพวกเขากำลังคบกัน

อาจารย์สาวมองหน้าทิพย์อำพันอย่างอดสู เธอรู้สึกสมเพชคนรักเก่าที่ไปคว้าเอาผู้หญิงร้อยเล่มเกวียนคนนี้มาเป็นแฟน หญิงสาวไม่อยากจะตอบโต้อะไร เธอเพียงแค่เดินอ้อมคนทั้งคู่ออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเหลือเยื่อใยผูกพัน

หมอหนุ่มพยายามหันกลับไปร้องเรียกเธอ แต่วาดลัดดากลับส่งเสียงเรียกเขาให้หันกลับมา

“ คุณหมอคะ!! เลิกยุ่งกับพี่สาวของหนูได้แล้ว ปล่อยพี่ของหนูไปเถอะ!! ” สาวน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

“ แต่พี่มีเรื่องที่จะต้องคุยกับพิมพ์!! ” เขายืนกราน

“พอเสียทีเถอะค่ะ!! เรื่องของคุณกับพี่ของหนูมันจบกันไปแล้ว คุณหมอควรจะดูแลคนของคุณหมอให้ดีนะคะ!! ” วาดลัดดาส่งสายตาจิกใส่ทิพย์อำพันเพื่อเป็นการย้ำ

“ ทับทิมกับพี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เรื่องวันนั้นมันเป็นการเข้าใจผิด วาดต้องเข้าใจพี่สิ!! ” เขาร่ำร้อง

“ หนูไม่เข้าใจค่ะ!! พี่สาวของหนูเจ็บช้ำมามากพอแล้วกับเรื่องของผู้หญิงคนนี้ ต่อไปนี้ก็ขอให้พวกคุณทั้งคู่มีความสุขกันมากๆ นะคะ จะได้เลิกจองเวรกับพี่ของหนูเสียที!! ” เธอรีบตัดบทก่อนที่จะเดินตามพิมพ์ประภัสร์ออกไป โดยไม่ทันที่เขาจะได้โต้แย้ง

คณิตมองดูเพื่อนสาวคนสนิทก่อนที่จะเหลือบมามองนายแพทย์หนุ่มและทิพย์อำพัน เขามองคนทั้งคู่พลางส่ายหน้าไปมาอย่างอิดหนาระอาใจ จากนั้นจึงเดินตามวาดลัดดาไปอีกคน

ทิพย์อำพันมองดูหนุ่มน้อยด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร จากนั้นเธอจึงเหลือบมามองที่ศัลยแพทย์หนุ่มพลางเบี่ยงเบนความสนใจเขาให้หันมาที่เธอ...แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้ในหัวของคุณหมอคิดถึงแต่อดีตคนรักอย่างพิมพ์ประภัสร์ เขาไม่มีวันที่จะลดความพยายามในการขอคืนดีจากอาจารย์สาวเป็นแน่ เหมือนกับทิพย์อำพันที่ไม่ลดความพยายามในการเรียกร้องความสนใจจากเขาให้หันมาสนใจตัวเธอเช่นกัน

++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากเลยเวลาของอาหารกลางวันมาได้พักใหญ่ นายแพทย์มงคลมาสก็ยังไม่ได้รับประทานอะไรเลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เขามัวแต่โทรศัพท์หาพิมพ์ประภัสร์หลังจากกลับมาถึงโรงพยาบาลเพื่อจะอธิบายถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ชายหนุ่มโทรศัพท์หาเธออยู่หลายครั้งเหมือนทุกๆ วัน เพราะรู้ดีว่าอดีตคนรักไม่ได้เปลี่ยนเบอร์มือถือแต่อย่างใด เนื่องจากอาจารย์สาวทำธุรกรรมเอาไว้หลายอย่าง ทว่าเธอแค่ไม่ยอมรับสายเขาก็เท่านั้น บางครั้งคุณหมอหนุ่มก็เคยลองใช้เบอร์โทรศัพท์อื่นต่อสายไปหา แต่พอเธอรับสายแล้วได้ยินเสียงเขากล่าวทักทาย เจ้าหล่อนก็วางหูใส่ทันทีโดยไม่รอให้เขากล่าวประโยคอื่นเพิ่มเติม

จนทุกวันนี้มันจึงกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของนายแพทย์หนุ่มอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ส่งข้อความไปหาในตอนเช้า โทรศัพท์ไปหาในตอนเที่ยงและตอนบ่าย ปิดท้ายด้วยการส่งข้อความอีกครั้งก่อนเข้านอน โดยคุณหมอจะทำแบบนี้ซ้ำๆ กันทุกวัน โดยที่เชื่อว่าสักวันหนึ่งพิมพ์ประภัสร์ต้องใจอ่อน และยอมกลับมาคืนดีกับเขาอีกครั้ง

ส่วนทางฝั่งของพิมพ์ประภัสร์เองก็ยังไม่ได้รับประทานอะไรเช่นเดียวกันนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น อาจารย์สาวตั้งปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ยามเบอร์ของนายแพทย์หนุ่มปรากฏเข้ามา ใจหนึ่งเธอก็อยากรับสายเพื่อเคลียร์ความคับข้องหมองใจให้มันจบๆ ไป แต่อีกใจก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะทำใจไม่ได้ยามที่ได้ยินเสียงของเขา หญิงสาวรู้ตัวดีว่าแท้จริงแล้วความโกรธที่เกิดขึ้นมา บัดนี้มันกลายเป็นความกลัวที่เธอจะไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้กลับไปหาเขาได้อีก เหมือนกับสาววันพฤหัสบดีทั่วๆ ไปที่เป็นคนแข็งนอกแต่อ่อนใน และมักจะยึดทิฐิเอาไว้เป็นเกราะกำบัง เพราะกลัวจะพลาดพลั้งกลับไปเจ็บปวดเหมือนอย่างเดิม จนจิตใจเริ่มชินชาและกลายเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันรักษาให้หายขาด

++++++++++++++++++++++++++++++

เย็นนั้นหลังจากสิ้นสุดการเรียน คณิตเดินมาส่งวาดลัดดาที่หอพักพร้อมกับชวนพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน วาดลัดดาแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงพี่สาวมากแค่ไหน สาวน้อยรู้ดีว่าพิมพ์ประภัสร์เสียใจกับเรื่องของนายแพทย์หนุ่มและผู้หญิงคนนั้นมาตลอด ซึ่งท้ายที่สุดพี่สาวของเธอก็ตัดสินใจถูกที่เป็นฝ่ายเลิกรากับคุณหมอมงคลมาสได้

คณิตกล่าวชื่นชมวาดลัดดาที่เป็นห่วงเป็นใยอาจารย์สาว พลางบอกให้เธอรู้จักประคับประคองชีวิตคู่ของเธอกับโชติวุฒิให้ดีเช่นกัน

สาวน้อยยิ้มให้เขาเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนที่จะอดอิจฉาตนเองไม่ได้ว่าเธอช่างโชคดีแค่ไหนที่มีคณิตเป็นเพื่อนสนิทที่คอยยืนอยู่เคียงข้าง วาดลัดดากล่าวลาชายหนุ่มก่อนที่จะขึ้นห้องโดยไม่ลืมโบกมือลา

คณิตมองดูเธอแล้วเดินออกมา เพื่อจะกลับสู่ที่พักซึ่งอยู่ถัดออกไป ครั้นชายหนุ่มเดินออกมาพ้นจากรั้วของหอพักก็สวนกับรถยนต์สีดำคันใหญ่ที่ขับเข้ามาพอดี และถ้าเขาจำไม่ผิดรถยนต์คันนี้ต้องเป็นรถของโชติวุฒิเป็นแน่ คณิตมองดูรถสีดำที่เคลื่อนตัวเข้าไปจอดยังด้านในและพบว่าเป็นจริงดังคาด ชายหนุ่มที่ก้าวออกมาจากรถคือโชติวุฒิ จริงๆ

นักธุรกิจหนุ่มปิดประตูรถและกำลังจะขึ้นไปบนหอพัก ทว่าวาดลัดดากลับเดินย้อนออกมาแล้วเข้าไปโอบกอดเขาอย่างสนิทเสน่หาในทันที ก่อนที่คนทั้งคู่จะพากันขึ้นไปหาความสำราญต่อกันที่บนห้อง

หนุ่มน้อยเบือนหน้าหนีออกมาจากภาพนั้น พลางสั่งให้ตนเองหยุดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ชายหนุ่มทอดถอนใจว่าชาตินี้ทั้งชาติวาดลัดดากับเขาก็คงไปได้ไกลไม่เกินกว่าคำว่า เพื่อน เป็นแน่ เขาพยายามข่มใจเดินออกมาจากรังรักของคนทั้งคู่ เพื่อกลับสู่หอพักที่อยู่ถัดออกไปอย่างอ้างว้าง เงียบเหงา และเปล่าเปลี่ยว....