รูปภาพ:https://img.buzzfeed.com/buzzfeed-static/static/2019-04/18/12/asset/buzzfeed-prod-web-03/anigif_sub-buzz-16096-1555605412-1.gif?output-quality=auto&output-format=auto&downsize=360:*

สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่อยากมีผิวสวยปิ๊ง! ทุกคน (*´▽`*)ผู้หญิงแทบทุกคน แม้จะไม่ใช่คนดูแลตัวเอง ชอบทาครีมบำรุงแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีใครอยากผิวเหี่ยว มีริ้วรอย มีจุดด่างดำหรือดูแก่ก่อนวัยหรอกใช่ไหมล่ะคะ? แต่ผิวหนังก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญและต้องการการดูแล ถ้าปล่อยไปตามเรื่องตามราวหรือมีพฤติกรรมทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว รู้เรื่อง!ตอนอายุยี่สิบต้นๆ ยังไม่ส่งผลให้เห็นชัดหรอก แต่อายุขึ้นเลขสามเมื่อไหร่ละก็... ยิ่งเข้าหลักสี่ละเธอเอ๊ย อะไรที่ทำบาปทำกรรมกับผิวหน้าผิวตัวไว้ ตามมาเช็กบิลกันอ่วมตอนนั้นแหละ!ถ้าอยากมีผิวสวยนุ่มเด้งกระจ่างใส ดูเด็กกว่าวัย ( หรืออย่างน้อยก็ตามวัย ) ก็ต้องเริ่มดูแลผิวตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มจากลบ ' ความเชื่อผิดๆ ' ในการดูแลผิวก่อนเลยประเภทที่เขาเล่ากันมาว่า ที่บ้านสอนมาว่า เพราะสิ่งที่ได้ยินมาปากต่อปาก รุ่นสู่รุ่น หรือแม้แต่ตีพิมพ์ในสื่อสมัยก่อน อาจจะกลายเป็นความเชื่อเก่าๆ ที่ถูกลบล้างว่าที่จริงแล้ว ยิ่งทำยิ่งผิวพัง สิวเห่อ ทำต่อเนื่องหมดสวยก่อนวัย!ถ้าไม่แน่ใจว่าเผลอปู้ยี่ปู้ยำผิวโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ ขอเชิญซิสมาเช็กใน' 7 ความเชื่อสุดปัง ( ปินาศ ) ในการดูแลผิว 'ในบทความนี้กันเลยค่าา #เลิกได้เลิกนะเราขอ ( ̄︿ ̄)

1. " เหนื่อย นอนเลยละกัน เมคอัพค่อยเช็ดออกตอนเช้า ไม่กี่ชม. ไม่เป็นไรหรอก "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/fb5c7b75e2caaf3fa3bf104bc7a6aa95.jpg

อาจจะเพราะความเหนื่อย ขี้เกียจ เห็นคนแต่งหน้าหลับไปทั้งคืนก็ไม่เห็นเป็นไร หรือคิดง่ายๆ ว่า " แค่ไม่กี่ชั่วโมง ผิวยังไม่ทันพังหรอกน่า " กลับบ้านมาเมคอัพหนาเตอะ ก็ฟุบหลับไปทั้งอย่างนั้น ไว้ตอนเช้าค่อยมาว่ากันใหม่

ซึ่งสาวๆ บางคนก็เจอสิวโผล่มาทักทายตั้งแต่วันแรกเลย แต่บางคนก็ใช้เวลาสะสมจนสุดท้ายผิวมีสิวอุดตัน สิวเห่อเพราะคราบเครื่องสำอางที่ฝังแน่นล้างไม่ออก พอมีสิวก็แต่งหน้ากลบ พอเมคอัพอุดตันก็สิวขึ้นเพิ่ม วนลูปไปไม่มีที่สิ้นสุด #กุมขมับ

อย่าลืมว่า เครื่องสำอางทั้งรองพื้น แป้ง มาสคาร่า ลิปสติกที่เกาะรวมกันอยู่บนผิวหน้าของเธอ แต่งมาตั้งแต่เช้า กว่าจะถึงบ้านก็ไม่ต่ำกว่า 8-9 ชั่วโมง ทั้งการเดินทางในรถไฟฟ้าเอย รถเมล์เอย ( หรือถึงรถส่วนตัวก็เถอะ ก็ต้องมีช่วงที่เดินถนนเจอมลภาวะอยู่ดี ) ทั้งสิ่งสกปรก น้ำมัน มลภาวะก็เกาะเป็นหย่อมๆ อุดตันรูขุมขนไปหมด และมลภาวะเหล่านี้ยังทำให้คอลลาเจนใต้ผิวเสียหาย ดูแก่ก่อนวัยได้ในระยะยาวอีกด้วย


ดังนั้นถ้าวันไหนเหนื่อยจริงๆ อย่างน้อยใช้ makeup wipes สักแผ่นสองผ่านเช็ดทั่วผิวหน้าก่อนนอนนะคะ คงไม่สะอาดเท่าล้างหน้าหรอก แต่อย่างน้อยก็ได้ขจัดเชื้อโรคออกไปเกินครึ่งแล้ว!

2. " ถ้าแดดไม่แรงมาก ก็ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดหรอก เปลือง! "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7ecd946c9991dfb1e108d08fb03ef9a3.jpg

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคิดแบบนี้! พอเห็นว่าวันนี้แสงแดดไม่แรงมาก, ฝนตั้งท่าจะตก ฟ้าดูครึ้มๆ ไม่ค่อยมีแดด หรืออยู่ในที่ร่ม อยู่ในตึก แดดส่องมาไม่ถึงหรอก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดหรอกมั้ง?

อาจกลัวเปลือง หรือไม่อยากมีผิวหน้าผิวตัวที่เหนียวเหนอะหนะ ตอนอายุน้อยผิวยังไม่ส่งผลชัดเจนหรอก แต่ถ้าอายุขึ้นเลขสามเลขสี่เมื่อไหร่ ทั้งความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำมากันเป็นแพ็กเกจ ' ผิวพังก่อนวัยจากรังสียูวี ' อย่างแน่นอน

ความเชื่อผิดๆ ที่ฝังหัวคนส่วนใหญ่มานานคือ แดดไม่แรงไม่จำเป็นต้องทาครีม ซึ่งความเป็นจริงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามที่แสงแดดไปถึง รวมถึงการอยู่ในบ้านหรือออฟฟิศช่วงกลางวัน ไม่ว่าจะแดดร่มหรือแดดจ้า ยังไงก็ต้องทากันแดดทั้งหน้าและตัวค่ะ!


บางทีสายตาเรามองว่าแดดไม่แรง แต่รังสียูวียังเข้มข้นอยู่ตลอดเวลา แม้ในวันเมฆเยอะบังแสงอาทิตย์ แสงก็ยังลอดลงมาทำร้ายคอลลาเจนใต้ผิวของสาวๆ ได้อยู่ดี เมื่อคอลลาเจนถูกทำลายถึงจุดนึง ผิวก็จะเหี่ยว แห้งกร้าน และฟื้นฟูยากสุดๆ บางรายอาจฟื้นฟูไม่ได้อีกเลยดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่ป้องกันรังสี UVA/UVB ที่มี SPF50+ ขึ้นไปทุกเช้า จะแต่งหน้าหรือไม่ก็ต้องทา ถ้าไม่อยากหน้าไหม้ หน้าแก่ก่อนวัยอันควร

3. " ทาครีมกันแดดที่หน้ากับตัวก็พอ ไม่ต้องทาริมฝีปากก็ได้ "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1b81e11d285df02c4a6c7d87db6405df.jpg

เป็นสิ่งที่คนทั่วไปมักละเลย บางทีทากันแดดทั้งหน้าทั้งตัวซะหนา เตรียมป้องกันรังสียูวีเต็มที่ แต่ปล่อยปากแห้ง หรือทาแค่ลิปมันทั่วไปที่ไม่กันแสงแดดแต่อย่างใด เพราะคิดว่าไม่สำคัญ ไม่ต้องทาก็ได้ ทั้งที่ริมฝีปากก็เป็นผิวหนังบริเวณหนึ่งที่เมื่อเจอแสงแดดเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้ปากคล้ำเสีย หรือไหม้ได้เช่นกัน


ตอนยังเด็กๆ อยู่ก็ยังปากสีอมชมพูอยู่หรอก แต่เมื่ออายุมากปากจะเริ่มสีเข้ม เป็นสีน้ำตาลมากขึ้น นอกจากผิวที่แก่ตามวัยแล้ว ส่วนนึงก็เพราะไม่เคยกันแดดที่ปากเลยนี่ละค่ะ!

เราแนะนำให้สาวๆ ใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของ SPF ซึ่งยี่ห้อส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ประมาณ SPF30 ซึ่งถือว่าเพียงพอ หมั่นทาเติมอยู่บ่อยๆ เพราะอาจเลือนหายระหว่างกินข้าว ดื่มน้ำระหว่างวัน ใส่ในกระเป๋าที่พกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ และเติมทุกครั้งที่นึกออก ระยะยาวหลักปีหรือหลายๆ ปี จะเห็นความแตกต่างระหว่างเธอกับคนวัยเดียวกันที่ไม่ทาลิปมันกันแดดอย่างแน่นอน!


แอบกระซิบว่านอกจากปากแล้ว อย่าละเลยมุมอับที่คนมองข้าม เช่น หลังใบหู ลำคอ ฝ่ามือ และเท้าด้วยนะ สาวๆ จะได้มีผิวสวยใสทั้งตัวแบบไร้ที่ติยังไงล่ะ

4. " ถ้าเป็นสกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสม 'จากธรรมชาติ' แปลว่ายังไงก็ไม่แพ้น่ะสิ "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b2612c79aea4be2456e44ad1c478d810.jpg

เป็นความเข้าใจผิดของสาวไทยที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน! ยิ่งเดี๋ยวนี้มีกระแสสกินแคร์ออร์แกนิก สกัดส่วนผสมจากธรรมชาติหลากหลายยี่ห้อทั้งไทยและเทศ เอาใจผู้บริโภคที่มีผิวแพ้ง่าย ตื่นตัวกับสารเคมี สีและน้ำหอมในสกินแคร์มากขึ้น


แต่อันที่จริงแล้ว ผิวของแต่ละคนเซนซิทิฟกับสารต่างๆ ไม่เหมือนกัน และผิวแพ้ง่ายไม่ได้หมายความว่าจะใช้ครีม เซรั่มธรรมชาติอะไรก็ได้ เพราะอาจมีส่วนผสมสักตัวในนั้นที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ก็เป็นได้ค่ะ

ดังนั้นคำว่า " สกินแคร์ธรรมชาติคือยังไงก็ใช้ได้ ไม่แพ้ " = ผิดมหันต์!! ทุกส่วนผสมที่นำมาทาผิวมีเปอร์เซนต์ที่จะแพ้และทำให้ผิวขึ้นผื่นแดง สิวเห่อได้ทั้งนั้น ในทางกลับกัน น้ำหอมที่สาวๆ หลายคนกลัว คนผิวแพ้ง่ายบางคนก็ใช้ได้สบาย ดังนั้นอย่าไปยึดติดกับ 100% natural ingredients บนฉลากมาก

ถ้าเพิ่งเคยใช้ก็ควรทดลองกับผิวท้องแขน หรือสันกรามก่อน อย่าเพิ่งละเลงลงไปทั้งหน้า โดยเฉพาะช่วงที่จำเป็นต้องใช้หน้าพบปะผู้คน ถ้าแพ้รุนแรงขึ้นมาจะซ่อมไม่ทันเด้อ

5. " ถ้าไม่มีถุงใต้ตา ตาไม่คล้ำ ไม่ต้องทาอายครีมก็ได้มั้ง "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5091849237f345b584067550d865c745.jpg

' อายครีม ' มักถูกมองจากเด็กวัยรุ่นหรือวัยทำงานตอนต้น ( ยี่สิบต้นๆ ) ว่าเป็นไอเทมฟุ่มเฟือย แค่ใช้ครีมทาหน้าก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ยิ่งบางคนเป็นเด็กอนามัย นอนพักผ่อนเพียงพอทุกวัน หรือเกิดมาพันธุกรรมดีไม่มีถุงใต้ตา ตาไม่คล้ำเป็นแพนด้า ก็ไม่ยอมทาอายครีมเลย ซึ่งเป็นความคิดที่อันตรายมาก!


กว่าจะกลับลำตั้งตัวทันก็ยี่สิบปลายๆ ผิวใต้ตาเริ่มมีริ้วรอยและหย่อนคล้อยแล้ว เริ่มทาอายครีมช่วงนั้นก็ได้แค่ประคองอาการ แต่ถ้าเกิดริ้วรอยแล้วแก้ยากมาก ต้องพึ่งหมอฉีดฟิลเลอร์อย่างเดียว

เนื่องจากผิวใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบาง เหี่ยวย่นง่าย และเป็นสัญลักษณ์บนใบหน้าที่บ่งบอกอายุชัดเจนที่สุด จึงไม่มีคำว่าเร็วเกินไปสำหรับอายครีม! แม้จะยังอายุน้อย ปัญหาผิวใต้ตาไม่มีสักจุดก็ควรทาทุกคืน


ถ้ากลัวเหนียวก็เลือกแบบที่เป็นเนื้อเจล เน้นความชุ่มชื้นเป็นหลัก เพื่อป้องกันทั้งริ้วรอย ตาบวม ตาช้ำ ตาคล้ำทั้งหลาย แต่เมื่ออายุ 25+ เป็นต้นไป ก็ควรมองหาสูตรที่มีเรตินอลป้องกันริ้วรอยแทน เพื่อให้ดวงตายังสดใสไร้รอยตีนกานะคะซิส

6. " เป็นคนผิวมัน ไม่ต้องทาครีมก็ได้ เดี๋ยวผิวยิ่งเยิ้ม "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0d8221036abd387c4f03b45170ae42ca.jpg

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน สาวๆ มากมายจึงไม่ค่อยทาครีมบำรุงกันเพราะไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ ความเยิ้ม ตอนกลางคืนยังไม่เท่าไหร่ ยังมีคนทาไนท์ครีมอยู่บ้าง แต่หาคนทั่วไปที่ไม่ใช่สายบิวตี้ ทาครีมตอนเช้าก่อนออกจากบ้านกันน้อยมาก ยิ่งเป็นคนผิวมันตัดออกไปได้เลย

กลัวผิวเมือก เยิ้ม ถ้าหน้ามันจนรองพื้นหลุดออกมาเป็นดวงๆ จะทำยังไง? ตัดปัญหาด้วยการไม่ทาซะเลย ซึ่งจะเกิดปัญหากับชั้นใต้ผิวแน่ๆ ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้นค่ะ

ข้อแรกที่ต้องบอกคือ " เธอไม่ได้มีผิวมันตลอดไป " เพราะสภาพผิวจะเปลี่ยนเมื่ออายุมากขึ้น จากวัยรุ่นผิวมันเยิ้ม เมื่ออายุ 27-28 เธอจะพบว่าผิวหน้าแห้งขึ้นมากๆ ถ้าไม่ได้ทาครีมบำรุงไว้ล่วงหน้า จะทาตอนผิวแห้งมีริ้วรอยแล้วก็อาจสายเกินไป และข้อสองคือ " ผิวมันไม่ได้แปลว่าผิวชุ่มชื้น "

ผิวมันคือมีน้ำมันเยอะจากการเสียสมดุล ยิ่งไม่ทาครีมก็ยิ่งปล่อยให้ปัจจัยภายนอกอย่างฝุ่นควัน มลภาวะทำร้ายผิวได้ง่ายขึ้น ซึ่งครีมจะมีหน้าที่เคลือบชั้นผิวไม่ให้ฝุ่นเหล่านั้นมาเกาะจนผิวเสีย จึงควรทาไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหน ถ้ากลัวเยิ้ม ก็มีเนื้อเจลหรือเนื้อโลชั่นแบบน้ำใสๆ ขายมากมายตามเคาน์เตอร์ ลองไปเลือกหาดูนะคะ

7. " อาบน้ำร้อนๆ สิดี ช่วยเปิดรูขุมขน จะได้ไม่เป็นสิว "

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/44c63b75360f3333b8b38679d4704bab.jpg

ความเชื่ออย่างสุดท้ายที่ไม่รู้สาวๆ บางคนไปจำกันมาจากไหน คือชอบอาบน้ำอุ่น ( ไปจนถึงร้อนจัด ) เอามากๆ เรื่องผ่อนคลายความเครียดก็อย่างนึง แต่ที่บอกว่าช่วยเปิดรูขุมขน สลายสิ่งอุดตันให้ไม่เป็นสิวนั้น


มีงานวิจัยยุคใหม่เปิดเผยออกมาแล้วว่าเป็นเรื่องจ้อจี้จกตา ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่ารูขุมขนบนผิวทุกคน มัน ' เปิดตลอดเวลา ' อยู่แล้วน่ะสิ!!

ดังนั้นเลิกทำร้ายผิวด้วยการเอาหน้าไปจุ่มน้ำร้อน หรือเปิดน้ำอุ่นจัดล้างหน้าตลอดเวลา นอกจากจะชะล้างน้ำมันตามธรรมชาติบนหน้าจนผิวแห้งแตกระแหง เสี่ยงสิวขึ้นแล้ว คนที่มีผิวเซนซิทิฟอาจเกิดอาการแสบหน้าได้

แต่ถ้าชีวิตขาดน้ำอุ่นไม่ได้จริงๆ ก็แนะนำให้ปรับระดับเป็นอุ่นนิดๆ หรือ lukewarm water และปิดท้ายน้ำสุดท้ายด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน จากนั้นทาครีมบำรุงและบอดี้โลชั่น / บอดี้ออยล์ตอนที่ผิวยังเปียกหมาด เพื่อล็อกความชุ่มชื้นทันที เท่านี้ก็มีผิวนุ่มเด้ง ดูอ่อนกว่าวัยได้ไม่ยาก

รูปภาพ:https://cutewallpaper.org/21/dahyun-dance-the-night-away/Dahyun-TWICE-TV-Dance-The-Night-Away-EP.02-180712-1-IIllIIllllIlllll-GIF.gif

----------------------------

ความเชื่อไม่ว่าอะไรล้วนเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะจับต้องไม่ได้ แค่คำว่า ' เคยได้ยินมาจาก ( ที่ไหนก็ไม่รู้ ) ' หรือเห็นเขาเล่าต่อๆ กันมา แม้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับก็คิดเองเออเองไปแล้วว่าทำได้ พอทำไปเรื่อยๆ มีคนเห็นเราทำได้ก็ทำตามเราต่อ ลามไปเรื่อยๆ เหมือนโดมิโน ถามว่าไปจำมาจากไหน ใครคือคนเริ่มความคิดนี้ก็คือตอบไม่ได้ งงมาก -_-ปัญหาผิวบางอย่างที่ทุกวันนี้เธอยังต้องรักษา หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมไม่หายดี เริ่มสังเกตตัวเองก่อนเลย ว่ากำลังดูแลผิวตามความเชื่อผิดๆ ของตัวเองอยู่รึเปล่า ยังไม่จำเป็นต้องเลิกทำทันทีก็ได้ ลองค้นหาดูงานวิจัยต่างๆ ว่าการทำแบบนี้จะส่งผลเสียกับผิวยังไงบ้างผิวหน้าจะดีหรือพังเราเห็นด้วยตาเปล่าที่จับต้องได้ ดังนั้นก็ควรเชื่อหมอผิวหนังหรือนักวิจัยที่มีข้อสรุปชัดเจน ดีกว่าเชื่ออะไรที่เราหาต้นตอไม่ได้ สุดท้ายผิวที่เสียก็ผิวเราเองเด้อ!!วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อนแล้ว คราวหน้าจะมีทริคดูแลผิวอะไรก็กดปุ่มติดตามไว้ได้เลย >< เจอกันค่า บ๊ายบายยย