ฮัลโหลเพื่อนๆ ทุกคนน

ช่วงนี้ทำงานหนักพักผ่อนเพียงพอกันบ้างรึเปล่าเอ่ย?

อย่าหักโหมและหันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันเยอะๆ นะคะ เพราะบางทีการที่เราทำงานมากไปก็อาจจะทำให้เราละเลยกลิ่นหรือสิ่งรอบๆ ตัวไปบ้าง

แต่เอ๊ะ! เพื่อนๆ น่าจะงงกันแล้วว่า

แล้วกลิ่นมันจะเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพได้ไง?

ดังนั้นค่ะซิสวันนี้เราเลยรวม

ข้อสังเกตร่างกายตัวเองจากการได้กลิ่น

ที่สามารถบ่งบอกถึง

อันตรายและปัญหาสุขภาพมาเล่าให้ฟัง

ว่า

ถ้าเราได้กลิ่นจาก 1 ใน 9 อย่างนี้ลอยมาแบบไม่เคยใช้ หรือมีอยู่แถวๆ นั้นมาก่อน

ก็ให้ระวังตัวกันไว้ก่อนเลย

เพราะเรื่องฟืนไฟหรือปัญหาสุขภาพไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ อยากรู้แล้วว่ามีกลิ่นอะไรบ้าง ซิสก็เตรียมจมูกให้พร้อมแล้วมาเริ่มดูที่กลิ่นแรกกันเลยดีกว่า

♡♡ 9 กลิ่นที่อาจนำมาซึ่ง “อันตราย” และ “ปัญหาสุขภาพ” ที่ไม่ควรมองข้าม ♡♡

1. กลิ่นขนมปังไหม้

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/81/50/e5/8150e5c60f8a0aa5ffafad2b5caf3536.jpg

การได้

“กลิ่นขนมปังไหม้”

อาจเป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพของ

Brain trauma อย่างเช่น โรคเนื้องอกในสมอง หรือ โรคหลอดเลือดสมองอย่าง stroke ได้

เกิดจากการที่

ทางเดินเลือดบางสายที่ไหลเข้าสมองถูกตัดขาดไป ทำให้คนไข้บางคนได้กลิ่นที่ไม่อยู่จริง (Phantosmia) และจินตนาการถึงกลิ่นที่ได้ดมว่าคล้ายๆ กับกลิ่นขนมปังไหม้

เรียกอีกอย่างว่า

olfactory hallucination คือมีอาการประสาทหลอนทางการรับกลิ่น

ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่สงสัยว่าตัวเองมีโอกาสเสี่ยง ขอแนะนำให้ลองไปหาหมอเพื่อตรวจดูก็ได้นะคะ จะได้สามารถรักษาได้ทันท่วงที

2. กลิ่นคาวปลา

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/92/e2/d4/92e2d4e6745e365ccf314d6c86d0bee0.jpg

มีวันไหนที่ได้

“กลิ่นคาวปลา”

แต่ไม่ได้ซื้อปลามาทำอาหารไหมคะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่า

เต้ารับปลั๊กไฟที่บ้านเกิดไฟไหม้ขึ้นมา หรือ white goods ที่บ้านทำงานหนักและร้อนเกินไป

โดย white goods คือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และเตาอบ

อาจทำงานมากเกินไปจนร้อน

ซึ่งต่อให้ได้กลิ่นแค่นิดเดียว เพื่อนๆ

ก็ควรรีบเดินหาที่มาของกลิ่นและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าจากตรงที่ได้กลิ่นออกให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดเพลิงไหม้

และรีบเรียกช่างมาดูดีกว่านะคะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดไฟไหม้ได้เลย

3. กลิ่นไข่เน่า

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/73/7a/c3/737ac329d8c89003b755521d3441abe7.jpg

มีใครตดรึเปล่า?

“กลิ่นไข่เน่า”

เป็นอีกกลิ่นที่ควรระวังสำหรับบ้านใครที่ใช้เตาก๊าซ

เนื่องจากเตาก๊าซที่เราใช้ทำมาจาก Carbon monoxide ซึ่งเดิมทีก๊าซชนิดนี้เป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่น เราจึงสังเกตได้ยากหากก๊าซมีการรั่วไหลออกมา

ทางบริษัทที่ผลิตถังก๊าซจึงได้ใส่

sulphuric หรือ ก๊าซไข่เน่า เข้าไปเพื่อเตือนว่า ถ้าได้กลิ่นไข่เน่าแสดงว่าก๊าซในถังอาจเกิดการรั่วไหล

ให้รีบโทรเรียกช่างซ่อมบำรุงมาช่วยดูและรีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุดนะคะ

เพราะ Carbon monoxide เป็นก๊าซที่มีความอันตรายต่อร่างกาย และสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

หากมีการสูดดมเป็นระยะเวลานาน

4. กลิ่นแอมโมเนีย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/24/bc/64/24bc648ba9631de9c83edec62a24c11e.jpg

เพื่อนๆ คนไหนเคยจะเป็นลมในงานกีฬาสีแล้วมีคนเอา

“แอมโมเนีย”

มาให้ดมบ้างไหมคะ? ขอบอกเลยว่า แอมโมเนียเนี่ยทำให้เราฉุนติดจมูกไปหลายนาทีมากก สำหรับเพื่อนๆ

คนไหนที่ได้กลิ่นแอมโมเนียหรือน้ำยาลอกสีในบ้าน ให้สันนิษฐานได้เลยว่า อาจจะมีซากสัตว์ที่มาตายอยู่ในบ้านก็ได้

เพราะไม่ว่าจะเป็น

สัตว์ชนิดไหนที่ตาย ก็สามารถสร้างกลิ่นที่ทำให้ความรู้สึกรำคาญใจได้

ไม่เพียงแต่ปัญหาจากกลิ่นเท่านั้น

เราอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาจากซากสัตว์ตายและแบคทีเรียที่กระจายตัวออกมาได้ด้วย

ดังนั้นถ้าได้กลิ่นแปลกๆ ของแอมโมเนียก็อย่าเฉย และรีบเดินหาต้นตอกันนะคะ

5. กลิ่นน้ำเชื่อม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/05/af/58/05af58fb0227d0679ec12fac6493e53c.jpg

มีใครขับรถแล้วไม่ค่อยได้เช็คหรือตรวจสอบเครื่องยนต์รถตัวเองบ้างคะ เราอยากแนะนำเลยว่าถ้ารถเสียกลางทางหรือมีปัญหา ถือเป็นเรื่องที่ลำบากมากสำหรับคนที่มีรถคันเดียว ยิ่งถ้าเพื่อนๆ ได้กลิ่นหวานๆ เหมือน

“น้ำเชื่อม”

ตอนขับรถอยู่นี่ไม่แน่ว่า อาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับรถของเราก็เป็นได้

ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของสารหล่อเย็น

หรือเป็นไปได้ว่า

ตัวเครื่องยนต์ร้อนจัดมากก็ได้

ถ้าเกิดเพื่อนๆ เข้าใจการทำงานของรถยนต์คร่าวๆ ก็ให้ลองลอง

เปิดกระโปรงรถ เพื่อเช็คความผิดปกติดูเบื้องต้นก่อนได้ แต่ถ้าไม่ไหวอาจจะเอารถไปเข้าศูนย์เพื่อซ่อมและเช็คจะดีที่สุดค่า

6. ไม่ได้กลิ่น

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/db/32/7d/db327dbdabf4d4dd8d39e8a244f4e2f2.jpg

ใน 5 ข้อก่อนหน้านี้พูดถึงการได้กลิ่นมาหมดเลย

แล้วถ้าเราไม่ได้กลิ่นทั้งที่ควรจะได้กลิ่นล่ะ?

มันหมายความว่ายังไง ในกรณีนี้สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ซึ่งถ้าการ

"ไม่ได้กลิ่น"

ของเพื่อนๆ

คือร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีอาการไอร่วมด้วย ก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะติดเชื้อโควิด 19 รึเปล่า

ดังนั้นถ้าเป็นแค่ในขั้นเริ่มๆ ก็ให้ลองสังเกตอาการของตัวเองดู

ว่าผิดปกติตรงไหนอีกรึเปล่า เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นได้ไปบอกคุณหมอ และตรวจเช็คร่างกายเพื่อรักษาได้ทันท่วงทีมากขึ้

7. กลิ่นฉี่แมว

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/f2/9e/9c/f29e9cd2333e0b276f7741ddac7fa6fb.jpg

เอ๊ะ? ฉี่แมวกลิ่นเป็นยังไงน้า หลายๆ คนที่ไม่เคยเลี้ยงแมวอาจจะเกิดคำถามนี้ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งเราก็เหมือนกันค่ะ ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเพราะไม่เคยเลี้ยง แต่เขาว่า

“ฉี่แมว”

จะฉุนๆ เปรี้ยวๆ และมีกลิ่นแรงค่ะ ดังนั้น

ถ้าบ้านไหนไม่ได้เลี้ยงแมวแล้วได้กลิ่นแบบนี้แสดงว่าที่บ้านเราอาจจะมีราดำขึ้นได้

ส่วน

บ้านไหนที่มีแมว อาจจะต้องลองหาที่มาดูว่าถ้าไม่ใช่ฉี่น้อง ก็อาจจะมีราดำขึ้นที่บ้านรึเปล่า

ซึ่งการเกิดราในบ้านนั้น นอกจากจะ

ทำให้บ้านดูสกปรกแล้ว ยังอาจทำให้คนที่แพ้เกิดอาการหายใจไม่สะดวกและคลื่นไส้ได้ด้วย

วิธีแก้คือพยายามทำให้อากาศในบ้านถ่ายเทสะดวกขึ้นนั่นเองค่ะ

8. กลิ่นน้ำยาล้างเล็บ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/b4/b4/ce/b4b4ce1b0bc3e22205d2ed2cf17f19de.jpg

ถ้าเพื่อนๆ

รู้สึกว่าลมหายใจของเราหวานๆ เหมือนผลไม้

คล้าย

“น้ำยาล้างเล็บ”

ก็ไม่แน่ว่า

เราอาจจะเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หรือ 2 ก็ได้

ซึ่งกลิ่นเหมือนน้ำยาล้างเล็บนั้นมาจาก

อะซิโตน ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาของคีโตนในตับที่ทำงานเพื่อย่อยไขมัน ส่วนใหญ่เพื่อนๆ จะได้กลิ่นนี้เวลาที่มีอินซูลินในเลือดต่ำ

ถ้าฟังแล้วเพื่อนๆ รู้สึกว่าอาการใกล้เคียงกับตัวเองอาจลองไปวัดระดับน้ำตาลในเลือดดูได้นะคะ

9. กลิ่นอัลมอนด์

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/97/26/21/972621ea6cbeb97effe802ddb4ca7b25.jpg

ใครเคยดูหนังแนวสืบสวนหรือการ์ตูนชื่อดังอย่างโคนันคงต้องรู้จัก

cyanide ที่เป็นยาพิษที่ถ้าดมหรือลิ้นแตะโดนนิดเดียวก็สามารถตายได้เลย

เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า cyanide สำหรับบางคนมีกลิ่นเหมือนกับ

“อัลมอนด์ขมๆ”

ซึ่งคนที่สามารถได้กลิ่นอัลมอนด์ จาก cyanide ได้นั้น

ต้องมียีนด้อยหรือ recessive gene ซึ่งมีโอกาสแค่ 1 ใน 4 คนเท่านั้น

ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ

ได้กลิ่นอัลมอนด์ขมๆ จากอาหารที่ไม่มีอัลมอนด์ผสมอยู่เลยก็อาจต้องศึกษาเพิ่มเติม และหากมีความผิดปกติก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/e4/29/d8/e429d837d5e635ceafa8054f2c22558a.jpg

**✿❀❀✿**จบลงไปแล้วกับ9 กลิ่นที่อาจนำมาซึ่ง “อันตราย” และ “ปัญหาสุขภาพ” ที่ไม่ควรมองข้ามมีใครอ่านแล้วลองสูดดมกลิ่นรอบๆ บ้านบ้างไหมคะ อิอิยังไงการดมกลิ่นหรือสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากดังนั้นเราหวังว่าหลังจากนี้เพื่อนๆ จะสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบๆ ตัวจากการดมกลิ่นได้มากขึ้นนะคะแล้วก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพให้ดีๆ ด้วยล่ะไว้เจอกันใหม่ในบทความถัดไปนะคะ บ๊ายบาย~