1. SistaCafe
  2. Climate Change เป็นเหตุสังเกตได้! 10 สิ่งที่ต้องปรับตัวเมื่อโลกร้อนขึ้นจนน่ากลัว

Climate Change เป็นเหตุสังเกตได้! 10 สิ่งที่ต้องปรับตัวเมื่อโลกร้อนขึ้นจนน่ากลัว

(เล่าถึงสาเหตุของภาวะโลกร้อน และเหตุการณ์ที่แสดงถึง climate change ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก + ให้ข้อมูล 10 ตัวอย่างที่ปรับเปลี่ยนเพื่อพยายามช่วยโลก เช่น ธุรกิจแฟชั่น, กฎหมายการผลิตคาร์บอน, อาหาร plant based ทดแทนเนื้อสัตว์ ลดผลิตก๊าซมีเทน, การแยกขยะ, etc. อาจมากกว่า 10 ข้อก็ได้ + ยกตัวอย่างบริษัทที่เริ่มทำเพื่อช่วยโลกแล้ว + ปิดท้ายว่าคุณล่ะได้ช่วยเหลืออะไรโลกบ้างหรือยัง?)


โอ๊ยยย มันร้อนเกินไปรึเปล่าเนี่ย

เพื่อนรู้สึกมั้ยว่าเดี๋ยวนี้อากาศเริ่มร้อนมากขึ้นกว่าเดิมทุกวันเลย

ถึงแม้ว่าเมืองไทยจะร้อนเป็นปกติอยู่แล้วก็เถอะ แต่อากาศตอนนี้เรียกได้ว่าร้อนยิ่งกว่าร้อนไม่พอยังเจอClimate Change ปรากฎการณ์ภัยธรรมชาติหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายติดต่อรัว ๆ



ทั้งน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายเร็วขึ้น ปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น หรือเหตุการณ์โรคระบาดที่ควบคุมได้ยาก


เหมือนว่าโลกกำลังแจ้งเตือนสัญญาณบางอย่างบอกกับมนุษย์ว่าโลกร้อนขึ้นทุกวันจนเข้าขั้นวิกฤติแล้วจ้า



“plant-based meat” ดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร?

เนื่องจาก “plant-based meat” ผลิตจากพืชและสารสกัดจากธรรมชาติจึงไม่มีการปศุสัตว์หรือการเลี้ยงสัตว์ที่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสียและกลิ่นจากการปศุสัตว์ที่รบกวนสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบhttps://www.wealthythai.com/en/updates/mutual-funds/fun-of-funds/5886#_ftn6,https://www.wealthythai.com/en/updates/mutual-funds/fun-of-funds/5886#_ftn7นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนพื้นที่สำหรับปศุสัตว์ให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชจะช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศและทำให้ดินและน้ำกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง“ซึ่งการปรับเปลี่ยนการบริโภคเนื้อสัตว์มาเป็น ‘plant-based meat’ นอกจากช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกร้อนแล้วยังให้ประโยชน์อย่างอื่นอีกหลายอย่าง เช่น ช่วยส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค และช่วยลดปัญหาการขาดแคลนอาหารในอนาคต”

“plant-based meat” ช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไร?

การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารให้กับคนทั้งโลกต้องใช้พื้นที่มากถึง 77% ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด แต่ผลผลิตที่ได้คิดเป็นเพียงแค่ 17% ของอาหารที่บริโภคทั่วโลก ส่วนการผลิต “plant-based meat” จะใช้ที่ดินน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหาร 50%–99% และใช้น้ำน้อยกว่า 72%–99% เลยทีเดียวhttps://www.wealthythai.com/en/updates/mutual-funds/fun-of-funds/5886#_ftn8“การผลิต plant-based meat นอกจากจะใช้ทรัพยากรน้อยกว่าการผลิตเนื้อสัตว์เป็นอย่างมากแล้วพืชที่เพาะปลูกยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มออกซิเจนในอากาศ มีรายงานว่าปริมาณก๊าซเรือนกระจก (ซึ่งทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน) ที่เกิดขึ้นทั่วโลกราวหนึ่งในสี่มาจากกระบวนการผลิตอาหาร โดยกระบวนการผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากถึง 58% ของกระบวนการผลิตอาหารทั้งหมด8 การที่กระบวนการผลิต plant-based meat ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ากระบวนการผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์อย่างมากทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการหันมาบริโภคเนื้อจากพืชจะช่วยลดโลกปัญหาร้อนได้อีกทาง”

การผลิต การแปรรูป การขนส่ง การบริโภค และการกำจัดอาหารล้วนนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจก คุณสามารถลดผลกระทบต่อสภาพอากาศได้ด้วยการซื้ออาหารในท้องถิ่นและตามฤดูกาล รับประทานอาหารจากพืชให้มากขึ้น ใช้วัตถุดิบอาหารที่คุณมีให้หมด และและทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารที่เหลือ


วิธีลดโลกร้อนด้วยการ: ลดการทานอาหารจากต่างถิ่น

การที่เราเลือกกินอาหารที่มาจากต่างถิ่น ต่างประเทศ จำเป็นจะต้องขนส่งด้วยยานพาหนะหลายทอด ทำให้เกิดการสร้างมลพิษในอากาศมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเรากินอาหารที่มาจากต่างถิ่นมาก ๆ การขนส่งก็มากขึ้น และเกิดการปล่อยก๊าซพิษไปในชั้นบรรยากาศมากขึ้นนั่นเอง วิธีลดโลกร้อนที่เราทำได้คือ หันมาทานอาหาร พืช ผัก ที่ปลูกในท้องถิ่นของตัวเอง

วิธีลดโลกร้อนด้วยการ: ลดการบริโภคเนื้อสัตว์

การทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้เนื้อที่ในการทำถึง 2 ใน 3 ของการทำการเกษตรทั้งหมด เมื่อจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากจึงทำให้เกิดการเผาทำลายป่าเพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวมาเลี้ยงสัตว์ จนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้การทำปศุสัตว์ยังก่อให้เกิดก๊าซมีเทนจำนวนมหาศาล ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุของโลกร้อน วิธีลดโลกร้อนที่ง่ายที่สุดคือลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง และหันไปทานผักแทน

วิธีลดโลกร้อนด้วยการ: ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว

ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ จะปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ เป็นจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของโลกร้อน ดังนั้นวิธีลดโลกร้อนที่ทุกคนสามารถช่วยกันทำได้คือ การหันไปใช้รถโดยสารสาธารณะแทนรถส่วนตัว หากจะไปข้างนอกควรไปพร้อม ๆ กันหลายคน หรือหากต้องเดินทางไม่ไกลอย่างหน้าปากซอย ลองเปลี่ยนมาปั่นจักรยาน ลดโลกร้อนแล้วยังช่วยได้ออกกำลังกายอีกด้วย

วิธีลดโลกร้อนด้วยการ: ลดการกินอาหารแช่แข็ง

อาหารแช่แข็งที่เรากินกันบ่อย ๆ เนื่องจากความสะดวกสบายและรวดเร็ว แต่จริง ๆ แล้วกระบวนการผลิต การขนส่ง และการเก็บรักษา จำเป็นต้องใช้พลังงานสูง ทั้งพลังงานในการผลิต การขนส่งที่ต้องมาพร้อมห้องเย็น และเก็บรักษาในห้องเย็น เมื่อจะทานยังต้องใช้พลังงานจากไมโครเวฟ แถมบรรจุภัณฑ์ยังเป็นกล่องพลาสติก ความสะดวกที่ได้จากอาหารแช่แข็ง 1 กล่อง เป็นการสูญเสียพลังงานและเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนแบบที่เราคาดไม่ถึง วิธีลดโลกร้อนที่เราทำได้ก็คือ การหันมาทานอาหารที่ทำใหม่ ๆ จะดีกว่า

วิธีลดโลกร้อนด้วยการ: ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ

อากาศร้อน ๆ บ้านไหนมีแอร์หรือเครื่องปรับอากาศก็คงต้องเปิดเป็นธรรมดา แต่เครื่องปรับอากาศที่มีใช้กันแทบทุกบ้านนั้นเป็นสาหตุของโลกร้อนเช่นกัน เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟฟ้าสูง ปล่อยความร้อนออกสู่อากาศ และน้ำยาแอร์บางชนิดยังปล่อยสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศ ดังนั้นวิธีลดโลกร้อนที่เราช่วยกันได้คือ ตั้งเวลาเปิดปิดแอร์ ใช้แอร์ให้น้อยลง ปรับอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เปิดหน้าต่างรับลมมากขึ้น ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาในบ้าน เท่านี้ก็เป็นอีกทางที่ทุกคนสามารถช่วยได้

เปลี่ยนการใช้พลังงาน


เปลี่ยนการเดินทาง


เปลี่ยนการกินอาหาร


เปลี่ยนการแต่งตัว





และเห็นว่า

ล่าสุดทางเลขาสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส ได้ออกมาประกาศอีกว่าตอนนี้ยุคของโลกร้อนได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่จากนี้จะเข้าสู่ยุค" โลกเดือด "


บ่งบอกว่าภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีก ลมฟ้าอากาศอาจจะมีความแปรปรวนยิ่งกว่าที่ผ่านมา



ภาวะโลกร้อนที่โลกเรากำลังเผชิญก็เรียกได้ว่าหนักมากแล้ว

ยิ่งเข้าสู่ภาวะโลกเดือดยิ่งทวีความรุนแรงเข้าไปอีก เพื่อชะลอไม่ให้ถึงจุดที่โลกเดือดรุนแรงจนมนุษย์ไม่สามารถรับมือได้

มนุษย์เราคงต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตช่วยโลกบ้างแล้ว เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราอาจจะทำให้โลกร้อนโดยที่ไม่รู้ตัว

แล้วเราสามารถปรับเปลี่ยนอะไรเพื่อช่วยโลกได้บ้าง?



Climate Change 10 สิ่งที่ต้องปรับตัวเมื่อโลกร้อนขึ้นจนน่ากลัว

"ภาวะโลกร้อน"หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากโลกไม่สามารถระบายความร้อนที่ได้รับจากรังสีดวงอาทิตย์ออกไปได้อย่างปกติ จึงทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)

แต่ล่าสุด นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ประกาศว่า ยุคของภาวะโลกร้อน (global warming)ได้สิ้นสุดลงแล้ว และจากนี้ไป โลกเข้าสู่ยุค"โลกเดือด" (global boiling)หลังจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันว่า เดือนกรกฎาคม 2566 เป็นเดือนที่โลกร้อนจัดที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาเป็นประวัติการณ์

จากโลกร้อน สู่ โลกเดือด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid033AMpTuxXmUvF83qhMe8JAjmpztbXhjvRf6CuQUj5rS51s54L56zADDqd63QAPGtsl&id=100068658198141เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ว่า หลังจากที่ UN ได้ออกมาเตือนภาวะโลกร้อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังย่างก้าวเข้าสู่ภาวะโลกเดือด โดยเลขาธิการสหประชาชาติ ได้พยายามเน้นย้ำความร่วมมือของโลกในการลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจก โดยการใช้วลีเด็ดๆ สร้างความตระหนักถึงภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น และมันก็เกิดขึ้นแล้ว (รหัสแดงต่อมวลมนุษยชาติ Code red for humanity แผนที่ความทุกข์ยากของมนุษย์ Atlas of human suffering บทสวดสัญญาสภาพอากาศที่แตกสลาย A litany of broken promises ถนนสู่นรกสภาพภูมิอากาศ A highway to climate hell และล่าสุด โลกกำลังเดือด A global boiling)




❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀

Climate Change สิ่งที่ต้องปรับตัว 1. เปลี่ยนแหล่งพลังงานให้เป็นแบบ ใช้พลังงานหมุนเวียน



เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งแหล่งที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเยอะมาก ๆ

ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการใช้งาน อย่างวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ พบว่าเตาไมโครเวฟที่เราใช้อุ่นอาหารไม่กี่นาที ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์กลายเป็นก๊าซเรือนกระจก



และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เมื่อใช้งานเสร็จเราจึงควรปิดสวิตซ์ ดึงปลั๊ก ตัดวงจรไฟฟ้าทุกครั้ง

ว่ากันว่าการลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 16% เลย

และถ้าทำได้ลองเปลี่ยนมาใช้เป็นพลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาดไม่ส่งผลกระทบต่อสิง่แวดล้อม อย่างพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ดูค่ะ




สิ่งที่ต้องปรับตัวเมื่อโลกร้อนขึ้น 2. เปลี่ยนใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟประเภทอื่น



นอกจากการลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เรื่องของหลอดไฟธรรมดา ๆ ก็สามารถส่งผลให้เกิดโลกร้อนได้ เพราะหลอดไฟบางประเภท อย่างหลอดไส้ เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ค่อนข้างเปลืองไฟ แถมความร้อนสู

ง ลองเปลี่ยนมาใช้เป็นหลอดไฟ LED แทน เพราะให้แสงสว่างมาก มีอายุการใช้งานนานกว่า กินไฟน้อย และไม่ทำให้เกิดความร้อน

เรียกได้ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่น ๆ ด้วย




หากใครยังใช้หลอดไฟแบบเก่า หรือหลอดไส้ แนะนำให้เปลี่ยนมาเป็นหลอดตะเกียบ หรือ

https://www.officemate.co.th/th/tools/electrical-equipment/light

LED เพราะกินไฟน้อยกว่า สว่างมากกว่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอาจจะช่วยประหยัดค่าไฟลงได้อีกด้วย



ปัจจุบันมีหลอดไฟหลากหลายชนิด หลอดไฟที่เป็นตัวการในการก่อนให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดคือ หลอดไส้ ที่กินไฟ สว่างไม่มากพอ แถมยังก่อให้เกิดความร้อนอีกด้วย ทางที่ดีควรเปลี่ยนมาใช้หลอดตะเกียบ หรือเปลี่ยนมาใช้เป็นหลอดไฟ LED แทน เพราะหลอดไฟ LED กินไฟน้อย สว่างมาก ไม่ทำให้เกิดความร้อน ไม่ก่อสารคาร์บอนไดออกไซด์ และอายุการใช้งานยาวนาน การเปลี่ยนหลอดไฟมาใช้ LED จึงเป็นอีกวิธีลดโลกร้อนง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้



วิธีแก้วิกฤตโลกร้อน 3. เปลี่ยนมาเดินทางด้วยรถสาธารณะ แทนการใช้พาหนะส่วนตัว



เรื่องของ

การคมนาคมก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน จากอุตสาหกรรมการผลิต และการใช้น้ำมัน การใช้รถที่ปล่อยก๊าซที่เป็นมลภาวะทางอากาศ

มีส่วนก่อก๊าซเรือนกระจกออกมา การใช้พาหะนะส่วนตัวเลยเป็นการเดินทางที่ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก ๆ

ถ้าเป็นไปได้การเลือกใช้รถสาธารณะจะเป็นการประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่า ส่วนทางใกล้ ๆ ลองเปลี่ยนมาใช้จักรยานแทน ช่วยลดโลกร้อน แถมได้ออกกำลังกาย

ไปด้วย




วิธีลดโลกร้อนด้วยตัวเอง 4. เปลี่ยนเทรนด์แต่งตัว มิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าที่มีอยู่ซ้ำ


เรื่องของ

แฟชั่นการแต่งตัวก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นตัวการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกส่งผลให้โลกร้อนขึ้นด้วย

เพื่อน ๆ น่าจะเคยได้ยินเรื่องของ Fast Fashion มาบ้าง อุตสาหกรรมที่ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นตามกระแส เน้นใส่แค่ไม่กี่ครั้ง



แต่จากข้อมูลของ BBC พบว่าอุ

ตสาหกรรมแฟชั่นมีสัดส่วนการปล่อยคาร์บอนประมาณ 8-10% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก และน้ำเสียราว 20%

มากกว่าอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งรวมกันซะอีก เราจึงควรเปลี่ยน

เทรนด์การแต่งตัวขึ้นใหม่ ไม่จำเป็นต้องตามกระแส หรือถึงจะเลือกเสื้อผ้าที่เป็นกระแส ก็เลือกที่สามารถใช้ได้นาน ใส่ซ้ำได้หลายครั้ง เหมาะกับหลายโอกาส

เพื่อใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ไม่สร้างขยะให้กับโลกด้วยนั่นเอง





: ลดการบริโภคเนื้อสัตว์

การทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้เนื้อที่ในการทำถึง 2 ใน 3 ของการทำการเกษตรทั้งหมด เมื่อจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากจึงทำให้เกิดการเผาทำลายป่าเพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวมาเลี้ยงสัตว์ จนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้การทำปศุสัตว์ยังก่อให้เกิดก๊าซมีเทนจำนวนมหาศาล ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุของโลกร้อน วิธีลดโลกร้อนที่ง่ายที่สุดคือลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง และหันไปทานผักแทน

เพราะการทำปศุสัตว์อาจนำไปสู่การเผาป่า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ ซึ่งการเผาป่าทำให้เกิดก๊าซพิษมากมาย นอกจากนั้น การทำปศุสัตว์โดยเฉพาะสัตว์เคี้ยวเอื้องอย่างวัว ยังก่อให้เกิดก๊าซมีเทนจากมูลสัตว์ปริมาณมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

การผลิต การแปรรูป การขนส่ง การบริโภค และการกำจัดอาหารล้วนนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจก คุณสามารถลดผลกระทบต่อสภาพอากาศได้ด้วยการซื้ออาหารในท้องถิ่นและตามฤดูกาล รับประทานอาหารจากพืชให้มากขึ้น ใช้วัตถุดิบอาหารที่คุณมีให้หมด และและทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารที่เหลือ


วิธีปรับตัวโลกร้อนที่ 5. เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ eco-friendly ผลิตภัณฑ์ที่สามารถ Refill ได้



ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่ม แต่ว่ากันว่าในทุก ๆ

การใช้จ่ายของเราสามารถส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ในการซื้อของมาครั้งหนึ่งเรามักจะได้บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ กลับมาด้วยเสมอ

ซึ่งบรรจุภัณฑ์และกระบวนผลิตของต่าง ๆ เหล่าสามารถก่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลกระทบต่อโลกร้อนมากมายเลย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกย่อยสลายได้ยาก จึง

ควรให้ผลิตภัณฑ์นั้นอย่างคุ้มค่าที่สุด ด้วยการนำกลับมาใช้ซ้ำ เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสบายได้ยาก และเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ eco-friendly หรือผลิตภัณฑ์ที่มี Refill มาใช้แทน



ลดโลกร้อนด้วยการกินอาหารให้หมดไม่เหลือทิ้งหากการลดบริโภคเนื้อสัตว์เป็นเรื่องยาก ก็แนะนำให้กินอาหารให้หมด เพราะขยะจากอาหารเหลือทิ้งที่หมักหมมกันนั้นก่อให้เกิดก๊าซมีเทนเช่นกันรับประทานอาหารให้หมดทุกครั้งที่คุณทิ้งอาหาร คุณกำลังทิ้งทรัพยากรและพลังงานที่ใช้ในการเพาะปลูก/เลี้ยง ผลิต บรรจุ และขนส่งอาหารนั้น ๆ และอาหารที่บูดเน่าอยู่ในบ่อขยะก็จะปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่รุนแรงมาก ดังนั้น รับประทานอาหารที่คุณซื้อมาให้หมดและส่วนที่เหลือให้หมักทำปุ๋ย


การกินอาหารลดโลกร้อน 6. เปลี่ยนมากินอาหารตามฤดู แทนการกินอาหารต่างถิ่น และอาหารแช่แข็ง

ลดการกินอาหารแช่แข็ง

อาหารแช่แข็งที่เรากินกันบ่อย ๆ เนื่องจากความสะดวกสบายและรวดเร็ว แต่จริง ๆ แล้วกระบวนการผลิต การขนส่ง และการเก็บรักษา จำเป็นต้องใช้พลังงานสูง ทั้งพลังงานในการผลิต การขนส่งที่ต้องมาพร้อมห้องเย็น และเก็บรักษาในห้องเย็น เมื่อจะทานยังต้องใช้พลังงานจากไมโครเวฟ แถมบรรจุภัณฑ์ยังเป็นกล่องพลาสติก ความสะดวกที่ได้จากอาหารแช่แข็ง 1 กล่อง เป็นการสูญเสียพลังงานและเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนแบบที่เราคาดไม่ถึง วิธีลดโลกร้อนที่เราทำได้ก็คือ การหันมาทานอาหารที่ทำใหม่ ๆ จะดีกว่า

เพราะตั้งแต่กระบวนการผลิต กระบวนการเก็บรักษา ไปจนถึงกระบวนการขนส่งอาหารแช่แข็ง ล้วนแต่ใช้พลังงานปริมาณมาก และก่อให้เกิดก๊าซพิษ นอกจากนั้น การกินอาหารแช่แข็งเป็นประจำ ยังเป็นการเพิ่มปริมาณขยะพลาสติกจากhttps://www.officemate.co.th/th/food-service/packaging-soutionมากขึ้นอีกด้วย

ลดโลกร้อนด้วยการกินอาหารท้องถิ่นให้มากขึ้นเพื่อลดการขนส่งอาหารหรือวัตถุดิบจากต่างถิ่น จะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานพาหนะที่ใช้ขนส่งอาหารและวัตถุดิบ ทั้งยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้นอีกด้วยลดการทานอาหารจากต่างถิ่นการที่เราเลือกกินอาหารที่มาจากต่างถิ่น ต่างประเทศ จำเป็นจะต้องขนส่งด้วยยานพาหนะหลายทอด ทำให้เกิดการสร้างมลพิษในอากาศมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเรากินอาหารที่มาจากต่างถิ่นมาก ๆ การขนส่งก็มากขึ้น และเกิดการปล่อยก๊าซพิษไปในชั้นบรรยากาศมากขึ้นนั่นเอง วิธีลดโลกร้อนที่เราทำได้คือ หันมาทานอาหาร พืช ผัก ที่ปลูกในท้องถิ่นของตัวเอง



การกินอาหารจากการใช้ชีวิตประจำวันของเราก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนได้นะ อย่าง

การทานอาหารแช่แข็งแค่ 3 นาทีง่าย ๆ แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อมลภาวะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้มากมาย ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเวฟอาหารเหล่านี้

ล้วนส่งผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งนั้น หรือการกินอาหารจากต่างถิ่น อาหารที่มาจากต่างประเทศ จำเป็นต้องใช้การขนส่ง ก่อให้เกิดมลภาวะในอากาศอีก

ทางที่ดีลองเปลี่ยนมาทานอาหารระแวกบ้าน ปลูกพืชผักทานเอง และลดอาหารแช่แข็งลง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดโลกร้อนได้แบบง่าย ๆ เลย




พฤติกรรมการกินอาหารลดโลกร้อน 7. เปลี่ยนมากินผักหรืออาหาร Plant Based ให้มากกว่าเนื้อสัตว์



ในเรื่องของการทำปศุสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่ง

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากมาย เพราะการทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะทำให้ต้องเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์ และในการทำฟาร์มโดยเฉพาะการเลี้ยงวัว ยังทำให้เกิดก๊าซมีเทนจากมูลสัตว์

ซึ่งเป็นก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนเป็นจำนวนมาก

การเลือกทานพืชผัก และอาหารที่เป็น Plant Basedน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดโลกร้อนด้วย เพราะใช้ทรัพยากรน้อยกว่าเนื้อสัตว์ และการเพาะปลูกพืชยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เพิ่มออกซิเจนในอากาศได้อีกด้วย



เปลี่ยนมาแยกขยะให้ถูกวิธี


กฎหมายการผลิตคาร์บอน


ปรับพฤติกรรมลดโลกร้อน 8. เปลี่ยนมากินอาหารให้พอดี ไม่เหลือเป็น Food Waste



นอกจากการเลือกทานอาหาร Plant Based หรือทานผักมากกว่าทานพืช


ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ทำอาหารหรือสั่งอาหารให้พอดีกับที่ตัวเองทาน เพื่อไม่ให้เหลือเศษอาหารเน่าเสียสะสมกันมาก ๆ

จนกลายเป็นก๊าซมีเทน

กลายเป็นก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกร้อนขึ้้นได้ หรือ

ถ้าเกิดกินไม่หมดจริง ๆ มีอาหารเหลือ ลองนำเศษอาหารที่เหลือมาแปรรูปหมักเป็นปุ๋ย


เป็นอีกหนึ่งไอเดียลดทรัพยากรได้ดีเลย




วิธีลดโลกร้อนง่ายๆ ที่ 9. เปลี่ยนมาแยกขยะให้ถูกวิธี



ในทุกขั้นตอนของการจัดการขยะจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเป็นจำนวนมาก

การจัดการแยะขยะตามประเภทแก้ว กระดาษ พลาสติก โลหะ หรือขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ออกมา จะทำให้มีขยะที่นำไปกำจัดจริง ๆ น้อยกว่า

หมายความว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไปได้ด้วย

และการกำจัดขยะที่น้อยลงจะทำให้ใช้ทรัพยากรน้อยลง ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย




การลดโลกร้อนอย่างถูกต้องที่ 10. มีกฎหมายการผลิตคาร์บอนออกมา เพื่อช่วยควบคุมการปล่อยมลภาวะ


อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลง และทำให้เห็นว่าคนเราใส่ใจเรื่องของโลกร้อน และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ก็คือ

กฎหมายการผลิตคาร์บอน

ในหลาย ๆ ที่ได้มีการออกกฎหมายการผลิตคาร์บอน จากการ

เก็บภาษีในการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือประเทศต่าง ๆ ทำสนธิสัญญาเรื่องการจัดการปัญหาก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน

เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ และเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกด้วย






❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀

จากข้อมูลในบทความนี้จะเห็นได้ว่า

มีหลายสิ่งเลยที่สังคมต้องปรับตัวเมื่อโลกร้อนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้พลังงาน การเดินคมนาคม หรือแม้แต่อุตสาหกรรมแฟชั่น ความสวยความงาม อุตสาหกรรมอาหารก็ด้วย

ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ก็เริ่มมีปรับตัวเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ และการผลิตให้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น



อย่างแบรนด์

นันยาง ที่หยิบขยะท้องทะเลมาทำเป็นรองเท้าจากการรีไซเคิล แบรนด์เครื่องสำอาง MAC, LUSH และ INNISFREE ที่มีแคมเปญรับคืนแพ็กเกจ เพื่อนำไปรีไซเคิลต่อ

และอีกหลาย ๆ แบรนด์มากมายทั้งเล็กและใหญ่ ก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เห็นได้ว่าสังคมเริ่มเปลี่ยนแล้ว

แล้วเพื่อน ๆhttps://sistacafe.com/ล่ะคะเริ่มลงมือรักษาสิ่งแวดล้อมกันบ้างแล้วรึยัง?


บทความอ้างอิง


บทความที่เกี่ยวข้อง

ลิงก์รูปภาพ

https://drive.google.com/drive/folders/1I0MALUFJucniia9ZHJGZEsJIhMc1i6oO?usp=sharing

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้