1. SistaCafe
  2. Smiling Depression แสร้งว่าไหวแต่ในใจแตกสลาย อาการนี้ใช่เราใช่ไหม ?

กลับมาอีกครั้งในปีนี้กับหนังแนวแฟนตาซีสุดอลังการจัดเต็ม CG ใครที่รู้สึกเหมือนห่างหายไปนานห้ามพลาดเด็ดขาด! เพราะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อมดแม่มดที่หลายคนอาจตั้งตาคอย ปีนี้มาเให้สิร์ฟเลยกับเรื่อง Wicked ที่จะพาไปท่องโลกของพ่อมดแม่มด พร้อมกับตัวละครสุดเซอร์ไพรส์อย่าง Ariana Grande นักร้องสาวที่กลับมามีบทบาทสำหรับนักแสดงอีกครั้งแถมยังมารับบทหลักในเรื่องนี้อีกด้วย แต่ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องที่น่าติดตามเพียงเท่านั้น แค่ตัวอย่างของเรื่องก็ทำให้เห็นถึงความเข้มข้นเนื้อหา มิตรภาพ การชิงดีชิงเด่น และสุดท้ายปมปัญหาที่เราต้องไปดูกันว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้จุดประสงค์ต้องการสื่ออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เลยคือเราจะได้อะไรมากมายจากเรื่องนี้แน่นอน โดยเฉพาะเนื้อหาหลักที่เราจะเอามาพูดถึงในวันนี้หรือ Smiling Depression แสร้งว่าไหวแต่ในใจแตกสลาย กัน เรามาดูกันว่าSmiling Depression ทำไมถึงกลายมาเป็นหัวข้อหลักที่เราจะพูดถึงแล้วเกี่ยวอะไรกับภาพยนตร์ Wicked ฉะนั้นเราก็ไปดูและไขข้อสงสัยกันได้เลย


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


ภาพยนตร์แฟนตาซี Wicked

เป็นเรื่องราวที่ไม่เคยได้รับการบอกเล่าของแม่มดแห่งออซ เอลฟาบา หญิงสาวผู้ถูกเข้าใจผิดเพราะผิวสีเขียวที่ผิดธรรมชาติและยังเป็นคนที่ยังไม่ค้นพบพลังที่แท้จริงของตัวเอง และกลินดา หญิงสาวยอดนิยมที่เปี่ยมล้นด้วยอภิสิทธิ์และความทะเยอทะยานแต่ยังไม่ค้นพบหัวใจที่แท้จริงของตัวเอง ทั้งคู่ได้พบกันตอนเป็นนักศึกษาที่มหาลัยซิซในดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่เหลือเชื่อแต่ลึกซึ้งขึ้นมา

แต่ก่อนที่ความสัมพันธ์นั้นจะกลายมาเป็นมิตรภาพนั้นก็ได้ก่อให้เกิดหลายเหตุการณ์มากมายขึ้นมาเป็นอย่างมาก และหนึ่งในนั้นคือ ความผิดธรรมชาติของเอลฟาบา ที่เธอตัวสีเขียว แน่นอนว่าความผิดแปลกไปนั้นย่อมมีเรื่องที่คนนำไปพูดถึงทั้งต่อหน้าและลับหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กจนโต จนปัจจุบันเริ่มกลายมาเป็นความชินชากับตัวเอง เพราะเธอถูกสังคมกดทับ แต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็งฝืนยิ้มออกมาทั้งที่ในใจก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกน้อยใจมาตลอด และเพื่อการเข้าสังคมไม่ว่าจะต้องใช้พลังงานมากแค่ไหนเธอก็ยอมแม้ในตอนนั้นจะรู้สึกอึดอัดก็ตาม อย่างตัวอย่างในภาพยนตร์ฉากนี้



“นางไม่สน คนจะคิดไง”

“สนสิ แค่แกล้งทำไม่สน”

สิ่งนี้คือสิ่งที่เอลฟาบาต้องเจอมาทั้งชีวิต ได้แต่รับไปด้วยรอยยิ้มของเธอเท่านั้น


ในสองประโยคข้างต้นนี้เพื่อนๆ ตีความหมายเป็นแบบไหนกันบ้าง? ในส่วนของเรานั้นอยากบอกเลยว่าเป็น ความรู้สึกที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกจริงๆ เพราะการที่เราต้องทำบางอย่างเพื่อให้สังคมยอมรับในตัวเรา หรือเราต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำในสถานการณ์ที่บังคับเป็นอะไรที่รู้สึกลำบากใจ และรู้สึกสูบพลังชีวิตไปมากๆ เลยทีเดียว ซึ่งจะเห็นจากตัวละครเลยว่าแม้ผู้คนมากมายจะพยายามทำให้เธอเป็นตัวตลกมากแค่ไหน สิ่งที่ตัวเธอเองสามารถปกป้องตัวเองจากภายนอกได้นั้นมีเพียงการฝืนยิ้มยอมรับไปเพียงเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าข้างในคงแตกสลายซ้ำๆ แน่นอน ซึ่งตัวละครก็ได้แสดงมุมมองภายนอกที่ดูมีแข็งแกร่งออกมา ไม่สนคำพูดใครๆ แต่ในใจอ่อนแอสุดๆ การที่มีคนพยายามมองเห็นนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ซึ่งกลินดาก็เห็นมันและไม่ปล่อยให้เอลฟาบาต้องโดดเดี่ยวต่อไป ซึ่งหากมองในแง่ชีวิตก็เหมือนกับเราเวลาที่ไม่สบายใจการมีคนที่คอยรับฟังเรา เพียงเท่านั้นก็เป็นวันที่ดีขึ้นได้นั่นเอง

เพราะฉะนั้นแล้วฉากนี้จึงเป็นสิ่งที่เราอยากจะนำมาบอกต่อเพื่อนๆ ในแง่มุมที่หลายๆ คนอาจจะกำลังเป็นหรือเผชิญกันอยู่ ในสถานการณ์ที่ต้องสูบพลังชีวิตแบบนี้ เพราะปัจจุบันอาการนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเพราะอาจจะส่งผลในระยะยาวกับอนาคตของตัวเราเองได้ เพราะความชินชาที่เราสั่งสมมา ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้พฤติกรรมของเราค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง แถมยังส่งผลต่อความคิดที่คิดลบกับตัวเองเข้าไปเรื่อยๆ อีกได้ ถ้าไม่รีบหาทางแก้อาจจะรับมือกับอาการนี้ไม่ทัน


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

Smiling Depressionคืออะไร ?

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F203069%2FSmIhWBtMz6XONbVF2a3mYA4kXiZ0KAVpgKgX5Dk0.jpg?v=1731605441
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Freepik

Smiling Depression แสร้งว่าไหวแต่ในใจแตกสลาย เป็นอีกลักษณะอาการอย่างหนึ่งของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่ใช้กล่าวถึงกลุ่มที่มีอาการเศร้า ไม่มีความสุข รู้สึกไร้ค่า แต่บางครั้งก็ไม่สามารถแสดงออกมาแบบนั้นได้ เพราะความคิดที่ว่าการเป็นโรคซึมเศร้านั้นดูอ่อนแอ กลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระผู้อื่นหรือพยายามจะรับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ ให้ได้ตามปกติ พยายามที่จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ทุกครั้งนั้นต้องใช้พลังงานเยอะมากเป็นพิเศษ จึงทำให้คนที่อยู่ในกลุ่มนี้นั้นมักจะมีอาการที่ฝืนยิ้ม หรือแสดงว่าตัวเองมีความสุขต่อหน้าผู้คนหรือบุคคลอื่นๆ อยู่เสมอ


อาการของ Smiling Depression

  • สามารถดำเนินการใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่ข้างในรู้สึกเศร้า
  • หงุดหงิดง่าย กระวนกระวายใจ
  • ไม่อยากทำกิจกรรมที่ชอบทำ เพราะรู้สึกทำแล้วไม่สนุกเหมือนเคย หรือต้องใช้พลังงานอย่างมากในการทำ
  • รู้สึกไร้ค่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่ คิดเกี่ยวกับการตาย หรือพยายามทำร้ายตัวเอง
  • อ่อนเพลีย
  • ไม่อยากพบเจอผู้คน รู้สึกใช้พลังงานเยอะมาก
  • ไม่อยากอาหาร หรือกินมากเพื่อระบายความเครียด
  • ต้องพึ่งสารเสพติดไม่ว่าจะเป็นบุหรี่หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • นอนไม่หลับหรือมากเกินไป
  • สมาธิและความจำลดลง

สาเหตุของSmiling Depression

  • ไม่อยากเป็นภาระ หรือทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดี
  • ถูกคาดหวังจากคนรอบข้างหรือครอบครัวมากเกินไป
  • ไม่ชอบแสดงความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้
  • ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
  • ถูกตัดสินจากคนอื่น หรือคนในครอบครัว
  • ไม่อยากให้อารมณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อหน้าที่การงาน

แบบทดสอบอาการ Smiling Depression เราเข้าข่ายรึเปล่า ?

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F203069%2FamWGsoSqiJ8JsyvGo403qss3XBc8utLzbaKDRvhG.jpg?v=1731605475
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Freepik

แบบประเมินนี้ได้นำมาจากคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นการประเมินระดับภาวะซึมเศร้าในขั้นต้นโดยเป็น แบบสอบถามสุขภาพผู้ป่วย (Patient Health Questionnaire: PHQ-9) ซึ่งผลการประเมินและคำแนะนำที่ได้รับไม่สามารถใช้แทนการตัดสินใจของแพทย์ ได้ดังนั้นแล้วเป็นเหมือนการตรวจเบื้องต้นหากต้องการเพิ่มเติมนั้นสามารถ เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาเพิ่มเติมได้

**ทุกคนสามารถใส่คะแนนตามข้อต่างๆ ได้โดยการให้คะแนนนั้นคือ

ไม่เลย = 0

มีบางวันหรือไม่บ่อย = 1

มีค่อนข้างบ่อย = 2

มีเกือบทุกวัน = 3


  1. เบื่อ ทำอะไรก็ไม่สนุก
  2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า หรือท้อแท้
  3. หลับยาก หลับๆ ตื่นๆ หรือนอนหลับมากเกินไป
  4. เหนื่อยง่าย หรือไม่ค่อยมีแรง
  5. เบื่ออาหาร หรือกินมากเกินไป
  6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าตัวเองล้มเหลวหรือเป็นคนทำให้ตัวเองหรือครอบครัวผิดหวัง
  7. ไม่มีสมาธิจดจ่อเวลาทำอะไร เช่น ดูทีวี ฟังเพลว หรือทำงานที่ต้องใช้ความตั้งใจ
  8. พูดหรือทำอะไรช้าจนคนอื่นสังเกตเห็น หรือกระสับกระส่ายจนอยู่ไม่นิ่งเหมือนเคย
  9. คิดทำลายตัวเอง หรือคิดว่าถ้าตายไปคงจะดี

เมื่อผลรวมคะแนนออกมาแล้ว ลองไปสำรวจดูคำตอบที่ออกมาเลยว่าเราอยู่ในเกณฑ์ไหนกัน

  • ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 0-4

ไม่มีอาการซึมเศร้าหรือมีก็เพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องรักษา

  • ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 5-8

มีอาการซึมเศร้าระดับเล็กน้อย ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองคือ ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควรออกไปทำกิจกรรมเพื่อให้ผ่อนคลายพบปะเพื่อนฝูง และควรกลับมาทำประเมินอีกครั้งใน 1 สัปดาห์

  • ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 9- 14

มีอาการซึมเศร้าระดับปานกลาง ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองคือ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย เช่น พบปะเพื่อนฝูง หรือการขอคำปรึกษาจากคนที่รู้สึกไว้ใจ ไม่จมอยู่กับปัญหาต้องรีบมองหาทางออก หรือหากมีอาการแล้วรู้สึกกระทบต่อการทำงานแล้วรู้สึกว่ามีอาการมานาน 1-2 สัปดาห์ แล้วยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อรักษา

  • ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 15-19

มีอาการซึมเศร้าระดับรุนแรงค่อนข้างมาก ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองคือ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและให้การรักษา ในช่วงระหว่างนี้ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ ทำกิจกรรมที่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เก็บตัว และอาจจะขอคำปรึกษาจากคนที่ไว้วางใจหรือคนใกล้ชิดได้

  • ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 20-27

มีอาการซึมเศร้าระดับรุนแรงมาก ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองคือ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน เพื่อประเมินอาการและให้การรักษาโดยเร็วไม่ควรปล่อยทิ้งไว้


วิธีการรักษาของอาการSmiling Depression

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F203069%2FkhGckSxrMguL78KWhMGZNcAIoFkUOd9PjESjrNiC.jpg?v=1731605506
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Freepik

  • พูดคุยหรือเปิดใจกับคนที่รู้สึกสบายใจ

การที่เราบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่กำลังรู้สึกเครียด หรือทุกข์ใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ครอบครัว เพื่อน ลองแชร์ให้กับใครสักคนได้ฟังก็สามารถทำให้เรารู้สึกสบายใจและทำให้ปัญหานั้นเบาลงได้

  • ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา

การลองออกไปเปิดหูเปิดตาหรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ก็เหมือนเป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและรีแล็กซ์ตัวเองอยู่กับตัวเองมากขึ้น เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยทำให้ตัวเราเองรู้สึกสดชื่นและลดความเครียดลงได้

  • ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

การเลือกออกกำลังกายนั้นถือเป็นอีกกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยปรับให้ร่างกายหลังฮอร์โมนแอนดอร์ฟินหรือที่เรียกว่า สารแห่งความสุข นั้นออกมา เพราะจะช่วยลดความเครียดได้ และยังส่งผลต่อการนอนหลับที่เพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจนั้นเหมือนได้พักผ่อน และยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดอารมณ์ด้านลบได้

  • พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อลองทำทุกๆอย่างแล้ว แล้วรู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้นสิ่งที่ควรทำต่อมาคือควรเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคและเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างทันท่วงที


วิธีการดูแลอาการSmiling Depression

  • ครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ควรทำความเข้าใจอาการเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเข้าใจ
  • เป็นผู้รับฟังที่ดี ไม่บังคับให้พูด หรือเล่าเรื่องที่ไม่อยากพูดถึง
  • รับฟังโดยไม่ตัดสิน
  • คอยสังเกตสัญญาณเตือนหากมีพฤติกรรมแยกตัว
  • ชวนทำชวนทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อคลายความเครียด

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

สรุป

จะเห็นได้เลยว่าอาการSmiling Depression เป็นอีกประเภทอาการหนึ่งของโรคซึมเศร้าที่มีหลายระดับซึ่งอยู่ที่ว่าเราทำประเมินออกมาอยู่ในระดับไหน 0-4, 5-8, 9-14, 15-19 และ 20-27 ซึ่งแน่นอนว่าความรุนแรงของโรคนี้นั้นจำเป็นที่จะต้องรีบเข้าปรึกษากับจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที เพราะจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราทำให้ในแต่ละวันนั้นเรารู้สึกไม่สบายใจกับตัวเองและอาจจะส่งผลกับคนรอบข้างจนสังเกตได้ ซึ่งการนำหัวข้อเรื่องนี้มาพูดเชื่อมโยงเกี่ยวกับภาพยนตร์ Wicked นั้น จะเห็นได้เลยว่ามีช่วงหนึ่งของในตัวอย่างภาพยนตร์ที่เราพูดถึงช่วงแรกนั้นตัวละครหลักนั้นได้มีอาการประเภทนี้คือ Smiling Depression แสร้งว่าไหวแต่ในใจแตกสลาย (หรือช่วง 1.49-1.58) ที่ตัวละครได้พูดว่า “นางไม่สน คนจะคิดไง” “สนสิ แค่แกล้งทำไม่สน” ซึ่งประโยคนี้คือเกี่ยวกับอาการ Smiling Depression นั่นเอง ฝืนยิ้มทั่งที่ในใจไม่ได้อยากยิ้ม หรือมีความสุขจริงๆ เรียกได้ว่าทั้งทัชใจและให้ข้อคิดได้หลากหลายมุมมองเลยทีเดียว แต่เพียงตัวอย่างคงยังไม่จุใจใครหลายคนและคำตอบที่แท้จริงในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องไปดูภาพยนตร์เต็มๆ กันแล้วว่าSmiling Depression ที่ตัวละคร 1 คนที่ต้องเจอตั้งแต่เด็กจนโตนั้น พฤติกรรมค่อยๆ เปลี่ยนยังไงกับบ้าง เราไปดูพัฒนาการความสัมพันธ์ของตัวละคร และความเข้มข้นของเนื้อหาได้ในโรงภาพยนตร์เร็วๆ นี้ นั่นคือวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 นี้!!! บอกเลยว่าห้ามพลาด ไขข้อข้องใจในบทความนี้แล้วก็ไปต่อที่ภาพยนตร์เรื่อง Wicked กันต่อรับรองอ่อถึงบางอ้อเลย


https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/smiling-depressionยิ้มง่ายแต่ภายในแตกส/

https://www.rama.mahidol.ac.th/th/depression_risk

https://movie.kapook.com/view285087.html#google_vignette


บทความอื่นๆ ที่แนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้