1. SistaCafe
  2. พร้อมโชว์หน้าสด! 7 เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยกำจัด 'รอยสิว' ให้หน้าใสกิ๊ง จนใครๆ ต้องอิจฉา ♡

เซย์ฮายค่ะซิสซี่ สาวๆSistaCafeที่รัก ( ´ ▽ ` ).。o♡ปัญหากวนใจ กวนอารมณ์ของผู้หญิงอย่างเรา จะวัยรุ่น หรือวัยทำงานก็เจอกันหมด มอบมงให้' สิว 'ไปเลยจ้า!นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป แต่บางทีตอนไป ไม่ได้ไปแบบ 100% น่ะสิ อักเสบไว้ซะเยอะ พอใกล้หายเลยเหลือรอยไว้ให้ดู เป็นซากอารยธรรมบนใบหน้าเวอร์ๆรักษาก็ยาก ไม่รู้ทำไงดี เลยต้องแต่งหน้ากลบทุกวัน ทุกวันนี้ไม่กล้าโชว์หน้าสดให้ใครเห็น กลัวเพื่อนผงะ นึกว่าหน้าไปโดนระเบิดมา กรี๊ดดดดการมีรอยสิว แม้จะไม่ได้น่ากลัวเท่าสิวหัวช้าง สิวอักเสบแดงๆ แต่ก็ทำให้ผิวหน้าไม่เนียน ไม่สม่ำเสมอ ความมั่นใจในตัวเองลดลง ถ้าเป็นรอยรุนแรงมากๆ อาจถึงขั้นไม่อยากส่องกระจก ซึมเศร้าไปเลยก็มีดังนั้นสาวๆ ขา อย่าให้ปัญหานี้มากวนใจเลย เพราะเราได้รวบรวม7 วิธีง่ายๆ ช่วยลดรอยสิว ที่ทำให้หน้าใสกิ๊ง จนเธอต้องร้องว้าว!มาให้อ่านกันแล้วพวกเรามาทวงคืนหน้าเนียนๆ คืนกันเถอะ!

1. ใข้สครับ 'ขัดเซลล์ผิวเก่า' ออกจากใบหน้า

มาเริ่มจากวิธีเบาๆ กันก่อน ด้วยการ ' สครับผิว ' จะใช้สูตรสครับ DIY จากวัตถุดิบในบ้าน หรือหาซื้อสครับขัดผิวหน้า ( มีทั้งแบบหลอดและแบบกระปุก ) ตามเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างๆ ในห้างก็ได้อันที่จริง จะผิวปกติหรือมีรอยสิว ก็ควรทำเป็นประจำ เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ เผยผิวที่กระจ่างใสยิ่งกว่าเดิมค่ะต้องบอกก่อนว่า การใช้สครับ จะไม่ทำให้รอยสิว ' หายไปเลย 100% ' นะคะ แต่จะช่วยให้จางลงในเลเวลที่ โชว์หน้าสดได้โดยเพื่อนไม่ตกใจกลัว หรือแต่งหน้าแล้วไม่ต้องโบกคอนซีลเลอร์หนาๆและอย่าสครับแรง / บ่อยเกินไป หน้าจะระคายเคือง และพัง! แค่ 2-3 ครั้ง/ สัปดาห์ก็พอค่า >//


2. ลดรอยสิวด้วย ' กรด Glycolic '

ถ้าวิธีธรรมชาติไม่เวิร์ค ก็ต้องพึ่งสารเคมีกันแล้วล่ะค่ะซิส! กับกรดผลไม้ในกลุ่ม AHA ยอดนิยมที่เรารู้จักกันดี สาวๆ นิยมใช้มากที่สุด ซึ่งมีชื่อว่า ' กรดกลีโซลิก ( Glycolic Acid ) 'มีคุณสมบัติลดรอยสิว และลดรอยดำรอยแดงจากสิวก็ได้เช่นกัน #ครอบจักรวาลไปเล้ย!กรดนี้มีโมเลกุลขนาดเล็กมากๆ ละลายได้ในน้ำ จึงสามารถแทรกซึมลงไปในผิวได้เร็วและลึกที่สุด และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้ผิวหน้ากระจ่างใสอีกด้วยเราแนะนำให้เธอหาโทนเนอร์ ที่มีส่วนผสมของกรดชนิดนี้ ทาก่อนนอน 2-3 ครั้ง/ สัปดาห์ รอยสิวที่มีจะค่อยๆ จางหายไปจนรู้สึกได้ค่ะ ^_ ^

3. ใช้ 'วิตามินอี' ก็ช่วยลดรอยสิวได้นะ

วิตามิน E เป็นวิตามินสารพัดประโยชน์สุดๆ โดยเฉพาะกับผิว! เมื่อสาวๆ ทา หรือกินวิตามินชนิดนี้ ผิวจะดีขึ้น รวมถึงช่วย ' ลดรอยสิว ' ได้เช่นกัน =w=โดยแนะนำให้ทาวิตามินบริเวณที่มีรอยสิว จะบนหน้า แขน เข่า ขา ได้หมด แต่อาจต้องใช้เวลานาน และทำต่อเนื่องสักหน่อยนะคะแต่ข้อเสียคือ วิตามินชนิดนี้ไม่เหมาะกับคนผิวมัน ถ้าทาช่วงกลางวัน ผิวอาจจะเหนอะหนะเกินไป ให้ทาก่อนนอนจะได้ผลดีกว่าค่า ヽ(*・ω・)ノ


4. ทา 'ครีมกันแดด' ที่ผิวหน้าทุกวัน

สาวๆ หลายคนคงสงสัย ทาครีมกันแดด จะช่วยลดรอยสิวได้ยังไงกัน? คำตอบคือ ครีมอาจไม่ได้ช่วยโดยตรงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าไม่ทาเนี่ยสิ รอยสิวจะยิ่งอักเสบ บวมแดงกว่าเดิม!เพราะแสงแดดมีรังสียูวี ซึ่งอันตรายมากๆ ต่อผิวหนัง ถ้าปล่อยให้รอยสิวโดนแดดตรงๆ ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น.... #หน้าก็คือพังไปเลยจ้าไม่ว่าจะผิวปกติ หรือมีรอยสิวก็ตาม เธอก็ควรทาครีมกันแดดทุกวัน อย่าลืมเลือกเนื้อครีมที่เหมาะกับสภาพผิว และจำนวน SPF ที่เหมาะสมด้วยนะจ๊ะ จะได้โชว์หน้าสดไปนานๆ *-*


5. หาซื้อ 'ผลิตภัณฑ์ช่วยลดรอยสิว' มาใช้

พูดถึงผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ มีให้เลือกตามท้องตลาดเยอะ-มาก! เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว เช่น สเปรย์, ครีม, เจล etc. อันนี้ก็แนะนำมากไม่ได้ ต้องดูสภาพรอยสิว และผิวหน้าของแต่ละคนด้วยว่า เหมาะกับไอเทมแบบไหนแต่ให้เลือกแบรนด์ที่เป็น ' เวชสำอาง ' ไว้ก่อน จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดอาการแพ้ได้ค่ะข้อเสียของไอเทมลดรอยสิวคือ รอยไม่ได้หายปุบปับ กว่าจะหน้าใสต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน บางยี่ห้อทาแล้วได้ผล บางยี่ห้อทาแล้วเฉยๆ ค่อนข้างต้องงมหานิดนึง กว่าจะเจอยี่ห้อที่ถูกกับตัวเอง*แอบกระซิบว่า ถ้ารู้ตัวเร็วว่ามีสิว ให้ทาครีมลดรอยตั้งแต่สิวตกสะเก็ดเลย พอสิวหายไปหมด จะไม่เหลือร่องรอยไว้ให้กวนใจค่ะ*


6. รอเวลา ต้องมีความอดทน!

ข้อนี้ไม่ได้แนะนำวิธีแปลกๆ พิสดารล้ำลึกแต่อย่างใด แค่ขอร้องให้สาวๆ อดทนกับรอยสิวหน่อย! เราไม่มีทางจะทาครีม 1 ปื๊ด แล้วรอยสิวหายแว้บ! ภายในข้ามคืนได้ยกเว้นการเลเซอร์ที่หายเร็วกว่าวิธีปกติ ซึ่งก็ใช่ว่าจะหน้าใสทันที ต้องพ้นช่วงผิวแดงจากเลเซอร์ไปก่อน แล้วได้ของแถมคือผิวไวต่อแสงง่ายกว่าเดิมด้วยจ้า ;___;สรุปคือ ไม่ว่าวิธีไหนๆ จะช้าจะเร็วก็ต้องใช้เวลาอยู่ดีค่ะ กี่สัปดาห์ กี่เดือนก็ว่ากันไป ขอแค่สาวๆ มีวินัย ดูแลรอยสิวทุกวันเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ความพยายามจะส่งผลในที่สุดแน่นอน สู้!

7. ( ถ้าไม่ไหวจริงๆ แล้ว ) ก็ไปหา 'หมอผิวหนัง' เถอะ!

เอาล่ะ... ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ แหละว่า รอยสิวบางประเภท ก็ไม่สามารถรักษาได้เองค่ะซิส ถ้าเป็นรอยสิวที่กว้าง หลุมลึกจนเกินเยียวยา เช่น แผลหลุมกระทะหรือคีลอยด์ ก็ต้องเดินเข้าคลินิกเสริมความงาม ปรึกษาหมอผิวหนังละซึ่งแน่นอนว่า ก็ต้องลงทุนเยอะหน่อย T^T แต่รอยสิวจะหายได้แน่นอนส่วนใหญ่การรักษารอยสิว ก็จะทำด้วยวิธี ' เลเซอร์ ' ซึ่งก็มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ แต่ที่ฮิตที่สุดคือ เลเซอร์ชนิด IPLยังไงก็คุยกับหมอให้เข้าใจ ถึงกระบวนการรักษาและผลข้างเคียง ก่อนตัดสินใจทำนะคะซิส เราเป็นห่วง ^ ^


------------------------------------


เป็นไงงง หายกังวลกันแล้วรึยังเอ่ย? อันที่จริงรอยสิวเหล่านี้ จะขนาดเล็กหรือใหญ่ รอยตื้นหรือลึก ก็รักษาให้หายเกือบ 100% ได้ค่ะถ้ารักษาอย่างถูกวิธี ไม่ต้องทนรำคาญ หวาดกลัว ซึมเศร้ากับหน้าตัวเองอีกต่อไป ทำตามวิธีในบทความเหล่านี้ ถ้าไม่หายจริงๆ ก็ไปหาหมอ รักษาด้วยเลเซอร์ให้หาย เท่านั้นเอง หน้าก็กลับมาเนียนแล้ว #ไม่ต้องไปตายแล้วเกิดใหม่เด้อออ



ส่วนวันนี้เราต้องขอตัวไปทำงานปั๊มเงิน ซื้อคอร์สเลเซอร์ IPL ก่อน หลุมสิวเยอะไม่ไหวแล้ว นึกว่าดาวอังคาร แง ;__; ไปแล้วค่าา บ๊ายบาย


------------------------------------


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1