รูปภาพ:

สวัสดีค่ะ ชาวซิสต้าคาเฟ่ทุกคนนน เชื่อว่า ถ้าพูดถึงสกินแคร์จาก SK-II เช่น

น้ำตบพิเทร่า™

หรือ

‘มิราเคิล วอเตอร์’

ฯลฯ คนจะชอบนึกถึงว่า คนช่วงวัย 30-40 ปีขึ้นไปแน่เลย (แอบสารภาพว่า เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยอยากลองใช้มากกก แต่ไม่มั่นใจว่าจะเหมาะกับผิวคนอายุ 20 กว่าๆ แบบเราไหม เลยไม่ได้หามาลองซักที) จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนที่แล้วมีโอกาสได้รับ

SK-II Facial Treatment Essence

จากทางแบรนด์มาให้เราได้ทดลองใช้ วันนี้เราเลยขอมารีวิวให้ทุกคนได้ดูกันค่ะว่า น้ำตบ SK-II ดีไหม? คุ้มที่จะลงทุนรึเปล่า?

รูปภาพ:

ทำความรู้จักกับ SK-II และ PITERA™

แบรนด์ SK-II เป็นหนึ่งใน High Brand สัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกจากส่วนประกอบที่ชื่อ PITERA™ เอกสิทธิ์เดียวเฉพาะ SK-II จะบอกว่า ประวัติของส่วนประกอบตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย คือ นักวิทยาศาสตร์ไปดูคนงานนวดข้าวเพื่อหมักบ่มสาเก แม้หน้าตาของคนงานคนนั้นจะเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา แต่ว่ามือที่คอยนวดบ่มข้าวเป็นประจำกลับเนียนนุ่ม ดูอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็ก เลยเริ่มคิดและวิจัยจริงจังจนค้นพบ

เจ้าตัวพิเทร่า™ ส่วนประกอบทางชีวธรรมชาติล้ำค่าที่อุดมไปด้วยอนุภาคอาหารผิวกว่า 50 ชนิดนี่เอง!

รูปภาพ:

SK-II Facial Treatment Essence (ราคา SK-II ขนาด 230ml = 7,xxx.-)

น้ำตบพิเทร่า™

นางเอกประจำแบรนด์ ที่ถ้าพูดถึง SK-II ทุกคนจะต้องนึกถึงน้ำตบตัวนี้แน่นอน ผ่านการการันตีด้วยยอดขายอันดับหนึ่ง และรางวัลมากมาย ทางแบรนด์เคลมว่า ใส่เจ้าตัว PITERA™ มาแน่นๆ มากกว่า 90% ให้สารอาหารผิวครบถ้วนจากวิตามิน กรดอะมิโน และแร่ธาตุต่างๆ เน้นเรื่องฟื้นผิวให้ทำงานมีประสิทธิภาพเหมือนวัยหนุ่มสาว + ปรับผิวกระจ่างใส เรียบเนียน กระชับ + ฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงจากปัจจัยภายนอก

.


ขอเล่าเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ เรื่องฟื้นผิวให้ทำงานมีประสิทธิภาพ คนช่วง 10 กว่า – 20 กว่า ปี อาจจะยังไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ เพราะอวัยวะและพวกเซลล์ต่างๆ ยังคงทำงานได้ดีอยู่ แต่พออายุมากขึ้นเริ่มตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป

เซลล์ผิวจะเริ่มทำงานน้อยลงทำให้พลังงานในเซลล์น้อยลง เช่น การสร้างสารอุ้มน้ำลดลงทำให้ผิวกักเก็บน้ำได้น้อยลง เซลล์ไฟโบรบลาสต์ที่สร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวก็สร้างคอลลาเจนน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างริ้วรอยและอื่นๆ ตามมา ฯลฯ หากมีปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น ยูวี มลภาวะ ความเครียด ฯลฯ ปัญหาก็จะหนักหรือมาไวมากกว่าปกติไปอีก

ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่งด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอก+เริ่มต้นดูแลผิวให้ดีตั้งแต่ช่วง 20 ปีขึ้นไปค่ะ

รูปภาพ:

ส่วนประกอบ :

ตัวนี้ใส่ส่วนประกอบมาไม่หลากหลาย มีสารแอคทีฟหลักคือ Galactomyces Ferment Filtrate หรือพิเทร่า™ และตัวอุ้มความชุ่มชื้นคือ BG+PG เราโอเคมากกว่าที่ เขาใส่

พิเทร่า™ มาเข้มข้นในระดับที่มีงานวิจัย(ของแบรนด์)รองรับ คือ มากกว่า 90%

ดีกว่าใส่มาหลายตัวแล้วไม่เข้มข้นพอ รวมๆ คือให้สารอาหารผิวที่หลากหลาย ช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ + ฟื้นผิวจากความหมองคล้ำ แห้งกร้าน ริ้วรอย + ปกป้องไม่ให้เกิดปัญหาผิวจากปัจจัยภายนอก

.


ในส่วนของแบรนด์อื่นที่พยายามสื่อสารว่าเป็น Dupe ของเจ้าตัวนี้

เราจะบอกว่า ลองนึกภาพว่า ข้าวยังมีหลายสายพันธุ์ มีหลายเกรดให้คนเลือกทาน ส่วนประกอบที่ถูกนำมาทำเป็น PITERA™ ก็เช่นกัน ในส่วนของโครงสร้างอาจมีความคล้ายกันบ้าง แต่ยีสต์ที่ได้จากการหมัก คุณสมบัติ และผลลัพธ์ย่อมต่างกัน เพราะอย่างที่บอกว่า PITERA™ เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ มีแค่ใน SK-II เท่านั้น มีกันเสียจากพาราเบน แต่ไม่มีสารอันตรายต่อผิว ส่วนตัวใช้แล้วไม่แพ้หรือระคายเคืองใดๆ ทั้งสิ้น ปล. ผิวแพ้ง่ายควรเช็คว่า ตัวเองแพ้ตัว พิเทร่า™ ไหม? แค่นั้นค่ะ

รูปภาพ:

วิธีใช้ SK-II Facial Treatment Essence

หลังจากใช้โทนเนอร์เช็ดที่ผิวเพื่อเช็คเรื่องความสะอาด+ปลอบปละโลมผิวเบาๆ แล้ว ส่วนตัวเราทำตามคลิปวิดีโอด้านบนเลย เขาแนะนำวิธีใช้มา 2 แบบ คือ

1)

เทน้ำตบลงฝ่ามือประมาณ 3 หยด หรือเหรียญ 5 บาท ประกบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน แล้วกดฝ่ามือที่มีน้ำตบพิเทร่า™ ไปที่ผิวหน้าด้วยลำคอ แบบ Pat Pat (ประมาณว่า แปะๆ ลงกับผิวเบาๆ ไม่ต้องตบเด้อ)

2)

เทใส่สำลีประมาณวงเหรียญ 5 บาท แปะซับผิวเบาๆ ให้ทั่วผิวหน้าและลำคอ

ส่วนตัวเราใช้แบบ 1) ต่อด้วย 2) เลย

ให้ผิวได้ซึมซับน้ำตบแบบเน้นๆ แต่ถ้าเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งแนะนำวิธีที่ 2 นอกจากนี้คือ แบ่งใส่ขวดสเปรย์ไว้ฉีดเติมความชุ่มชื้นระหว่างวันก็ได้ หรือถ้าใครอยากฟื้นฟูผิวขั้นสุด ก็ทำมาสก์โทนเนอร์ ด้วยการเทใส่สำลี 2-3 แผ่นแล้วมาแปะลงบนผิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีก็เรียบร้อย!

รูปภาพ:

เนื้อสัมผัส

เนื้อเหลวใส ซึมไว ไม่เหนอะหนะ และไม่อุดตันผิว สาวผิวผสม(แบบเรา)-ผิวมันชอบแน่นอน สาวผิวแห้งใช้ได้ แต่ต้องเติมความชุ่มชื้นด้วยตัวอื่นเพิ่มอีกนิดนึง ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเลย บำรุงก่อนแต่งหน้าดีมาก ส่วนกลิ่นประมาณน้ำหมัก แต่ไม่แรง ส่วนตัวเคยใช้สกินแคร์ออร์แกนิกมาก่อน ตัวนี้เลยสบายมากกก แต่ใครที่ปกติชอบสกินแคร์ใส่น้ำหอมอาจจะงงกับกลิ่นนิดนึง

รูปภาพ:

สรุปความเห็นส่วนตัวหลังใช้น้ำตบพิเทร่า™

บอกก่อนว่า ในช่วงสัปดาห์แรกที่เราใช้มีการเปลี่ยนโฟมล้างหน้า+โทนเนอร์ แล้วเพิ่มน้ำตบ SK-II มาในรูทีนและใช้ยาแก้แพ้ทาผดผื่นจากแพ้เหงื่อด้วย สิ่งที่รู้สึกว่า ผิวเปลี่ยนจากน้ำตบตัวนี้ คือ ผิวเนียนรูขุมขนดูละเอียดมากขึ้น ปกตินอนดึกนอนน้อยต้องมีรูขุมขนโผล่บ้างแล้ว แต่นี่คือผิวดูเนียนกว่าปกติ รองลงมาคือผิวแลดูกระจ่างใสเบาๆ ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นตามธรรมชาติเล็กน้อย บางวันที่ผิวแห้งควรเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ตัวอื่นเพิ่มเติม ยืนยันว่า อายุประมาณเราใช้ได้ปกติเลยค่ะ ไม่ได้มีเอฟเฟ็กต์หรืออะไรที่น่ากังวล ส่วนเรื่องปลอบปละโลมผิวเราไม่ค่อยมั่นใจ คาดว่าเพราะยาแก้แพ้มากกว่านะคะ ;w; //

อัปเดตเพิ่มเติมหลังลองใช้มาประมาณเดือนนึง

เราชอบที่ผิวเห็นความแตกต่างอย่างผิวใสละเอียดค่อนข้างชัดเจน ช่วยเสริมเรื่องผิวกระจ่างใสได้ในระดับหนึ่ง เคยลองหยุดใช้ 1 สัปดาห์ผิวไม่ได้แย่ลงนะคะ

.


ถ้าถามว่า SK-II ดีไหม? คุ้มไหม?

สำหรับนักศึกษาหรือ First Jobber วัย 20 กว่าปีแบบเรา ถือว่า ให้ผลลัพธ์ที่ประทับใจ ปริมาณและคุณภาพคุ้มค่า สมราคา ถ้ามีโอกาส+งบถึง เริ่มต้นดูแลผิวช่วงอายุนี้ดีที่สุดค่ะ แต่ถ้างบไม่มากแนะนำไซส์รองลงมา หรืออาจจะลองหารแบ่งใช้กับคนในครอบครัวนะคะ

ใครที่สนใจ แต่ยังไม่มั่นใจว่า จะดีไหม หรือตอบโจทย์ผิวตัวเองรึเปล่า แนะนำให้เสิร์ชหา SK-II รีวิว เพิ่มเติม + อาจจะลองไปเทสต์ที่เคาท์เตอร์ หรือสอยขนาดเล็กเช่น Travel Set มาลองใช้ก่อนก็ได้นะคะ คิดว่าใช้ได้นานอยู่ เพราะเราใช้

SK-II Facial Treatment Essence

ขวดนี้มาเช้า-เย็นก็ลดลงไปไม่มากเลย ส่วนใครที่มั่นใจว่าจะสอยแต่ยังไม่มั่นใจว่า ซื้อ SK-II ได้ที่ไหน แนะนำเคาท์เตอร์สาขาใกล้บ้านเลยค่ะ ช่วงจัดโปรดีที่สุด แถมไม่ต้องกังวลเรื่องของปลอมด้วยเด้อ! ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าน้า สวัสดีค่ะ

รักรักรัก <3

รูปภาพ: